เสียงเลื่อนประตูเหล็กดังครืดทำให้ฮิบิยะตื่นจากภวังค์
“อ้ะ..ขอโทษค่ะ ทำให้ตื่นหรือเปล่าคะ” มาฮินะลนลาน ดวงตากลมโตฉายแววรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน เธอยืนค้างอยู่ที่ประตูเข้าห้องชมรมในตอนกลางวัน ในมือถือข้าวกล่องที่ถูกห่อด้วยผ้าสีกรมท่า อีกมือหนึ่งถือสมุดโน้ตเล่มบางและหนังสือเรียนเล่มหนาไว้ข้างกาย
“ไม่เลยครับ.. จริงๆ ผมควรจะตื่นตั้งนานแล้วล่ะ” ฮิบิยะจัดแว่นตัวเองที่ตกลงเพราะนอนผิดท่าเล็กน้อย เขารู้สึกปวดเมื่อยตามตัวนิดหน่อย เลยยืดเส้นยืดสายสักนิดก่อนจะลืมตัวว่าไม่ได้ทักทายอีกฝั่ง “สวัสดีตอนกลางวันครับคุณชิมาซากิ”
“สวัสดีค่ะ” มาฮินะตอบกลับ ดูท่าว่าวันนี้อีกฝั่งจะมาห้องชมรม
แผนการทำให้บรรยากาศอึดอัดในห้องชมรมลดน้อยลงดูจะไปได้สวยนะ มาฮินะคิดในใจ เธอเดินเข้าไปนั่งลงที่โต้ะกลางชมรม ส่วนฮิบิยะก็เริ่มพลิกหน้าหนังสือเล่มหนาที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาอ่าน ดูเหมือนว่าเป็นหนังสือที่อยู่ในชั้นหนังสือของห้องชมรม
“ผมกินข้าวเสร็จแล้วครับ” ประโยคแปลกประหลาดถูกพูดออกมาจากคนตรงหน้า เขาไม่เงยหน้าขึ้นมามองขณะกำลังพูดอยู่
นั่นแปลว่า ‘คุณมาฮินะ ทานข้าวได้เลยครับ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องทานอาหารกลางวันในห้องชมรมหรอกครับ’ หรือเปล่านะ ?
เธอค่อยๆ คลี่ห่อผ้าสีกรมท่า อีกฝั่งไม่มีท่าทีอะไรเธอจึงเดาว่าเป็นเช่นนั้น ข้าวกล่องวันนี้คือหมูผัดซอส ใส่หอมใหญ่และมะเขือม่วง เครื่องเขียงคือสลัดมันฝรั่ง ส่วนผลไม้คือแอปเปิ้ลที่เลือกซื้อเมื่อวาน วันนี้มาฮินะแยกกล่องข้าวออกมาเป็นสามกล่อง เพื่อแยกข้าวและผลไม้
“ทานละนะคะ” เธอพูดเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอีกฝั่ง เมนูวันนี้ค่อนข้างมีรสเค็มนำ เป็นเมนูที่ค่อนข้างง่ายจึงไม่เสียเวลาในการทำมากตอนเช้า
วันนี้เธอใส่ใส่แป้งข้าวโพดลงไปก่อนจะทำเสร็จ ทำให้หมูดูมีเงาวับสวยงาม มาฮินะยิ้มพอใจกับผลงานในวันนี้เล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหนักเค็มไปเสียหน่อย แต่ไม่เป็นไร วันนี้เธอมีตัวช่วยแล้วเรียบร้อย
ช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวันของมาฮินะในวันที่คุเรนะกับสุมิเระเข้ากิจกรรมชมรม(วิชาการ)ตอนกลางวันกันผ่านไปอย่าเงียบเชียบ ในห้องมีแต่เสียงพลิกกระดาษจากอีกฝั่ง อุณหภูมิวันนี้เย็นลงจากเมื่อวานเล็กน้อยแสงแดดส่องผ่านเข้ามาในห้องชมรมเกิดเป็นเงาตกสะท้อนและแสงไฮท์ไลท์ให้บรรยากาศในห้องชมรม ความเงียบสงบนี้อาจจะเป็นสัญญานที่ดีในการทวงคืนเวลาอาหารกลางวันของเธอกลับมา แต่คราวนี้ฮิบิยะไม่ได้ขอข้าวกล่องเธอแต่อย่างใด
ถึงจะกลืนน้ำลายดัง เอื้อก ให้เธอได้ยินก็ตาม
สรุปแล้วฮิบิยะ คาสึโอะเป็นเด็กหนุ่มที่กินแค่ข้าวปั้นจากร้านสะดวกซื้อในตอนกลางวัน คาดเดาจากเศษขยะในถังขยะหน้าห้องชมรม และดูท่าจะชอบเบนโตะเป็นพิเศษ
เมื่อมาฮินะทานข้าวเสร็จแล้วเธอจึงเก็บกล่องข้าวและหยิบกล่องผลไม้กล่องเล็กออกมา ข้างในมีแอปเปิ้ลที่ตัดเอาไว้เรียบๆ ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ เธอจิ้มแอปเปิ้ลชิ้นนึงด้วยไม้จิ้มสีดำที่พกมาด้วยในกล่อง
รสหวานอมเปรี้ยวเด่นชัดของแอปเปิ้ลที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานทำให้มาฮินะตาโต ความเปรี้ยวและความหวานบาลานซ์กันอย่างลงตัว เหมาะแก่การล้างปากจากเมนูหลักที่มีรสชาติเค็มนำ เธอขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเลือกหมูผัดหอมใหญ่และมะเขือม่วงเป็นอาหารกลางวันในวันนี้
มาฮินะมองไปด้านหน้า เห็นฮิบิยะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มใหญ่
“รสชาติ..เป็นอย่างไรบ้างครับ?” อีกฝั่งเอ่ยถามเธอ เขาค่อนข้างกังวลว่าสิ่งที่ตัวเองอยู่ดีๆ เดินเข้าไปแนะนำแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจะออกมารสชาติไม่ดีเท่าที่ควร
“อร่อยค่ะ หวานอมเปรี้ยวแบบที่คุณฮิบิยะบอกเลย” มาฮินะบอกตามตรง “เป็นผลไม้ตัดรสที่ดีเลยค่ะ”
คาสึโอะพยักหน้า ได้ยินแบบนั้นเขาก็ผ่อนคลายความกังวลไปได้บ้าง
“อ้ะจะว่าไป” เสียงของมาฮินะดังขึ้น เรียกฮิบิยะที่จมอยู่กับความคิดของตนเองให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“มีอะไรหรอครับ?”
อีกฝั่งหยิบกล่องเบนโตะอีกกล่องออกมา ด้านในมีแอปเปิ้ลที่ถูกตัดอย่างเป็นระเบียบเหมือนกันกับกล่องที่มาฮินะทานอยู่
“ถ้าไม่รังเกียจคุณฮิบิยะลองทานด้วยกันซิคะ ถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยชั้นเลือกน่ะค่ะ” มาฮินะพูดพลางยื่นกล่องนั้นมาให้เขา
“เอ้ะ จะดีหรอครับ ..” เด็กหนุ่มตอบตามสัญชาตญาน มาฮินะพยักหน้าตอบ “แอปเปิ้ลลูกเดียวฉันกินไม่ไหวทั้งลูกน่ะค่ะ แค่ข้าวก็อิ่มมากพอแล้ว”
“ถ้างั้นก็ ขอบคุณนะครับ” ฮิบิยะตอบ ก่อนจะหยิบไม้จิ้มสีดำมาจิ้มแอปเปิ้ลในกล่องที่ตัวเองรับมาก่อนจะกัดไปคำนึง รสหวานอมเปรี้ยวของมันทำให้แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีรสหวานอมเปรี้ยวอย่างไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับรสโปรดของตนเองอยู่ดี
“อร่อยเนอะคะ”
“อร่อยมากเลยแหละครับ”
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันต่ออีกเพียงแต่เพลิดเพลินกับผลไม้ตรงหน้าตัวเองต่อ แม้แต่ฮิบิยะเองก็รู้สึกประหลาดใจกับบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในห้องชมรมเช่นกัน อาหารนี่ช่างมหัศจรรย์เสียจริง เขาคิดในใจ
มาฮินะเปิดสมุดเล่มบางเพื่อทบทวนบทเรียนหลังจากลิ้มรสแอปเปิ้ลเสร็จ ส่วนฮิบิยะก็อ่านหนังสือเล่มโตของเขาต่อ เวลาพักกลางวันจึงดำเนินไปอย่างเงียบสงบต่อไป
“อย่างที่ว่า จริงๆคุณฮิบิยะก็ดูไม่เกลียดฉันเท่าไหร่นะ” มาฮินะพูดขึ้นตอนนี้เธอเดินอยู่ข้างๆ คุเรนะและสุมิเระ ทั้งสามคนกำลังเดินทางไปโรงเรียนติวที่เดียวกันอยู่
เด็กสาววัยมัธยมปลายทั้งสามคนเดินผ่านทางเดินอิฐสีแดงและร้านรวงต่างๆ พูดคุยกันสัมเพเหระก่อนที่จะถึงที่หมาย ส่วนเคียวนั้นแยกตัวไปกับกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่ม
“คาดเดายากจัง” คุเรนะพูดขึ้น ก้าวเดินของเธอนั้นสั้นกว่าคนอื่นทำให้ดูเหมือนกำลังกึ่งวิ่งอยู่ตลอดเวลา
“คงจะรู้สึกผิดที่ทำให้มาฮินะรู้สึกอึดอัดตอนเจอกันครั้งแรกรึเปล่านะ? ก็เลยอยากลดกำแพงลงเพราะไม่ได้มีเจตนาอะไร” สุมิเระคาดเดา แต่ส่วนตัวเธอก็ไม่รู้จักฮิบิยะ คาสึโอะเป็นพิเศษเหมือนกัน
พวกเธอสามคนอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนเคียวเหมือนจะอยู่ห้องเดียวกันกับฮิบิยะ เพราะงั้นหากทั้งสามคนไม่รู้จักเด็กหนุ่มหน้ามนคนนี้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ มีเพียงแต่คุเรนะจังที่ถูกอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องคะแนนสอบมหัศจรรย์ของเธอพร้อมกับฮิบิยะเท่านั้นที่รู้จักเขามากกว่าคนอื่น
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าเป็นแบบนั้นนี่ดีมากๆ เลยนะ” มาฮินะผ่อนลมหายใจ
“ยอมให้ชั้นกินข้าวกลางวันในห้องชมรมด้วย แต่ดูแล้วไม่ได้มาห้องชมรมทุกวัน แบบนี้ก็ถือว่าสงบสุขสิ”
“ก็ถ้ามาฮินะไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรนั่นก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”
เด็กสาวทั้งสามกล่าวแยกย้ายเมื่อเดินจนถึงหัวมุม มาฮินะและคุเรนะเดินเข้าอาคารติวแห่งเดียวกัน วันนี้ก็เป็นชีวิตประจำวันอีกวันนึงของพวกเธอ ยกเว้นแต่เด็กสาวคนนึง
‘ชีวิตประจำวันของชั้นดูจะเปลี่ยนไปซักหน่อยแล้วละนะ’ มาฮินะคิดในใจ