ตอนที่ 05 บุกเคาะประตูถึงหน้าห้อง
ฝ่ามือหยาบหนาผลักเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ภายในห้องสถานที่พักผ่อนอยู่อาศัย ล้วนนิ่งเงียบปราศจากสิ่งตกแต่งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เพียงแค่เหลือบมองไปตามอารมณ์ก็บ่งบอกได้เลยว่าเจ้าของห้องออกจะเป็นคนง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก
ไม่มีความจำเป็นต้องตกแต่งให้มากความ เน้นเพียงการใช้งานเป็นหลักก็เพียงพอกับความต้องการของตน ทราเวียร์ถอดรองเท้าก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปในห้อง แน่นอนว่าจุดหมายปลายทาง
เขาเลือกมุ่งหน้าไปที่เตียงนอนเป็นอันดับแรกไม่มีบ่ายเบี่ยงไปไหน
“…”
พอถึงเตียงนอนชายหนุ่มร่างสูงไม่มีรอช้า
พลันล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มทันที ใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยเศษดินเศษฝุ่นวางแนบชิดติดผ้าปูที่นอนไม่มีเกรงกลัวว่ามันจะเปื้อน ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ก่อนเขาจะพลิกร่างขึ้นมา
เปลี่ยนจากนอนคว่ำเป็นนอนหงายจดจ้องมองเพดานแทน
“…”
บอกกล่าวตามตรงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
มันช่างเป็นอะไรที่ยากจะปรับเปลี่ยนเตรียมตัวได้ทัน
อย่าว่าแต่เขาเลย หากเปลี่ยนเป็นใครคนอื่นมาประสบพบเจอสถานการณ์เฉกเช่นเดียวกัน ก็แทบจะเดาได้เลยว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาเป็นแบบไหน หากไม่ลงมือกระทืบอีกฝ่ายก็คงสติแตก
สติแตกกลายเป็นบ้ากระทำอะไรที่มันหนักหน่วงเกินเบอร์ แต่ทราเวียร์ไม่ได้อยู่ในสองประเภทที่กล่าวมา เขากับควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้เขาต้องเจ็บปวด
แต่ถ้าเทียบผลกระทบจากการเลือกเส้นทางอื่นแทนโดยเฉพาะเจ้าสองเส้นทางที่กล่าว
เส้นทางเส้นนี้ก็ถือว่าไม่เลว
“…”
“เฮ้อ!~”
“…”
ถึงมันจะเจ็บตัวก็เถอะ
ทราเวียร์ส่ายหน้าพลางทอดถอนหายใจ
ก่อนจะเลือกหยิบเอาโทรศัพท์ของตนออกมา เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เขาลากพาร่างเนื้อร่างกายของตนกลับบ้าน มันดันสั่นไม่มีหยุดหย่อน และสาเหตุที่สั่นไม่เลิกคงไม่พ้นต้องเป็นข้อความ
เป็นข้อความแชทในกลุ่มแหล่งรวมเศษเดนเศษสวะสังคม
“…”
“ให้ตายสิ”
“…”
เป็นไปตามที่ครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิด
สายตาราบเรียบภายใต้แสงไฟ ขยับเลื่อนอ่านข้อความแชทที่ปรากฏในกลุ่มรวมผู้ชายในชั้นปี และหนึ่งสิ่งอย่างที่ดึงดูดสายตาเขามากที่สุด ก็คงไม่พ้นภาพของเขาที่ถูกโยนเข้าไปในกลุ่ม
เป็นฉากภาพที่เขานอนหมอบกับพื้นรอบข้างไม่มีใครคนอื่น แถมสภาพร่างกายที่นอนหมอบแน่นิ่งไม่มีขยับไปไหนยังน่าสมเพชเวทนาขั้นสุด ทราเวียร์ไล่สายตาไล่ดูข้อความที่ปรากฏในกลุ่ม
แน่นอนว่าเจ้าพวกเศษเดนเศษสวะสังคมไม่มีทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ
…
[ เล่นหนักเลยนะ ]
[ ไม่กลัวมันกลับไปฟ้องแม่มันเหรอ? ]
[ ฟ้องก็ฟ้องดิวะกลัวที่ไหน ]
…
แทบไม่ต้องระบุเจาะจง
ว่าเป็นใครคนไหนที่กล้าลงรูปโหดร้ายทารุณแบบนี้ ซึ่งต้นสายปลายกำเนิดของคนที่กล้าลงรูปความรุนแรงในกลุ่มที่มีนักเรียนหลายร้อยคน โดยไม่มีความกลัวเกรงต่อกฎระเบียบสังคม
มันคงมีอยู่ไม่กี่คนหรอก และไอ้คนไม่กี่คนที่ว่า ก็ยังเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตทั้งหลายอีกด้วย ด้วยเหตุผลนี้เอง เลยไม่มีใครกล้าอยากจะลองดีกับมัน
กระทั่งพิมพ์โต้ตอบยังไม่กล้า
“…”
นอกจากลงมือเหยียดหยามหัวเราะเยาะราวกับเป็นเพียงเรื่องสนุกสนาน
พวกมันยังพูดคุยต่อถึงสิ่งที่จะกระทำต่อจากนี้ พิมพ์พูดคุยโดยไม่มีความกลัวเกรงต่อกฎระเบียบแม้แต่น้อย ขนาดเหล่าอาจารย์ทั้งหลายยังไม่กล้าจะยุ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเรียน
ในกลุ่มแชทตอนนี้เรียกได้ว่ามีเพียงพวกมันเท่านั้นที่กล้าเปิดเผยเรื่องราวสันดานเสียทั้งหลาย ส่วนพวกที่เหลือล้วนนิ่งเงียบไม่มีใครกล้ายื่นหน้ายื่นมือออกมา
ทราเวียร์กดปิดหน้าจอก่อนโยนโทรศัพท์ทิ้งข้างตัว
“…”
“อึก!”
“…”
เพียงแค่ขยับเนื้อตัว
ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลก็พลันแพร่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ทราเวียร์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามชักนำดึงสติกลับมา ก่อนจะใช้ฝ่ามือแตะสัมผัสบริเวณบาดแผล
และเมื่อพอยกขึ้นมาดูมันก็มีรอยเลือดติดออกมาด้วย
“…”
“เลือด?”
“…”
นอกจากหยดเลือดที่เปื้อนติดมา
มันยังมีสิ่งแปลกปลอมจำพวกเศษฝุ่นเศษดินแปดเปื้อนติดมาด้วย ลองมาเป็นแบบนี้แล้วคงไม่พ้นต้องทำความสะอาดบาดแผลใหม่ทั้งหมด กลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปแล้วจนได้
ทราเวียร์หลับตาลงอยากจะหลับสักแปป
กึก!
กึก!
กึก!
ประตูห้องก็ถูกเคาะ
ถูกเคาะจากด้านนอก ตอนแรกเริ่มเดิมทีเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ไม่มีกระทั่งเหลือบมองด้วยซ้ำ แต่พอนานเข้าแทนที่เสียงเคาะประตูจะจางหายไป มันกับดังมากขึ้นความถี่มากขึ้น
มากมายจนเขาอดทนอดกลั้นต่อไปไม่ไหว
“…”
“น่ารำคาญจริง”
“…”
สุดท้ายปลายทางเพื่อตัดความรำคาญ
เขาดึงกระชากตัวเองออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วเบาบางเพราะเตียงนอนของตนดันมีคราบเลือดเปื้อนประดับตามผ้าปูที่นอน เขาเดะลิ้นไม่ชอบใจก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวออกมา
และสวมมันทับปิดร่องรอยบาดแผลทั้งหมด กันไม่ให้เกิดเรื่องราววุ่นวายเกินจำเป็น เกิดมีใครคนอื่นพานพบเห็นบาดแผลบนร่างกายเขา คงไม่พ้นต้องพบเจอเรื่องราวยุ่งวุ่นวายอีกแน่
เมื่อตัดสินใจเตรียมการเสร็จสิ้นเรียบร้อยเขาก็เดินไปที่ประตู
“…”
“ครับ!”
“…”
“มาแล้วครับ!”
และพอเปิดประตูออกไป
สิ่งแรกเริ่มเลยที่พานพบเห็นเป็นอย่างแรกก็คือ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เป็นเรือนร่างงดงามปานเทพธิดาเพียงแค่เหลือบหันมองก็สามารถทิ้งร่องรอยความประทับใจได้ไม่รู้ลืม
แววตาชายหนุ่มร่างสูงพอเห็นอีกฝ่าย ตลอดเนื้อตัวก็พลันแข็งเกร็งแข็งค้างไปในทันที ซึ่งสาเหตุหลักใหญ่ใจความสำคัญหาใช่เพราะความงดงาม หากแต่เป็นใบหน้าอันคุ้นเคยและไม่คิดจะเจอ
ใช่ เธอก็คือ ‘เมญ่า’ คุณหนูสาวเมญ่านั่นเอง
“…”
“!!!”
“…”
เมญ่าเผยรอยยิ้มหวานวาบ
ขณะใช้สายตากลมโตอันน่าหลงใหลจดจ้องมองมาที่ทราเวียร์ เพียงแค่สบสายตาก็ทำเอาเขาหนาววูบไปทั่วทั้งร่างกาย บอกกล่าวตามตรงการปรากฏตัวของหล่อนทำเอาเขาตื่นตระหนกไปเลย
คุณหนูสาวกะพริบตาก่อนก้มหัวกล่าวทักทายเขา
“…”
“สวัสดีค่ะ”
“…”
ไม่มีสุ้มเสียงตอบกลับมา
ความเงียบงันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ปรากฏให้เห็นในตอนนี้ ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะผิดแปลก แปลกประหลาดแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวคุณหนูสาวสีหน้าแปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องทำสีหน้าแบบนี้ออกมา
“…”
พอรู้สึกตัวได้สติ
ทราเวียร์รีบดึงประตูเตรียมปิดหนีทันที
ทุกสิ่งอย่างเรียกได้ว่าเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที แต่ถึงแม้ว่าจะรวดเร็วมากมายเพียงใดหากคาดเดาการกระทำได้ก่อน ทุกสิ่งอย่างย่อมง่ายดายเป็นธรรมดา
ก่อนที่เป้าหมายของชายหนุ่มร่างสูงจะสำเร็จ ก่อนที่เขาจะปิดประตูปิดมันต่อหน้าต่อตาคุณหนูสาว หล่อนกับคาดการณ์ได้แม่นย่ำทั้งยังแทรกแซงฝ่ามือขาวเนียนมาจับบานประตูเอาไว้
ปิดกั้นโอกาสไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจชอบ
พร้อมยังกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม
หมับ!
“…”
“คือ”
“…”
“ขอเข้าไปข้างในได้ไหมคะ?”
สีหน้า รอยยิ้ม และแววตา
ล้วนไปในทิศทางเดียวกันหมด นั้นก็คือจะไม่มีทางยินยอมโอนอ่อนปล่อยให้ทราเวียร์ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าได้หลบเลี่ยงหลบหนีเป็นอันขาด ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่นพยายามดึงประตู
แต่ด้วยบาดแผลและเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทำให้เขาไม่อาจสู้แรงหล่อนได้เลย ริมฝีปากขบแน่น เขาตัดสินใจบอกกล่าวกับหล่อน หวังใช้กลอุบายเล็กน้อยในการบ่ายเบี่ยงประเด็น
แน่นอนว่ามันไม่มีทางง่ายดายอยู่แล้ว
“…”
“ขอโทษครับ”
“…”
“แต่ผมไม่รู้จักคุณ”
“คุณเป็นใครผมยังไม่รู้เลย”
“ผมว่าคุณเคาะผิดห้องแล้วล่ะ”
“…”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
หากเป็นคนปรกติธรรมดาย่อมต้องรับรู้โดยทั่วกัน
ถึงคำบอกกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพนอบน้อม ใช่หากเป็นคนปรกติธรรมดาล่ะนะ ต่อหน้าคำบอกกล่าวปฏิเสธของทราเวียร์ คุณหนูสาวเพียงเปิดเผยรอยยิ้มเบาบางทำเมินเฉยไม่มีสนใจ
ทั้งยังพยายามใช้เรี่ยวแรงเปิดประตูให้กว้างอีกต่างหาก
“…”
“ผิดห้อง?”
“…”
“ไม่มีผิดห้องแน่นอนค่ะ”
“ดิฉันค่อนข้างมั่นใจในฐานข้อมูลของตัวเอง”
“เพราะฉะนั้น”
“…”
“ดิฉันจะกล่าวถามอีกครั้ง”
“…”
“ขอเข้าไปข้างในได้ไหมคะ?”
ไม่ใช่คำร้องขอต้องการขออนุญาต
แต่มันเปรียบเสมือนกับคำสั่งเด็ดขาดเสียมากกว่า หลังจากยื้อแย่งกันมาร่วมนาทีในที่สุดฝ่ายหนึ่งก็เลือกยอมถอยห่างยอมผ่อนปรนให้ แน่นอนว่าฝ่ายที่ล้มเลิกยอมถอยให้ไม่ใช่ฝ่ายคุณหนูสาว
แต่เป็นฝ่ายชายหนุ่มร่างสูง เนื่องจากร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวยเลยสู้แรงไม่ได้ อีกอย่างลองได้บุกเข้าหาถึงตัวแบบนี้แล้ว เกิดปล่อยผ่านทำเมินต่อไป ดีไม่ดีเจอหน้ากันครั้งหน้า
หล่อนอาจนำพาความยากลำบากมาให้เขาอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ใจจริงไม่ต้องการปล่อยให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ต้องมายังไงก็ต้องมาอยู่ดี ไม่อาจหลบเลี่ยงหลีกหนีได้
ทราเวียร์ถอนหายใจหายใจก่อนขยับเปิดทางส่งสัญญาณให้
“…”