บทที่ 732 คุณชายประทานภาพอักษร สมดั่งปรารถนา!
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ! ข้าขอสำนึกผิดต่อวาจาที่ข้าได้กล่าวไว้ก่อนหน้า!”
ต้าเต๋อพร่ำในใจ เขาช่างเขลาเบาปัญญานัก ก่อนหน้านี้ถึงริอ่านเอ่ยว่าปลาหมึกนั้นกินไม่ได้!
นี่คืออาหารเลิศรสในใต้หล้านี้แท้ ๆ!
ไม่ทันได้เริ่มกิน ลำพังกลิ่นหอมนี้ก็ทำเอาเขาแทบทนไม่ไหวแล้ว หากได้กินจริง ๆ คงมีความสุขจนล้นแน่ ๆ!
“รสชาตินี้แหละ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ เขาไม่ได้กลิ่นหอมของปลาหมึกมานานมากแล้ว เป็นกลิ่นที่ชวนให้ถวิลหาอย่างยิ่งยวด
“กินกันเลย กินกันเลย!”
ผ่านไปไม่นาน ปลาหมึกกระทะร้อนกับปิ้งย่างก็สุกได้ที่ทั้งคู่ หลี่จิ่วเต้านำไปวางบนจานเปล่าที่โต๊ะ แล้วเริ่มกินพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย
ระหว่างกิน เขาจิบเบียร์เป็นครั้งคราว แล้วยังเป็นเบียร์เย็นอีกด้วย ความรู้สึกนั้นอย่าให้เอ่ยเลยว่าหนำใจเพียงใด!
มนุษย์เราควรสำราญเมื่อครั้งยังมีชีวิต ชีวิตเช่นนี้จึงจะมีความสุข!
พวกลั่วสุ่ยต่างกินกันจนปากมันไปหมด จากนั้น พวกเขากินผักอีกจำนวนหนึ่งเพื่อแก้เลี่ยน ตอนนี้ พวกเขาต่างรู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่ายิ่งนัก มิได้เกิดมาเสียเปล่า!
“โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว!”
อีกด้าน ภายในขวดแก้ว หลังปลาหมึกเห็นพวกหลี่จิ่วเต้าเริ่มกิน ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป กัดเข้าที่หนวดของตัวเอง
มันกัดลงไปอย่างแรงจนเจ็บเจียนตาย เจ็บจนไปถึงขั้วหัวใจ!
ด้านพวกหลี่จิ่วเต้ากินกันอย่างสาแก่ใจ ด้านปลาหมึกสิน่าสังเวชนัก
ต่อให้มันสะกดประสาทสัมผัสของตนก็เปล่าประโยชน์ กลิ่นหอมโชยชายเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณมัน มันทุกข์ทรมานจนทนแทบไม่ไหว
“น่าพอใจจริง ๆ!”
ชางเหยากินอย่างเอร็ดอร่อย นางไม่เคยลิ้มรสอาหารโอชะเช่นนี้มาก่อน ขณะเดียวกัน นางก็สัมผัสได้ว่าในตัวนางมีพลังสั่งสมอยู่มหาศาล ขอเพียงนางหลอมละลายอีกนิดหน่อย ขอบเขตของนางก็จะยกระดับอย่างบ้าคลั่ง!
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว มื้ออาหารของพวกเขาจบลง
หลี่จิ่วเต้าขอให้ชางเหยาค้างคืนที่นี่ ทั้งยังเอ่ยว่าหากชางเหยาไม่เป็นไร เที่ยวเล่นกับพวกเขาต่ออีกสองสามวันก็ได้
จากนั้น เขาจึงไปพักผ่อนอย่างสบายใจ
คราวนี้ พวกลั่วสุ่ยมิได้ดื่มสุรา ส่วนเขาก็ดื่มไปเพียงน้อยนิด มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่มีทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก
เขาทอดกายนอนหลับไปบนเตียง
…
ภายในแดนบรรพโกลาหล
ซีฝึกฝนเสร็จสิ้น
สิ่งใดหรือคือยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง?!
จ้าวแห่งตงชิวและจ้าวแห่งดินแดนอื่น ๆ ได้ประจักษ์แล้วจากตัวซี!
พรสวรรค์ของซีสูงส่งเกินไปจนพวกเขาต้องตะลึง
เริ่มแรกมีเพียงจ้าวแห่งตงชิวเท่านั้น
ซีอยู่ฝึกฝนในตำหนักตงชิว จ้าวแห่งตงชิวสอนสั่งการฝึกฝนของซีสุดความสามารถ ทว่าซีนั้นไม่จำเป็นต้องให้นางสอนเลย!
คัมภีร์อภินิหารที่นางมอบให้ซี ซีสามารถเรียนรู้ได้ทั้งเล่มโดยไม่ต้องรอให้นางเริ่มอธิบาย!
ใช่แล้ว!
ซีเพียงอ่านดูหนึ่งรอบ ก็ตระหนักถึงปรมัตถ์ใจความสำคัญของคัมภีร์อภินิหาร ซ้ำแล้วนางยังเหนือชั้นขึ้นไปกว่านั้น พบจุดด่างพร้อย จุดที่ขาดอยู่ในคัมภีร์อภินิหารและทำการแก้ไข!
ทำให้คัมภีร์อภินิหารที่ซีแก้ไขแล้วนั้น เหนือชั้นกว่าคัมภีร์อภินิหารดั้งเดิมมาก เรื่องนี้ทำให้จ้าวแห่งตงชิวสะท้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เจอกับยอดอัจฉริยะอย่างซี นางมีสิทธิ์ชี้แนะได้ที่ไหน ซีต้องชี้แนะนางสิไม่ว่า!
นางมอบคัมภีร์อภินิหารทั้งหมดในตำหนักตงชิวให้ซีดูจนครบ ซีเข้าใจถ่องแท้ได้ทั้งครบถ้วน ซ้ำยังปรับปรุงแก้ไขอีกด้วย!
สุดท้าย นางไม่เหลือคัมภีร์อภินิหารให้ซีได้ฝึกฝนได้อีก จึงวอนขอให้จ้าวแห่งดินแดนอื่นช่วยเหลือเกื้อกูล
จ้าวแห่งดินแดนอื่นต่างรู้ดีว่าฐานะของซีนั้นไม่ธรรมดาปานใด คล้ายว่ามีผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งคอยพิทักษ์นางอยู่เบื้องหลัง ได้ข้องแวะกับคนระดับซี พวกเขาย่อมเต็มใจ!
เริ่มแรกพวกเขายังสงสัยว่าซีอ่านรอบเดียวแล้วเข้าใจเลยได้อย่างไร!
แต่ต่อมา พวกเขาต้องอึ้งงัน!
ซีอ่านรอบเดียวก็เข้าใจจริง ๆ!
คัมภีร์อภินิหารที่พวกเขานำออกมา ไม่ว่าจะซับซ้อนหรือยากเพียงใด ซีก็เข้าใจได้ในรอบเดียว ซ้ำยังเจอจุดบกพร่องและจุดที่ยังขาดอยู่แล้วแก้ไขให้สมบูรณ์แบบได้ด้วย!
“ตระกูลเซียว…พวกเราใกล้ได้พบกันแล้ว!”
สีหน้าของซีเย็นชา นางแหงนมองนภา ขอบเขตพลังของนางยกระดับอย่างรวดเร็วเรื่อยมา อีกเพียงไม่นาน นางก็สามารถบุกเข้าไปในภพเซียน ล้างแค้นแทนคนในตระกูลของนางที่ตายไปแล้ว!
นี่เป็นหนี้แค้นที่นางจำต้องสะสาง!
นางไม่มีวันลืมว่าตระกูลเซียวฆ่าล้างคนในตระกูลนางอย่างไร และไม่มีวันลืมว่าคนในตระกูลนางถูกสังหารด้วยความหฤโหดปานใด พวกเขาล้มลงไปต่อหน้านางทีละคน ทีละคน!
แรงกระตุ้นให้นางพยายามฝึกตนก็เพื่อฆ่าล้างตระกูลเซียว ล้างแค้นแทนตระกูลของนาง!
“กล่องสี่เหลี่ยม…”
นางพึมพำเสียงเบา ไหว้วานจ้าวแห่งตงชิวให้ช่วยตามหาไว้แล้วแต่แรก ตามหาเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมใบนั้น
นางรู้เรื่องกล่องสี่เหลี่ยมไม่มากนัก รู้เพียงว่าตระกูลของพวกนางปกปักษ์รักษากล่องสี่เหลี่ยมนี้มาหลายชั่วอายุคน ทว่าในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นบรรจุสิ่งใด นางไม่อาจทราบได้
บิดาของนางไม่เคยบอกนาง ตัวนางก็ไม่ทันได้เปิดกล่องสี่เหลี่ยมก็ทำหายไปเสียก่อน
กล่องสี่เหลี่ยมนี้มีความหมายต่อนางอย่างยิ่งยวด กล่องสี่เหลี่ยมที่ตระกูลพวกนางปกปักษ์รักษามาหลายชั่วอายุคน อย่างไรก็ไม่ควรหายไปด้วยน้ำมือนาง ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะหากล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นให้เจอ
ทว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางคือ แม้ว่าจ้าวแห่งตงชิวให้ความช่วยเหลือแล้วก็ยังไร้ผล!
กล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ รากฐานน่าประหวั่นพรั่นพรึง จ้าวแห่งตงชิวคิดจะใช้วิชาพยากรณ์เพื่อคำนวณหาเบาะแสของกล่องสี่เหลี่ยม ผลสุดท้ายกลับถูกพลังบางอย่างปิดกั้น ไม่อาจทำนายได้เลย!
นอกจากนี้ จ้าวแห่งตงชิวยังขอความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งดินแดนอื่น ขอให้บรรพจารย์ตงชิวช่วย สุดท้ายก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นกัน!
บรรพจารย์จากดินแดนอื่นก็ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน กระนั้นก็ยังไม่ไหว ไม่อาจทำนายได้เลย
อย่าว่าแต่ซีเลย แม้แต่บรรพจารย์จากดินแดนต่าง ๆ ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นเช่นนี้!
วัตถุชิ้นหนึ่งจากภพเซียน เหตุไฉนพวกเขาถึงทำนายมิได้?!
พึงรู้ว่า พวกเขาอยู่ในขั้นที่เก้าซึ่งเป็นขั้นสูงสุดแห่งขอบเขตโกลาหล อย่าว่าแต่วัตถุจากภพเซียนเลย ต่อให้เห็นวัตถุในแดนบรรพโกลาหล พวกเขาก็ทำนายได้ทั้งนั้น!
แต่พวกเขาร่วมมือกันทำนายก็ยังล้มเหลว เรื่องนี้ช่างพิสดารเกินไปแล้ว!
“เป็นไปได้สูงว่ากล่องสี่เหลี่ยมนี้เป็นวัตถุที่อยู่เหนือความโกลาหล!”
สุดท้าย พวกเขาลงความเห็นไว้เช่นนี้ กล่องสี่เหลี่ยมอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกเขา!
เมื่อซีได้ยินคำตัดสินเช่นนี้ ก็ตกตะลึงไปหมด
ตระกูลของนางมิใช่ตระกูลทรงพลังอันใดในภพเซียน ไฉนเลยจะได้สัมผัสวัตถุล้ำเลิศเช่นนี้
“รู้หรือไม่ว่าได้มาได้อย่างไร” บรรพจารย์ตงชิวถาม
ทุกสิ่งทุกอย่างของกล่องสี่เหลี่ยมถูกพลังบางอย่างปิดกั้น พวกเขาไม่อาจทำนายอันใดได้เลยสักนิด
“ไม่รู้”
ซีไม่รู้จริง ๆ หากมิใช่ว่าตระกูลเซียวบุกมาสังหารตระกูลของนาง นางคงไม่รู้ว่าในตระกูลของตัวเองมีกล่องสี่เหลี่ยมแบบนี้อยู่
ก่อนหน้านี้ บิดาของนาง และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มิเคยกล่าวถึงการมีอยู่ของกล่องสี่เหลี่ยมมาก่อน
“กล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นเป็นมาอย่างไรกันแน่”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กล่องสี่เหลี่ยมนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่นอน นั่นยิ่งเพิ่มทวีความแน่วแน่ของซีที่จะตามหากล่องสี่เหลี่ยมนี้่ให้เจอ
นางเชื่อว่า วันหนึ่งนางจะได้เจอกล่องสี่เหลี่ยมใบนั้นแน่นอน!
…
ฟ้าเพิ่งสว่าง หลี่จิ่วเต้าก็ตื่นขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่า พวกลั่วสุ่ยก็ตื่นกันแต่เช้า
พวกเขาออกมารำมวยไทเก๊ก หลี่จิ่วเต้าให้ชางเหยาเข้าร่วมด้วย ทั้งยังชี้แนะใจความสำคัญของมวยไทเก๊กให้ชางเหยาทราบ
ชางเหยาปีติยินดีอย่างยิ่งยวด นางรับรู้ถึงความทรงพลังของมวยไทเก๊ก พับผ่าสิ หลังนางเรียนรู้มวยไทเก๊ก ยังต้องกลัวจะกำราบท่านพี่ชวนมิได้อีกหรือ
นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
หลังรับมื้อเช้ากันแล้ว สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถมุ่งหน้าต่อ
หลี่จิ่วเต้ายังคงขี่กิเลนไฟ เดินทางเหนือเมฆอยู่ด้านนอก
ชางเหยาติดตามไปด้วยตลอด หลายวันมานี้ นางได้ประจักษ์ถึงความเก่งกล้าสามารถของคุณชาย นับวันก็ยิ่งเลื่อมใสในตัวคุณชาย
“เจ้าก็ชอบการเขียนพู่กันหรือ”
หลายวันมานี้ หลี่จิ่วเต้าเกิดอารมณ์สุนทรีย์อยากเขียนภาพอักษรขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว เขาพบว่ายามเขาเขียนอักษร ชางเหยาจะคอยดูอย่างตั้งใจ
“ชอบสิ!”
ชางเหยาเอ่ยจากใจจริง
ฝีมือเขียนพู่กันของคุณชายวิเศษสูงส่ง ผู้ใดบ้างที่ได้เห็นภาพอักษรเช่นนี้แล้วจะไม่ชอบ นางชอบเหลือเกิน นึกอยากเรียนเขียนพู่กันด้วย
“หากชอบ ข้าจะมอบให้เจ้าสักหนึ่งภาพ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะร่วน สะบัดมือไปมา เขียนอักษรตัวใหญ่สี่ตัวแล้วมอบให้ชางเหยา
สมดั่งปรารถนา
นี่คืออักษรที่หลี่จิ่วเต้าเขียนให้
หลังชางเหยาเห็นอักษรที่คุณชายเขียนให้นาง ก็หมดข้อกังขาในใจ คุณชายช่วยนางอยู่จริง ๆ!
‘สมดั่งปรารถนา ฮ่า ๆ เรื่องนี้สำเร็จได้แน่!’
ลั่วสุ่ยก็อยู่ข้าง ๆ หลังนางได้เห็นอักษรที่คุณชายเขียนให้ชางเหยา ก็คิดขึ้นในใจทันที
คุณชายเขียนออกมาขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ไฉนเลยจะไม่สำเร็จ เป็นเรื่องที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่!
“ขอบคุณคุณชาย!”
ชางเหยากล่าวขอบคุณรัว เก็บภาพอักษรที่คุณชายเขียนให้นางไว้
นางติดตามพวกเขาต่ออีกหลายวัน สุดท้าย นางบอกลาคุณชายและพวกลั่วสุ่ย เตรียมเดินทางไปยังเมืองชิงซาน
ลั่วสุ่ยเล่าสถานการณ์ของท่านพี่ชวนให้นางฟังหมดแล้ว นางรู้ว่าท่านพี่ชวนอยู่ในลานเล็กของคุณชาย
และลั่วสุ่ยยังบอกตำแหน่งเมืองชิงซานให้นางรู้อีกด้วย
“ท่านพี่ชวน คราวนี้ท่านหนีไม่พ้นเงื้อมมือข้าแน่!”
ชางเหยาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มร่า รีบเร่งรุดหน้าไปยังเมืองชิงซาน
…
เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“ข้าก็ว่า! ชางเหยาไฉนเลยจะถอดใจจากข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!”
มัจฉาสัตมายาสะบัดหาง ว่ายวนไปมาในน้ำ อารมณ์ชื่นมื่นไม่หยอก
มันรู้จากตงฟางเวิ่นว่าเพราะแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏออกมาในอาณาจักรนี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากอาณาจักรอื่น ๆ จึงมายังอาณาจักรนี้
ยามนั้น มันก็ตระหนักได้ว่าที่ชางเหยามิได้มาหามันทั้งที่มันกลับไปที่อาณาจักรอวี้ซวีถึงสองครั้ง คงเพราะนางมายังอาณาจักรนี้พร้อมกับจักรพรรดิชาง
ตามคาด มันแสดงรูปโฉมของชางเหยาให้ตงฟางเวิ่นดู ถามว่าตงฟางเวิ่นเคยพบชางเหยาหรือไม่ ตงฟางเวิ่นเอ่ยว่าเคยเห็นจริง ๆ
เมิ่งจีสร้างเส้นทางขึ้นมาเส้นหนึ่ง ตงฟางเวิ่นเฝ้าอยู่ที่นั่นพอดีในครานั้น สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรต่าง ๆ ล้วนต้องเข้ามาผ่านเส้นทางนี้ และตงฟางเวิ่นก็ได้พบชางเหยาจริง ๆ
“มัจฉาเอ๋ยมัจฉา วันนี้มีความสุขยิ่ง ไปเถิด ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย!”
มัจฉาสัตมายาเหินออกจากบ่อน้ำ ออกจากลานเล็ก ก้าวพ้นเมืองชิงซาน เที่ยวเล่นอยู่นอกเมืองชิงซาน
เดิมที มันวิตกอยู่ตลอดว่าชางเหยาเปลี่ยนใจไปจากมัน มิได้ชอบมันอีก บัดนี้ได้รู้แล้วว่าความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มันไฉนเลยจะไม่ดีใจ มันดีใจสุด ๆ!
แม้นมันยังมิอาจแน่ใจได้ว่าตัวมันชอบชางเหยาจริง ๆ ทว่าไม่ต้องสงสัยเลย ชางเหยาสำคัญต่อมันมาก
“นี่คิดจะมาอาณาจักรนี้ เข้าไปฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหลจนแข็งแกร่งขึ้นแล้วมาจัดการข้าหรือ”
มัจฉาสัตมายาเดินทอดน่องอยู่นอกเมืองชิงซานพร้อมเอ่ยยิ้ม ๆ “เด็กโง่ เจ้าจะมาเป็นคู่มือข้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้ก็เท่านั้น!”
ชางเหยาโวยวายอยู่เสมอว่าจะกำราบมัน มันพลันนึกถึงเหตุผลที่ชางเหยาต้องการเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล
แต่ทั้งหมดเป็นตามที่มันว่า ต่อให้ชางเหยาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหลได้มากเพียงใด ก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของมัน!
ลานเล็กของคุณชายสุดยอดกว่าแดนบรรพโกลาหลมากนัก!