หลังจากรายการจบลง
บนโลกออนไลน์ยังคงครึกครื้น
หัวข้อสนทนาในนั้น #เซี่ยนอวี๋เฟ่ยหยาง ทะยานขึ้นบนฮ็อตเสิร์ชในทันที!
ทุกคนกำลังพูดคุยกันถึงทีมของเซี่ยนอวี๋และเฟ่ยหยาง!
ต้องเข้าใจว่า
ก่อนที่รายการจะเริ่มต้นขึ้น ก็มีหลายคนจินตนาการว่าเซียนอวี๋จะได้ร่วมงานกับเฟ่ยหยางหรือไม่…
ตอนนี้!
พวกเขามาแล้ว!
มีชาวเน็ตเอ่ยอย่างสะท้อนใจ ‘นี่คือฉากประวัติศาสตร์จริงๆ !’
ทุกคนต่างรู้สึกราวกับได้เห็นภาพประวัติศาสตร์จริงๆ
ถึงขั้นที่หลายคนเกิดความคิดเจ้าเล่ห์
พวกเขาตั้งตารอเฟ่ยหยางคว้าอันดับที่สองอีกครั้งในรอบต่อไป!
บางคนรู้สึกเสียดาย
เวทีหน้าจะไม่ได้เห็นเว่ยห่าวอวิ้นก่อเรื่องแล้ว
อย่ามองว่าคนเหล่านี้ปากคอเราะราย
ในความจริงแล้วผู้คนยังคงชื่นชอบทีมของเซี่ยนอวี๋และเว่ยห่าวอวิ้น ไม่เช่นนั้นเว่ยห่าวอวิ้นไม่มีทางคว้าอันดับที่หนึ่งจากคะแนนโหวตของผู้ชมได้ถึงสองครั้งหรอก
ทั้งคำบัญชาจากแม่…
ทั้งคำบัญชาจากปู่ย่าตายาย…
หากวัยรุ่นเหล่านี้ไม่ชอบจริงๆ ก็ควรปฏิเสธไป
ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเย่อหยิ่งและไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าที่จริงแล้วฉันชอบเพลงลำนำพื้นเมืองสุดเจ๋งมากก็เท่านั้น
ส่วนหลินเยวียนกลับไม่ได้สนใจ
จับสลากได้เฟ่ยหยางหรือจับได้เว่ยห่าวอวิ้น สำหรับหลินเยวียนแล้วล้วนไม่ได้แ ตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนเองก็เข้าใจความรู้สึกของชาวเน็ต
เฟ่ยหยางได้อันดับสองมาโดยตลอด จนกลายเป็นมุกตลกของชาวเน็ต
เช่นเดียวกับมุกวังครึ่งประเทศ[1]ของชาวเน็ต
ทุกครั้งที่เขามีการเคลื่อนไหว เป็นต้องถูกแย่งพาดหัวข่าวและฮ็อตเสิร์ช!
ปรากฏว่าพลอยให้คนในวงการบันเทิงตกรู้สึกหวั่นเกรง…
เพราะเมื่อใดที่เล่าวังจะมีข่าวใหญ่ จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับคนดัง
เพื่อที่จะหยุดยั้งไม่ให้วังครึ่งประเทศขึ้นพาดหัวข่าว คนดังจึงเป็นมีข่าวตั้งท้องและหอบผ้าผ่อนหนี
โหดร้ายโดยแท้
วังครึ่งประเทศคงจะรำคาญ
ถึงแม้เขาจะได้ขึ้นฮ็อตเสิร์ช ทว่าฮ็อตเสิร์ชของเขามักจะเป็น #วังครึ่งประเทศถูกแย่งพาดหัวข่าว
เฟ่ยหยางก็โคตรรำคาญใจ
นี่มันการหักล้างคำสาปแบบไหนกัน
ตนร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋
ในรายการนี้ คนที่เฟ่ยหยางไม่อยากเจอมากที่สุดก็คือเซี่ยนอวี๋!
ไม่ว่าจะร่วมงาน หรือแข่งขัน!
ไม่ใช่เพราะเฟ่ยหยางเกลียดเซี่ยนอวี๋หรอก แทนที่จะเรียกว่าเกลียด ให้เรียกว่ากลัวเล็กน้อยเห็นจะเหมาะกว่า
มีหลากหลายความรู้สึก
เฟ่ยหยางก็บอกไม่ถูกเช่นกัน
ถึงอย่างไรในใจของเขาก็ต่อต้านการร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋
นี่คงจะเป็นเพราะเฟ่ยหยางเป็นคนรักศักดิ์ศรี
แต่สิ่งที่ทำให้เฟ่ยหยางโมโหตัวเองคงจะเป็น การที่เขาต่อต้านการร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ ขณะเดียวกันในใจก็แอบคาดหวังบางอย่าง…
บัดซบ!
ฉันคาดหวังอะไรกัน
เฟ่ยหยางอยากหยิกตัวเอง
ผู้จัดการซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยแซว “ถ้าสู้ไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลย เฉินจื้ออวี่เคยพิสูจน์มาแล้วว่าวิธีนี้ได้ผล!”
เฟ่ยหยางโต้แย้งเสียงดัง “ผมถูกบังคับให้เข้าร่วมต่างหาก!”
เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมจริงๆ แต่ไม่มีใครสนใจ
ถึงอย่างไรเฟ่ยหยางก็ขึ้นไปนั่งบนราชรถของเซี่ยนอวี๋แล้ว นี่คือความจริงที่ไม่อาจถกเถียงได้
ต่อให้โพสต์ความเคลื่อนไหวบนปู้ลั่ว เฟ่ยหยางก็ทำได้เพียงประกาศออกไปด้วยความจนใจว่า
ใช่แล้ว พวกเราร่วมงานกัน
อีกด้านหนึ่ง
หลินเยวียนเริ่มเลือกเพลงให้เฟ่ยหยางแล้ว
เฟ่ยหยางมีช่วงเสียงที่กว้าง เทคนิคการร้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นอกจากข้อบกพร่องที่ร้องเพลงไร้ความรู้สึกแล้ว ราชาเพลงอย่างเฟ่ยหยางนับว่าเปี่ยมพรสวรรค์
นอกจากนี้ยังลดความยากในการเลือกเพลงของหลินเยวียนอีกด้วย
แต่ว่า
ขณะที่หลินเยวียนกำลังจะตัดสินใจเลือกเพลง จู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากถงซูเหวิน
“ด้วยเหตุผลบางอย่าง รอบหน้าเฟ่ยหยางจะมาไม่ได้ครับ”
หลินเยวียนงุนงง “เขาถอนตัวจากการแข่งขัน?”
ถงซูเหวินอธิบาย “ไม่ได้ถอนตัวจากการแข่งขันครับ เพียงแต่รอบหน้าเขาจะไม่อยู่ ดังนั้นทีมงานรายการจึงตัดสินใจว่ารอให้เฟ่ยหยางสะสางธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ค่อยให้พวกคุณร่วมงานกัน”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้ซักไซ้ถึงต้นสายปลายเหตุ
ทีมงานรายการยินยอมแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลินเยวียนไม่มีเหตุผลให้คิดมาก
“งั้นรอบหน้าให้ผมทำยังไงครับ”
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ร้องเพลงเองได้เลยครับ ผมว่าผู้ชมเองก็อยากดู”
“ร้องเพลงเอง?”
หลินเยวียนถาม “จะเหมาะสมเหรอครับ?”
ก่อนหน้านี้ได้ร้องเพลงลำนำพื้นเมืองสุดเจ๋งกับเว่ยห่าวอวิ้นมาก่อน หลินเยวียนยังไม่กล้าร้องมาก ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าไม่ยุติธรรม
“ในสถานการณ์พิเศษย่อมมีกรณีพิเศษ”
“ครับ”
หลินเยวียนรับคำแนะนำจากถงซูเหวิน
……
หลายวันผ่านไป
รายการเพลงของเราตอนใหม่ออกอากาศแล้ว!
ทันทีที่การถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้น ผู้ชมก็มองหาเงาของเซี่ยนอวี๋และเฟ่ยหยางในทันที
นี่คือคู่ที่ผู้ชมตั้งตารอมากที่สุดในวันนี้!
แต่ถึงกระนั้น
ทุกคนกลับเห็นเพียงเซี่ยนอวี๋ ไม่เห็นเฟ่ยหยาง
เฟ่ยหยางไปไหนแล้ว
ขณะที่หลายคนกำลังสงสัย
ในตอนนั้นเอง
อันหงเดินขึ้นมาบนเวที เอ่ยขึ้นว่า “ผมเสียใจที่ต้องแจ้งข่าวนี้กับทุกท่าน อาจารย์เฟ่ยหยางจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันในรอบนี้เพราะเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นทีมงานรายการจึงจับคู่ใหม่ให้กับอาจารย์เซี่ยนอวี๋…”
ผู้ชมต่างมองหน้ากัน
เฟ่ยหยางไม่มา?
ไม่มั้ง?
เฟ่ยหยางไม่อยากร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋?
ขณะที่ทุกคนกำลังขมวดคิ้วมุ่น อันหงเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “การร่วมงานระหว่างอาจารย์เฟ่ยหยางและอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ได้ถูกยกเลิกครับ เพียงแต่ยืดเวลาออกไปก่อนเท่านั้น”
ผู้ชมถึงได้เบาใจลง
แม้ว่าในสัปดาห์นี้จะไม่ได้เห็นการร่วมงานของเซี่ยนอวี๋และเฟ่ยหยาง แต่ตราบใดที่การร่วมงานของทั้งสองไม่ได้ถูกยกเลิก ทุกคนก็สามารถยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าสถานการณ์ของเฟ่ยหยางได้
งั้นในรอบนี้นักร้องที่เซี่ยนอวี๋จะร่วมงานด้วยเปลี่ยนเป็นใคร
พระเจ้าช่วย!
ทันใดนั้นบางคนก็เริ่มตื่นตระหนก “คงไม่ใช่เว่ยห่าวอวิ้นหรอกนะ?”
ไม่ใช่นะ ไม่ใช่นะ?
รายการนี้ชอบก่อเรื่องซะด้วยสิ!
บางทีอาจส่งเว่ยห่าวอวิ้นมาชดเชยให้เซี่ยนอวี๋ก็เป็นได้!
ในพื้นที่ของนักร้อง
นักร้องทั้งหลายต่างสบตากัน
ใครจะมาแทนที่เฟ่ยหยาง?
เว่ยห่าวอวิ้นเห็นหลายคนมองมายังตน จึงรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่ฉัน!”
ผู้คนจึงมองไปยังเฉินจื้ออวี่
เฉินจื้ออวี่ก็ส่ายหน้า
งั้นก็คนอื่นๆ ในราชวงศ์ปลา?
ท่ามกลางสายตาของนักร้อง ราชวงศ์ปลาพากันส่ายหน้า
ทุกคนสับสนขึ้นมา
ในนั้น
นักร้องหญิงคนหนึ่งชื่อว่าอันอันกล่าวกลั้วหัวเราะ “พวกคุณแกล้งกันไปเถอะ ยังไงคู่แข่งในวันนี้ของฉันก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกคุณนี่แหละ!”
ทุกคนหัวเราะ
อันอันคนนี้ คือราชินีเพลง และตัวตนของเธอในรายการราชาหน้ากากนักร้องก็คือ
เอล์ฟ!
เดิมทีการแข่งขันในรอบนี้คือการดวล
อันอันร่วมงานกับเจิ้งจิง โดยมีทีมคู่ต่อสู้คือเซี่ยนอวี๋และเฟ่ยหยาง!
ทว่าตอนนี้เฟ่ยหยางไม่อยู่ เพราะฉะนั้นเอล์ฟอันอันจึงไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็นใคร เธอจึงทำได้เพียงคาดเดาว่านักร้องที่ร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋คือใครสักคนในห้องนี้
ขณะนั้นเอง
อันหงก็เรียกชื่ออันอัน
อันอันหันกลับไปมองนักร้องคนอื่นๆ พร้อมกับกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้ฉันต้องชนะ!”
นักร้องต่างลิงโลดขึ้นมา
แต่ฝีมือของอันอันนั้นแข็งแกร่งมาก จนไม่มีใครรู้สึกคลางแคลงใจกับประโยคนี้
ผ่านไปสักพัก
อันอันขึ้นไปยืนบนเวที และเริ่มต้นการแสดงของตนเอง
ทันทีที่เริ่มต้น ทุกคนยังคนสงบนิ่ง
แต่…
เมื่อฟังไปเรื่อยๆ
บางคนสีหน้าเปลี่ยนไป
อันอันแสดงฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม
สองเสียง!
เสียงหนึ่งคือโลลิตา อีกเสียงหนึ่งคือนางพญา!
ในพื้นที่ของนักประพันธ์เพลง
หยางจงหมิงมองไปยังเจิ้งจิง “คุณตั้งใจเขียนเพลงนี้ให้เธอ? เหมาะกับเธอมาก สองเสียงเข้ากันได้อย่างลงตัว”
“ช่วยไม่ได้”
เจิ่งจิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “คู่ต่อสู้คือเสี่ยวอวี๋ คงขายหน้าถ้าแพ้ให้กับรุ่นน้อง แต่เมื่อกี้คุณพูดผิดไปนิดหน่อย เพลงนี้ไม่ได้มีสองเสียง…”
ไม่ได้มีสองเสียง?
หยางจงหมิงสับสน
ทันใดนั้นเอง
อันอันบนเวทีก็ร้องเสียงที่สามออกมา!
เสียงที่สามของเธอ มีความห้าวหาญเปี่ยมพลัง ฟังแล้วคล้ายกับเสียงผู้ชายและผู้หญิง และฟังดูเป็นธรรมชาติ!
ในชั่วพริบตา!
ทั้งห้องส่งต่างตกตะลึง!
แม้แต่หยางจงหมิงยังยกยิ้มบาง “ร้องได้สามเสียงหรือ?”
“คำตอบนี้ถูกต้อง!”
เจิ้งจิงดีดนิ้ว “เธอเคยเรียนพากย์เสียงมาก่อน ในหมู่นักร้อง คนที่ร้องได้สามเสียงมีอยู่ไม่มาก ตอนนี้ในบรรดานักร้องที่ฉันเคยเจอ มีแค่เสี่ยวอวี๋ที่ทำได้ถึงขั้น นักร้องคนอื่นยังนับว่าพอถูๆ ไถ ๆ ไปได้ และเสียงก็ไม่ได้เป็นธรรมชาติเหมือนเซี่ยนอวี๋กับอันอัน เพราะฉะนั้นในเวทีนี้ ต่อให้เสี่ยวอวี๋ขึ้นร้องเอง ถ้าเขาไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ก็อาจไม่ชนะ”
หยางจงหมิงเลิกคิ้ว
งั้นนักพากย์ล้วนเป็นสัตว์ประหลาด?
[1] วังครึ่งประเทศ หรือวังปั้นปี้ เป็นมุกตลกซึ่งเกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อกลุ่มแฟนคลับของวังเฟิงนักร้องชาวจีน ได้เผยแพร่โพสต์ซึ่งมีหัวข้อว่า ‘ถ้าไม่มีวังเฟิง วงการเพลงของจีนจะเสียหายไปครึ่งประเทศ’ จึงเกิดเป็นประเด็น และชาวเน็ตบางส่วนจึงเสียดสีว่า เช่นนั้นก็ให้วังเฟิงเปลี่ยนชื่อเป็นวังปั้นปี้ (วังครึ่งประเทศ) ไปเสียเลย จะได้สิ้นเรื่อง