ตอนที่ 761 ผู้หญิงที่ถูกทุบตี
ลูกค้าต่างจัดกลุ่มรีบไปที่ตลาดฝูตัวตัวโดยไม่คำนึงถึงหิมะที่ตกหนัก
ก่อนจะไปถึงด้านหน้าตลาด พวกเขาก็เห็นลุงกับป้าเดินออกมาจากตลาดฝูตัวตัวพร้อมถือข้าวสาร แป้ง น้ำมัน ผักกาดขาว มันฝรั่ง มันเทศ และผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ ออกมา
โดยเฉพาะหมูชิ้นเล็ก ๆ กับไข่สองสามฟองในมือพวกเขาที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
ลูกค้าเหล่านั้นหยุดกลุ่มลุงป้าและเอ่ยถาม “จริงหรือที่สินค้าทั้งหมดในตลาดฝูตัวตัวไม่ได้ขึ้นราคา?”
ชายและหญิงชราเหล่านั้นพยักหน้าทีละคน “ใช่แล้ว พวกเขาไม่ได้ขึ้นราคา แต่ก็จำกัดปริมาณซื้อ”
ทันทีที่ลูกค้ากลุ่มนั้นได้ยินว่ามีการจำกัดการซื้อ พวกเขาก็รีบเร่งฝีเท้าทันที ด้วยกลัวว่าหากมัวชักช้าแล้วจะซื้อไม่ทัน
แต่หิมะที่กองพะเนินบนพื้นนั้นสูงมาก แม้จะรีบเร่งอย่างไรก็ยังเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า
เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าตลาดฝูตัวตัว พนักงานชายสองคนซึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าก็หยุดพวกเขาไว้
ชายชราอารมณ์ร้อนตะโกน “หมายความว่าไง? ไม่ให้พวกเราเข้าไปซื้อของหรือไง?”
พนักงานชายอธิบายอย่างอดทน “ไม่ใช่ว่าพวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปซื้อของนะครับ แต่คุณหลินได้ออกคำสั่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชุลมุน คุณหลินสั่งให้ปิดประตูใหญ่และเปิดไว้เฉพาะประตูเล็กเท่านั้น ซึ่งประตูเล็กจะเข้าได้เพียงครั้งละห้าร้อยคน และเข้าได้โดยเฉพาะผู้ที่มีบัตรเท่านั้น”
พนักงานชายชี้ไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกันที่ประตูเล็ก “ดูสิครับ ลูกค้ากลุ่มนั้นคือลูกค้ากลุ่มถัดไปที่กำลังจะเข้ามา และพวกเขาทุกคนมีบัตรอยู่ในมือ”
ลูกค้าคนหนึ่งตะโกนลั่น “งั้นพวกคุณก็ควรออกบัตรให้พวกเราด้วย”
“เมื่อลูกค้าด้านในออกมาและคืนบัตรให้เรา เราจะให้บัตรนั้นกับคุณ” พนักงานชายอธิบายด้วยรอยยิ้ม
หญิงสูงวัยไม่พอใจ “ถ้าลูกค้าข้างในซื้อของต่อ เราก็ต้องรอต่อไปอย่างงั้นเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่พวกเขาจะเดินทอดน่องซื้อของต่อ เพราะเราไม่เพียงจำกัดการซื้อเท่านั้น แต่ยังจำกัดเวลาอีกด้วย ลูกค้าแต่ละกลุ่มสามารถจับจ่ายซื้อของในตลาดได้ภายในเวลายี่สิบนาที”
ลูกค้ากลุ่มนี้ทำได้เพียงเงียบและรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง
หลินม่ายอนุญาตให้ลูกค้าเข้าตลาดเพียงครั้งละห้าร้อยคน ไม่ใช่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังป้องกันปัญหาอื่นที่อาจตามมาด้วย
หากมีคนมากเกินไปก็จะทำให้พนักงานดูแลได้ไม่ทั่วถึง และลูกค้าบางคนอาจฉวยโอกาสขโมยสิ่งของลักลอบออกไป
คนเหล่านั้นสามารถกวาดเอาทุกอย่างได้แม้กระทั่งเมล็ดแตงโมไปจนถึงธัญพืช
พวกเขาเพียงคว้ามือกำเมล็ดแตงโมสองกำมือและลูกกวาดหนึ่งกำมือใส่ลงไปในกระเป๋า เพียงเท่านั้นก็ไม่มีใครจับได้แล้ว
แต่หากพวกเขาสามารถขโมยกระสอบข้าวใบใหญ่ไปได้ หลินม่ายก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร
สินค้าที่เธอทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อขนย้ายมาที่นี่ หากถูกขโมยไปก็คงนับเป็นการสูญเสียอย่างมาก
หลินม่ายไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน
ในยุคนี้ไม่มีบาร์โค้ด ไม่มีสัญญาณกันขโมย และไม่สามารถจับลูกค้าที่ลักลอบขโมยสิ่งของไปได้
ดังนั้นเธอจึงคิดหาวิธีจัดการให้ลูกค้าเข้าสู่ตลาดได้อย่างเป็นระบบ
เมื่อลูกค้าน้อยลง พนักงานก็จะไม่ต้องรีบร้อนและสามารถจับตาดูลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด
ลูกค้าที่ต้องการฉวยโอกาสขโมยของจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียไปได้อย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกค้ากลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากตลาดฝูตัวตัวอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเดินผ่านพนักงานชายทั้งสองคน พวกเขาก็ยื่นบัตรในมือให้
กลุ่มลุงป้าที่รออยู่ต่างจ้องป้ายในมือพวกเขาด้วยความปรารถนาจะคว้าไว้
เมื่อกลุ่มลูกค้าที่รอคอยอยู่เห็นลูกค้ากลุ่มนั้นเดินออกมาจากตลาดก็รีบเร่งไปยังหน้าประตูเพื่อรอคอยจะเอาบัตรนั้น
พนักงานชายสองคนยื่นบัตรให้กลุ่มลุงและป้าที่รออยู่หน้าประตูทันที
เมื่อลองนับดูแล้วก็พบว่ามีบัตรเพียงสี่ร้อยเก้าสิบเจ็ดใบ เห็นได้ชัดว่ายังมีลูกค้าบางส่วนที่ยังไม่ยอมออกจากตลาดแม้จะหมดเวลาแล้ว
ท้ายแถวคือป้าสามคนที่กำลังร้องไห้เพราะไม่ได้รับบัตร
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกหล่อนที่จะเดินทางจากเมืองเฉาหยางมายังตลาดฝูตัวตัว แต่เมื่อเดินทางมาถึงแล้วพวกหล่อนกลับไม่มีโอกาสได้จับจ่ายซื้อของราคาถูก เช่นนั้นแล้วจะไม่ให้เศร้าโศกได้อย่างไร?
กลุ่มลูกค้าที่ได้รับบัตรนั้นมาก็ต่างจ้องมองทั้งสามคนด้วยความเห็นอกเห็นใจ และพวกเขาทั้งหมดก็ไปยืนรอที่หน้าประตูตลาด
พนักงานชายสองคนรีบปลอบโยนหญิงสูงวัยทั้งสามคน โดยบอกพวกหล่อนว่าจะออกบัตรชั่วคราวให้
พนักงานคนหนึ่งหยิบกระดาษลังขนาดเล็กสามแผ่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ประทับตราส่วนตัวลงบนกระดาษแผ่นนั้น และยื่นให้ป้าทั้งสามคนคนละแผ่น โดยขอให้พวกหล่อนรออยู่ที่ประตูเล็ก
พวกหล่อนถือกระดาษแผ่นเล็กไว้ในมือแล้วถามอย่างเป็นกังวล “กระดาษแผ่นนี้ใช้ได้ใช่ไหม?”
พวกเขาเห็นว่าบัตรที่พวกหล่อนเพิ่งได้รับมีตัวเลขติดอยู่และมีประทับตราอย่างเป็นทางการของตลาดฝูตัวตัว
ดังนั้นพนักงานชายจึงยิ้มให้พวกหล่อนอย่างใจดี “ใช้ได้สิครับ หากใครบอกว่าใช้ไม่ได้ให้รีบมาหาผม”
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสูงวัยทั้งสามคนก็ ‘ยิ้มทั้งน้ำตา’ “ช่างคิดจริงเชียว รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการออกบัตรชั่วคราวให้พวกฉันด้วย!”
พนักงานชายกล่าว “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราคิดครับ แต่เป็นสิ่งที่คุณหลินของเราคิดไว้”
ป้าทั้งสามหยิบบัตรชั่วคราวและไปยังประตูเล็กเพื่อรอคอยอย่างมีความสุข
ยี่สิบนาทีต่อมาก็ถึงคิวของลุงและป้าเหล่านั้นที่จะเข้าสู่ตลาดฝูตัวตัว
ทุกคนตื่นเต้นเล็กน้อย และทันทีที่ประตูบานเล็กเปิดออก พวกเขาก็รีบเข้าไป
เมื่อเข้าไปดูในตลาดก็พบว่าสินค้ามีราคาถูกตามคำโฆษณา
ข้าวราคาเพียงยี่สิบเหมาต่อชั่ง และแป้งเพียงราคาเพียงยี่สิบห้าเหมาต่อชั่ง
หมูสามชั้นหนึ่งชิ้นราคาสามหยวน ซี่โครงหนึ่งชิ้นก็ราคาสามหยวนเช่นเดียวกัน
เนื้อเป็นเนื้อสด ธัญพืชและน้ำมันก็เป็นธัญพืชและน้ำมันใหม่แห่งปี ราคาขายจึงแพงกว่าหมูแช่แข็งของรัฐ แต่ข้าวเก่าและน้ำมันเก่ามีราคาเพียงห้าเหมา
แต่ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือธัญพืชสดใหม่และน้ำมันเหลือไม่มากแล้ว อาหารสดเองก็กำลังจะหมดลงเช่นเดียวกัน
หญิงและชายสูงวัยกลุ่มหนึ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดต่างพร่ำบ่น “ของใกล้หมดแล้ว แต่เรากลับยังต้องรอคอยเพื่อจะเข้าไปข้างใน แบบนี้ไม่ดีเลย!”
หลินม่ายยังคงเฝ้าดูตลาดฝูตัวตัวโดยไม่ได้จากไปไหนตั้งแต่เช้า
ตอนนี้เธอกำลังตระเวนไปทั่วตลาดเพื่อช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
เมื่อได้ยินคำบ่นจากหญิงและชายสูงวัยเหล่านั้น เธอก็รีบชี้ไปที่พนักงานสองสามคนที่กำลังขับรถบรรทุกข้าวและน้ำมันเข้ามาจากประตูหลังพลางกล่าว “อย่ากังวลไปเลยนะคะ เรากำลังขนสินค้าล็อตใหม่เข้ามา”
เพียงหนึ่งในสี่ของชั่วโมงที่แล้ว เสบียงชุดที่สองที่จ้าวเลี่ยงส่งมาก็ได้ถูกขนส่งมาถึงประตูหลังของตลาดฝูตัวตัว
หลินม่ายมั่นใจว่าสินค้าจะมีเพียงพอจนถึงสองทุ่มของวันนี้
หญิงและชายสูงวัยเหล่านั้นต่างหยุดพร่ำบ่นและเตรียมตัวเพื่อรอซื้อข้าวสารและน้ำมันล็อตใหม่
ขณะนี้ก็มีการทะเลาะวิวาทกันบริเวณร้านขายนมผง
หลินม่ายวางรถเข็นที่เต็มไปด้วยผักกาดขาวที่พนักงานนำมาให้ลงทันที
เมื่อเห็นดังนั้น เธอรีบรุดเข้าไปดึงพนักงานที่ถูกทุบตีลงกับพื้นและถามหล่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
คนขายนมผงเป็นพนักงานหญิงวัยกลางคน หล่อนใช้มือปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งด้วยแววตาแดงก่ำ ชี้ไปที่หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดี ผมหยิกสั้น และกล่าวด้วยความเสียใจ
“คุณผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อนมผง ฉันจึงขอดูบัตรอนุญาตเข้าตลาด แต่หล่อนไม่พอใจจึงตะโกนโวยวายและตบหน้าฉันค่ะ”
ผู้หญิงผมหยิกสั้นตะโกน “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันบังเอิญทำบัตรหาย แล้วทำไมเธอถึงไม่ขายนมผงให้ฉัน?”
หลินม่ายเผยสีหน้าเย็นชา “เนื่องจากคุณไม่มีบัตรอนุญาต หล่อนจึงขายนมผงให้กับคุณไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณทำบัตรอนุญาตหาย คุณลองไปซื้อสิ่งของอย่างอื่นแล้วบอกพนักงานว่าคุณทำบัตรหายดูสิคะ แน่นอนว่าไม่มีพนักงานคนไหนจะขายของให้คุณ!
ผู้หญิงคนนั้นข่มขู่ “คุณไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า? เพียงเพราะทำบัตรหายก็ไม่ได้รับการอนุญาตให้ซื้อของเลยสินะ”
ลูกค้าที่ต่อแถวรอซื้อนมผงอยู่ข้างหลังผู้หญิงคนนั้นต่างประณามหล่อน “บัตรในมือของเธอหายไปก็เป็นความผิดของเธอ หากเงินในมือของเธอหายไปก็เป็นความผิดของเธอเช่นเดียวกัน แล้วจะโทษใครได้อีก? ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ สิ่งที่เจ้าของตลาดพูดก็เป็นเรื่องจริง เห็นได้ชัดว่าคนที่ไร้เหตุผลที่สุดในเรื่องนี้ก็คือเธอ แต่กลับยังพยายามจะเอาชนะอยู่ได้!”
หลินม่ายกล่าวกับหญิงผมหยิก “แมวนอนว่าเรามีนมผงเพียงพอสำหรับลูกค้าทุกคน แต่ลูกค้าที่จะเข้ามาจับจ่ายซื้อของจะต้องมีบัตรอนุญาต หากคุณไม่มีก็จงให้ที่อยู่กับเราพร้อมชื่อของคุณและชื่อลูกของคุณด้วย เราจะลองตรวจสอบดูว่าข้อมูลเป็นความจริงหรือไม่ หากเป็นความจริงเราจะขายนมผงให้กับคุณ”
หลินม่ายมั่นใจว่าหญิงผู้นี้ไม่ได้มีลูกอยู่จริง แต่หล่อนจงใจแอบแฝงเข้ามาท่ามกลางกลุ่มชนเพื่อหมายจะขโมย
ทันใดนั้นหญิงผมหยิกสั้นก็ตื่นตระหนก พูดจาโผงผาง และสาปแช่ง “จะอะไรมากมายกับนมผงแค่ถุงเดียว? หากคุณไม่ขายให้ฉัน ฉันไปซื้อที่ตลาดฮุ่ยหมินก็ได้!”
ขณะที่หล่อนหันหลังกลับและเตรียมจะจากไป หลินม่ายก็พลันคว้าแขนของหล่อนไว้ “คุณคิดว่าหลังจากทุบตีและด่าทอพนักงานของฉันแล้วจะจากไปได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอคะ?”
ผู้หญิงผมสั้นตะโกนด้วยความไม่พอใจ “แล้วคุณต้องการอะไร?”
“ฉันต้องการอะไรงั้นเหรอ?” หลินม่ายหัวเราะ “ฉันต้องการโทรหาตำรวจ เพราะฉันจะปล่อยให้คุณทำร้ายพนักงานของฉันฝ่ายเดียวไม่ได้”
เธอบอกให้พนักงานชายคนหนึ่งไปยังสำนักงานและโทรหาตำรวจ
พนักงานชายหันหลังและวิ่งไปยังสำนักงาน
ผู้หญิงผมหยิกสั้นยิ่งลนลานเมื่อเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ แย่ลง “ฉันจะขอโทษพนักงานของคุณก็ได้”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “คำขอโทษยังไม่เพียงพอ อย่างน้อยคุณควรจ่ายค่าทำขวัญให้กับพนักงานของฉันสิบห้าหยวน”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการเงิน สีหน้าของหล่อนก็พลันมืดมน “ฉันคิดไว้แล้วเชียว แท้จริงแล้วพวกคุณก็แค่ต้องการเงิน ถ้าอย่างงั้นก็โทรหาตำรวจเลยสิ ฉันก็จะแจ้งความข้อหาบีบบังคับเพื่อรีดไถเงินเช่นเดียวกัน!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ๊า ป้าทำผิดเองแล้วยังจะโทษคนอื่นอีก เดี๋ยวเจอของจริงก่อนแล้วจะหนาวยิ่งกว่าอากาศข้างนอกตลาด
ไหหม่า(海馬)