บทที่ 735 หลี่จิ่วเต้าคือท่านผู้นั้นหรือ?
สมดั่งปรารถนา!
อักษรลายมือคุณชาย!
สิ่งนี้บ่งบอกอะไร?
บ่งบอกว่าคุณชายให้ความสำคัญชางเหยามาก!
มัจฉาสัตมายารู้ว่ามันคงต่อกรกับชางเหยาไม่ได้แล้ว จะให้ต่อกรอย่างไร คุณชายยังอยู่ฝ่ายเดียวกับชางเหยา!
“น้องเหยานี่เก่งกาจนัก ได้อักษรฝีมือคุณชายมาเลยหรือ! พี่ชวนอิจฉาเหลือเกิน!”
มันรีบกล่าวกับชางเหยาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
น้องเหยา?
ชางเหยาหัวเราะในใจไม่หยุด ท่านพี่ชวนนี่เรื่องอื่นอาจมิได้เก่งกาจนัก แต่มองสถานการณ์เก่งเป็นที่สุด! ก่อนหน้า เขาไม่เคยเรียกนางว่าน้องเหยา เอาแต่เรียกชื่อเต็มของนางอยู่ตลอด
“ข้าไม่ชอบบีบบังคับผู้ใด ยิ่งให้บีบบังคับท่านพี่ชวนยิ่งแล้วใหญ่ ในเมื่อท่านพี่ชวนเด็ดขาดเพียงนั้น ข้าคงไม่อาจเอ่ยอันใดไปมากกว่านี้แล้ว! เรื่องในอดีตปล่อยให้หายไปตามลมเถิด!”
ชางเหยามองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ไปก่อนนะ ข้าจะไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ เชยชมทัศนียภาพอันตระการตาเหล่านั้นเสียหน่อย”
“อย่าเพิ่งไป!”
มัจฉาสัตมายารีบเรียกชางเหยาไว้ พร้อมเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “น้องเหยาทำเช่นนี้ไม่ถูก! พี่ชวนอยู่ในอาณาจักรนี้มานาน ในเมื่อเจ้าอยากเที่ยวเล่นในอาณาจักรนี้ ไยจึงไม่ให้พี่ชวนนำทางเจ้าเล่า พี่ชวนชอบเที่ยวเล่นไปทั่วเป็นที่สุด!”
“เรื่องนั้น…ได้หรือ” ชางเหยาถามยิ้ม ๆ
“ได้แน่นอน!”
มัจฉาสัตมายากล่าวเสียงขึงขัง “น้องเหยาอย่าได้คิดมากว่าพี่ชวนประจบเจ้า และอย่าคิดว่าพี่ชวนหมายตาเนื้อย่างเหล่านั้น! พี่ชวนเพียงแต่โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้คน เราสองมาจากอาณาจักรเดียวกัน หากน้องเหยาต้องการยลทิวทัศน์งดงามของอาณาจักรนี้ พี่ชวนย่อมต้องอาสาช่วยเจ้าเป็นคนแรก!”
หลังชางเหยาได้ยินคำกล่าวของมัจฉาสัตมายาก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา
ไม่ใช่เพราะเหตุผลพวกนั้นหรือ?
เหล่าของวิเศษตาค้างไปเช่นกัน นึกในใจว่า มัจฉาสัตมายากล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาหน้าตาเฉยได้อย่างไรกัน
“คือว่า…ถ้าได้กินเนื้อย่างสักไม้ ก็คงยิ่งดีเข้าไปใหญ่!”
มัจฉาสัตมายากล่าวต่อ
“กินอะไรเล่า! ไปกันดีกว่า!”
ชางเหยาโบกมือกระชากคอเสื้อมัจฉาสัตมายา หมายจะพามัจฉาสัตมายาไปจากที่นี่
“อย่าทำตัวป่าเถื่อนเช่นนี้สิ!” มัจฉาสัตมายาร้องลั่น “รักษาภาพพจน์กุลสตรีด้วย!”
“กุลสตรีอะไรอีก!”
ชางเหยาถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายา “ข้าเคยลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะกำราบท่าน!”
จากนั้น นางบอกลาเหล่าของวิเศษ และพามัจฉาสัตมายาไปจากที่นี่
“เจ้าสองคนนี้…”
เหล่าของวิเศษหัวเราะมิได้ร้องไห้ไม่ออก มัจฉาสัตมายากับชางเหยาช่างเป็นคู่ที่น่าสนใจยิ่งนัก
ทั้งที่มัจฉาสัตมายามีใจให้ชางเหยา แต่กลับไม่ยอมสารภาพความในใจเพราะทิฐิ อย่างมัจฉาสัตมายา จำต้องได้คนนิสัยกล้าหาญอย่างชางเหยามาปราบ!
…
ณ สถานที่หนึ่งในดินแดนฝอ
ที่นี่ลึกลับเป็นที่สุด ทั้งยังมีกับดักวางไว้หลายชั้น ต่อให้มีพระสมณะแห่งพุทธศาสนาผ่านมา ก็ไม่มีทางรู้ตัว!
เวลานั้นเอง ใครบางคนก้าวออกจากกับดักหลายชั้นนั้นอย่างเงียบเชียบ
ภายนอกของเขาดูไม่มีพิรุธ ธรรมดาดาษดื่น ทว่านัยน์ตาคู่นั้นพิสูจน์แล้วว่าเขามิได้ธรรมดาอย่างที่ดูเหมือน!
ในส่วนลึกของนัยน์ตาคู่นั้นมีภาพการณ์สยดสยองมากมายปรากฏ เขามิใช่พวกสามัญ มีภูมิหลังยิ่งใหญ่แน่นอน!
และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น!
เขาคือหนานฉง ใจกล้าซ้ำยังระแวดระวัง เป็นผู้ที่หนีออกมาจากซากปริภูมิเวลานั่นเอง
ครานั้น จักรพรรดินีถูกจับเข้าไปในซากปริภูมิเวลาเพราะต้องการช่วยอาจารย์ของนาง ต่อมา ภาพร่างหลี่จิ่วเต้าปรากฏ ทลายพันธนการในปริภูมิเวลาออก สร้างเส้นทางโบราณขึ้นมา ส่งพวกจักรพรรดินีกลับ
เขาใจเหี้ยมมากพอ ติดสอยห้อยตามเส้นทางโบราณหนีออกจากซากปริภูมิเวลามาด้วย
ระยะนี้ เขาฟื้นพลังตัวเองในที่แห่งนี้มาตลอด บัดนี้ตัวเขาคืนสภาพจนประมาณหนึ่งแล้ว จึงยุติขั้นตอนฟื้นฟูพร้อมก้าวออกมา
“ข้าไปไหนมิได้ทั้งนั้น จำต้องอยู่แต่ในอาณาจักรนี้!”
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ เจ้าอุบายเป็นอย่างยิ่ง หลังหนีออกจากซากปริภูมิเวลาได้แล้ว เดิมเขาไปพำนักที่อื่นได้ ทว่าเขามิได้ทำเช่นนั้น หากแต่ตามเส้นทางโบราณมาถึงอาณาจักรนี้
เพราะเขารู้ดีว่า กองกำลังปริภูมิเวลาไม่มีทางรามือง่าย ๆ หากเขาไปอยู่ที่อื่น เป็นไปได้ว่าอาจถูกกองกำลังปริภูมิเวลาจับไปอีกครั้ง
แต่ถ้าอยู่ในอาณาจักรนี้ เขาจะปลอดภัยขึ้นมาก
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกจักรพรรดินีก็อยู่ในอาณาจักรนี้ ต่อให้กองกำลังปริภูมิเวลาไล่ตามมาจริง ๆ เขาก็ไม่กลัว
ถึงอย่างไรอาณาจักรนี้ก็เป็นถิ่นของท่านผู้นั้น ท่านผู้นั้นไฉนเลยจะยอมให้กองกำลังปริภูมิเวลาทำตามอำเภอใจที่นี่
คิดแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้!
“ที่นี่เป็นถิ่นของพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือนี่!”
เขาทรงพลังเป็นหนักหนา ไม่จำเป็นต้องตั้งใจตรวจจับอันใดก็รับรู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดในดินแดนฝอด้วยการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว
เรื่องนี้เป็นที่คาดไม่ถึงของเขา เขาทึ่งมากจริง ๆ
พระอมิตาภะพุทธเจ้าเผยแพร่คำสอนแห่งพุทธศาสนาไว้ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ด้วยหรือ?
“พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่!”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขณะครุ่นคิดในใจ
ในจักรวาลโกลาหลที่เขาอยู่ก็มีพุทธศาสนา และพระพุทธองค์ก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน พระสงฆ์ในพุทธศาสนาล้วนต้องท่องพระนามอามิตาพุทธ
นอกจากนี้ เท่าที่เขาทราบ พระอมิตาภะพุทธเจ้ามีรากฐานในจักรวาลโกลาหลแห่งอื่นเหมือนกัน!
ภายในซากปริภูมิเวลามีสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลมากมายถูกขังไว้ เขาเองก็รู้จากที่นั่นว่าธรรมะคลี่แผ่ปกคลุมไปถึงหลายจักรวาลโกลาหล และทั้งหมดล้วนบูชาพระอมิตาภะพุทธเจ้า!
ซ้ำยังต่างมีบุคคลนามพระอมิตาภะพุทธเจ้าปรากฏตัวเหมือน ๆ กัน!
เรื่องนี้น่าสนใจยิ่งนัก
จักรวาลโกลาหลแต่ละผืนมิได้เชื่อมโยงถึงกัน วิชาต่าง ๆ ที่ฝึกฝนก็แตกต่างกันไป ธรรมะจะมีอยู่ในจักรวาลโกลาหลมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร แล้วยังมีพระอมิตาภะพุทธเจ้าอันเป็นเหมือนศาสดาผู้เผยแพร่ธรรมะกันหมด!
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า ในจักรวาลโกลาหลที่ท่านผู้นั้นประทับก็มีร่องรอยธรรมะอยู่เช่นกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไร
‘เทียบกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนอื่น ธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ไม่นับว่าทรงพลังเท่าใด ไม่อาจสู้ผู้ใดได้ด้วยซ้ำ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นหรือไม่’
เขาคิดในใจ
ในจักรวาลโกลาหลผืนอื่น ธรรมะถือเป็นอภินิหารวิเศษ เป็นการดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่ ธรรมะในจักรวาลโกลาหลผืนนี้กลับอ่อนแอไม่เป็นท่า ไม่มีแม้แต่ขอบเขตเซียนซึ่งด้อยพลังเหลือแสน เช่นนี้ดูจะเหลาะแหละไปหน่อย ไม่อาจเทียบกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลอื่นได้เลย!
ขอบเขตเซียนนั้นอ่อนพลังจริง ๆ พุทธศาสนาในจักรวาลโกลาหลผืนอื่นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหล ซ้ำยังมีกำลังรบระดับสูงที่บรรลุเกินขอบเขตโกลาหลขึ้นไปอีกไม่น้อย
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดพุทธศาสนาที่นี่ถึงอ่อนด้อยปานนี้ ท่าทางราวกับยังไม่ถึงจุดรุ่งโรจน์ นี่เป็นเพราะข้อจำกัดของพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว หรือเพราะท่านผู้นั้นประทับอยู่ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้!?
“ต้าเต๋อ…”
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ต้าเต๋อดึงความสนใจจากเขาไปได้
ต้าเต๋อคือตัวแปรที่ควบคุมมิได้อย่างแท้จริง เคยช่วยพุทธศาสนาไว้ได้หลายครั้งยามพุทธศาสนาประสบหายนะ ราวกับมีพลังบางอย่างคอยคุ้มครองต้าเต๋ออยู่
‘ได้รับความคุ้มครองจากวิถีสวรรค์หรือ’
เขารู้สึกทะแม่ง วิถีสวรรค์ในอาณาจักรนี้เบาบางอย่างยิ่งยวด คล้ายว่าจะ ‘เอาตัวรอดไม่ได้’ ด้วยซ้ำ ไฉนถึงประคบประหงมเด็กอายุไม่กี่ขวบปีเช่นนี้ได้?!
‘ไหนจะลูกประคำพวงนั้นอีก!’
ต้าเต๋อไม่เพียงแต่มีวิถีสวรรค์คุ้มครอง แต่ยังมีลูกประคำพวงหนึ่งในมือซึ่งแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า เคยกำราบเซียวฮุ่ยผู้มารุกรานไว้ได้
‘ต้าเต๋อผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับธรรมะในจักรวาลโกลาหลอื่นหรือท่านผู้นั้นในอาณาจักรนี้กันแน่’
เขาคิดเงียบ ๆ ในใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังต้าเต๋อแน่นอน ไม่เกี่ยวข้องกับธรรมะก็เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น!
มิฉะนั้น เด็กไม่กี่ขวบปีอย่างต้าเต๋อไม่มีทางสามารถพอจะทำเรื่องเช่นนั้น!
ด้วยพลังขอบเขตของเขา เขาพยากรณ์ทุกเรื่องที่เขาต้องการทราบได้แน่นอน
ทว่าเขามิกล้าทำเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรือท่านผู้นั้นต่างมิใช่ผู้ที่เขาแตะต้องได้ หากผลีผลามทำการพยากรณ์ เป็นไปได้ว่าจะเกิดภัยใหญ่หลวงต่อตนเอง!
‘พลังของพุทธศาสนาที่นี่อ่อนด้อยนักหนา ข้าคิดว่าคงเพราะไม่มีพลังจากธรรมะคอยช่วยเหลือเท่าใด ถึงได้รู้สึกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้าเต๋อเห็นจะเป็นท่านผู้นั้นมากกว่า!’
เขาวิเคราะห์อย่างละเอียด
‘นอกจากนี้ หากคิดดูดี ๆ อีกทีอาณาจักรนี้ก็มีพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ แต่ต่อให้มีพลังธรรมะคอยเจือจุนก็คงมิได้ออกฤทธิ์กับต้าเต๋อ คงต้องออกฤทธิ์กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าในอาณาจักรนี้!’
เขาคิดต่อ
ยิ่งเป็นผลให้เขาคิดว่าต้าเต๋อเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น!
‘ดูเหมือนพระเก้าประทีปพุทธเจ้าผู้นั้นเกี่ยวพันลึกซึ้งกับต้าเต๋อ ข้าไปสอบถามสถานการณ์จากพระเก้าประทีปพุทธเจ้าก่อนดีกว่า’
เขาก้าวเท้าออกไป พริบตาเดียวก็ถึงตัวพระเก้าประทีปพุทธเจ้า
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าและเซียวฮุ่ยต่างเคยถูกช่วยออกไป เซียวฮุ่ยไม่ทราบเบาะแส แต่พระเก้าประทีปพุทธเจ้ายังอยู่ในดินแดนฝอ
เมื่อครู่ยามเขาเพิ่งได้รับรู้สถานการณ์ของดินแดนฝอก็ทราบถึงตำแหน่งที่อยู่ของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า
สิบล้านรอบ!
หลายรอบเกินไปแล้ว จนบัดนี้วัวตัวผู้ตัวนั้นยังไม่บรรลุ ‘ภารกิจ’ ที่เซียวฮุ่ยมอบหมาย ยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างขยันขันแข็ง!
และพระเก้าประทีปพุทธเจ้าในยามนี้ไม่เหลือชีวิตชีวาแม้สักเศษเสี้ยว สายตาว่างเปล่า สิ้นหวังต่อโลกทั้งใบ!
หนานฉงมุมปากกระตุก พระเก้าประทีปพุทธเจ้าทำอะไรไว้หรือ ถึงต้องถูกทรมานถึงปานนี้!
เขาชี้นิ้วออกไป คลายพลังที่พันธนาการวัวตัวผู้และพระเก้าประทีปพุทธเจ้าอยู่
“อ๊ากกกก! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว! ข้ายังเป็นร่างพรหมจรรย์แท้ ๆ! แต่กลับต้องเสียให้กับบุรุษผู้นี้! สวรรค์ ฆ่าข้าเถิด!”
หลังวัวตัวผู้ถูกคลายพลังที่ผนึกตนเองออกก็ล้มตึงลงพื้น แม้ว่าสภาพจิตใจของมันจะไม่ดีอย่างมาก แต่ยังคำรามเสียงกราดเกรี้ยวออกมา!
“เสี่ยวหลาน ข้าไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว! พรหมจรรย์ที่ข้ารักษาไว้เพื่อเจ้ามาหลายร้อยปีหายไปแล้ว! ชีวิตของข้ายังมีความหมายอันใดอีกเล่า!?”
วัวตัวผู้ร่ำไห้โศกา
“เจ้าโวยวายอะไร! ผู้ที่ต้องโวยวายสมควรเป็นข้าถึงจะถูก!”
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าร่ำร้องเสียงหมองหม่น
ผ่านมาตั้งนานแล้ว กิจกรรมนั้นมิเคยหยุดลงแม้แต่ชั่วอึดใจเดียว เขารู้สึกว่าก้นนี้มิใช่ของเขาอีกแล้ว!
เจ้าวัวตัวผู้ตัวนี้ยังมีหน้าโวยวายอีก!
เขาต่างหากคือฝ่ายที่ถูกขย่ม!
น่าเวทนาจนทนมองมิได้!
“เอาล่ะ”
หนานฉงมองวัวตัวผู้กับพระเก้าประทีปพุทธเจ้าก็พลันรู้สึกระคายตาเป็นหนักหนา จึงพาพระเก้าประทีปพุทธเจ้าไปจากที่นี่
“ขอบคุณท่านที่เข้ามาช่วย!”
หลังมาถึงอีกสถานที่หนึ่ง พระเก้าประทีปพุทธเจ้ารีบกล่าวขอบคุณหนานฉง
ผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ยังห่างจากสิบล้านรอบอีกมาก มิหนำซ้ำแต่ละรอบของวัวตัวผู้กินเวลานานยิ่ง!
และหลังจากนั้นเรื่อย ๆ แต่ละรอบของวัวตัวผู้ยิ่งทวีความนาน เพราะระบายออกมายากขึ้นเรื่อย ๆ
“จำบุญคุณของข้าได้ก็ดีแล้ว”
หนานฉงกล่าว “เล่าเรื่องของต้าเต๋อให้ข้าฟังหน่อย จำไว้ ห้ามตกหล่นแม้แต่จุดเดียว”
ถึงแม้พระเก้าประทีปพุทธเจ้าไม่รู้ว่าหนานฉงถามเรื่องต้าเต๋อเพื่อการใด กระนั้นเขาก็มิกล้าปิดบัง เล่าทุกอย่างออกมาอย่างครบถ้วน
“ตามคาด!”
หนานฉงหรี่ตาลง จากข้อมูลที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเล่าให้ฟัง เขาจับประเด็นสำคัญได้อย่าง!
ฝีมือน่าทึ่งทั้งหมดที่ต้าเต๋อสำแดงออกมา ล้วนเกิดขึ้นหลังเขากลับจากเขาหยงหมิง!
ก่อนไปเขาหยงหมิง ต้าเต๋อยังมิได้น่าทึ่งปานนั้น!
“หลี่จิ่วเต้าคือท่านผู้นั้นหรือ”
เขาสังเกตได้อีกว่า คราวต้าเต๋ออยู่ที่เขาหยงหมิงเคยเจอกับปุถุชนผู้หนึ่งนามหลี่จิ่วเต้า
ปุถุชนหรือ?
สถานที่ซึ่งมีผู้ฝึกตนเข้าชุมนุมจะมีปุถุชนโผล่ไปได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังมีผู้ฝึกตนมากมายเคารพยำเกรงหลี่จิ่วเต้าเป็นที่สุด
สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่อยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้าล้วนแล้วน่าทึ่งกันทั้งสิ้น!
“ไปเถิด ไปหาหลี่จิ่วเต้าผู้นี้หน่อย!”
หนานฉงพาพระเก้าประทีปพุทธเจ้าไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังเมืองชิงซาน
เขาตัดสินใจไปสืบให้รู้ความ!