บทที่ 738 ต้นหลิว ‘ที่นี่ก็ไม่ตรงตามเงื่อนไข!’
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำบุกเข้ามา สำแดงทุกวิชาที่มี ซ้ำยังเป็นมหาวิชาพิฆาตกันทั้งสิ้น คลื่นพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงสะเทือนจนทั่วทั้งซากปริภูมิเวลาสั่นไหว!
สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาตื่นตกใจกันหมด แหงนหน้ามองว่าที่นั่นเกิดอันใดขึ้น เหตุใดถึงมีคลื่นพลังสยดสยองเช่นนี้ปะทุออกมา?!
พวกเขาใจสั่นเหลือคณา คลื่นพลังระดับนี้น่ากลัวเกินไป หากโถมทับมาถึงด้านพวกเขาจริง ๆ ต่อให้ไม่ตายก็คงเกือบ
“บังอาจนัก! เห็นหรือยัง นั่นคือพี่หลิวของข้า!”
หนานฉงชี้ไปยังต้นหลิวที่ปรากฏกายออกมาแล้วตะโกนขึ้น
ด้านโน้น ร่างของต้นหลิว ราชันเย่ และจ้าวแห่งเรือนจำเผยออกมา สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้เห็นราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำกำลังผนึกกำลังจู่โจมต้นหลิว
พวกเขาพลันมิกล้าลงมือกับหนานฉง ไม่ว่าอย่างไรหนานฉงก็มากับต้นหลิวจริง ๆ พวกเขากลัวว่าหนานฉงจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับต้นหลิว
ถึงแม้พวกเขาไม่รู้สึกว่าต้นหลิวจะเป็นคู่มือของราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำ กระนั้นก็ต้องเผื่อไว้ก่อนมิใช่หรือ
ถ้าหากต้นหลิวเอาชนะราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำได้เล่า
พวกเขาเริ่มหวาดระแวง
“ทุกท่านอย่าได้เชื่อวาจาของเขา! เขาเป็นจอมหลอกลวง! นึกถึงในอดีตที่เขาเคยหลอกทุกท่านสิ!”
เวลานั้น จ้าวกิเลนดำตะโกนลั่น “พี่หลิวอะไร ใช่ที่ไหนกัน เขาอวดอ้างบารมีผู้อื่นเห็น ๆ! ที่มาด้วยกันก็เพราะถูกกองกำลังฝ่ายปริภูมิเวลาจับได้เท่านั้น”
“จ้าวกิเลนดำ เจ้าพูดเหลวไหลอันใดอยู่!”
หนานฉงเริ่มลนลานในใจ เขาอวดอ้างบารมีผู้อื่นอยู่จริง ๆ แม้จะมากับต้นหลิว แต่ก็ใช่ว่าต้นหลิวจะดูดำดูดีเขาจริง ๆ
ทว่าแม้ในใจเขาจะลนลาน แต่สีหน้าของเขามิได้แตกตื่นแต่อย่างใด
“ทุกท่านอย่าได้เชื่อวาจาของจ้าวกิเลนดำ มันเพียงต้องการให้ร้ายพวกท่านเท่านั้น เพื่อล้างแค้นพวกท่านที่ลอกหนังกินเนื้อของมัน!”
เขาตวาดเสียงเย็น
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมิได้มีท่าทีอันใด ที่หนานฉงว่ามาใช่ว่าไร้เหตุผล จ้าวกิเลนไฟอาจตั้งใจให้ร้ายพวกเขาจริง ๆ
“หนานฉง เจ้ามัวเสแสร้งอะไรอยู่! แน่จริงเจ้าขอให้ต้นหลิวขานรับเจ้าสักคำสิ!”
จ้าวกิเลนดำหัวเราะเสียงเย็น “ถ้าหากต้นหลิวมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าจริง ๆ มันไม่มีทางทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เพียงลำพัง! อย่างน้อยมันต้องเอ่ยบอกพวกเราสักคำ มิให้พวกเราสังหารเจ้า!”
‘จ้าวกิเลนดำเดนน่าตายนี่ ยามสมควรมิเคยหัวใส ดันมาหัวใสในช่วงเวลามิสมควร!’
หนานฉงด่ากราดในใจ หนนี้การอวดอ้างบารมีของมันเห็นมีคงล้มเหลวเสียแล้ว ประโยคของจ้าวกิเลนดำมีเหตุผล ตรงเข้าประเด็นทุกถ้อยคำ จนเขาคิดหาวาจาโต้แย้งมิได้ในทันที
“เกือบติดกับเจ้าอีกแล้ว!”
“ริอ่านหลอกพวกเราอีกครั้งหรือ!”
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดพิโรธ ลงมือรุนแรงยิ่งขึ้น ทรมานมากขึ้น ใบหน้าหนานฉงเหยเกบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
“สมน้ำหน้า! ผู้ใดใช้ให้เจ้าเอาแต่ด่าว่าข้าโง่! ข้าหาได้โง่ไม่!”
จ้าวกิเลนดำคลี่ยิ้มกว้าง
จากนั้น มันกล่าวต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย “ทุกท่านให้ข้าเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่ ข้าเองก็เจ็บแค้นในตัวหนานฉงผู้นี้นัก อยากจะกัดเนื้อมันลงมา”
ครานี้มันให้ความช่วยเหลืออันเป็นประโยชน์ มันรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายคงยอมให้มันเข้าร่วมแล้วกระมัง
“ไสหัวไปเลย!”
“เจ้ามีสิทธิ์ลงมือที่ไหน!”
สิ่งมีชีวิตมากมายต่อว่า มิได้เปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อจ้าวกิเลนดำ
ทีแรกจ้าวกิเลนดำเตรียมพุ่งเข้าไปแล้ว หลังถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตำหนิเช่นนี้ ก็ต้องหดร่างกลับมาเจื่อน ๆ
ขณะเดียวกัน ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำบุกไปถึงด้านต้นหลิว อาวุธในมือทั้งคู่ฟาดฟันใส่ต้นหลิว หมายจะปลิดชีพต้นหลิวลงตรงนั้น
“เหตุใดข้าพูดความจริงไปแล้วพวกเจ้าถึงไม่ฟัง”
ต้นหลิวเอ่ย “ข้าบอกไปแล้ว พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป…”
ทันทีที่สิ้นเสียงมัน ก้านหลิวก้านหนึ่งพลันหวดใส่ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำ
พรวด! พรวด!
ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำถูกหวดกระเด็น กระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่งกันทั้งคู่ พวกมันทั้งสองต่างถูกหวดจนร่างแหลกไปครึ่งหนึ่ง!
ซี๊ด!
เสียงสูดปากดังขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในซากปริภูมิเวลาต่างตกตะลึงกับภาพนี้จนหัวใจแทบหยุดเต้น!
จ้าวแห่งเรือนจำนั้นไม่ต้องสาธยายให้มากความ มันคือผู้ปกครองที่นี่ มีพลังเหนือกว่าพวกเขาทุกตน
ส่วนราชันเย่นั้น ยิ่งมีพลังสยดสยองกว่าจ้าวแห่งเรือนจำมากกว่า!
ผลสุดท้าย ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำผู้แข็งแกร่งปานนี้กลับเปราะบางต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียวเมื่อปะทะกับต้นหลิว จะมิให้พวกเขาตกตะลึงได้อย่างไร
พวกเขาชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ ร่ายกายสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่!
ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำต่างมองต้นหลิวด้วยสายตาเหลือเชื่อ อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าต้นหลิวจะแข็งแกร่งปานนี้!
ระดับพวกเขาล้วนอยู่เหนือขอบเขตลอยชาย จ้าวแห่งเรือนจำอยู่ในขั้นที่หกของขอบเขตลอยชาย ส่วนราชันเย่นั้นอยู่ขั้นที่เก้าของขอบเขตลอยชาย กลับยังห่างชั้นกับต้นหลิวมากเพียงนี้ ต้นหลิวผู้นี้ อย่างน้อย ๆ ต้องอยู่ในขอบเขตผู้บงการ!
ขอบเขตลอยชาย คือขอบเขตที่อยู่เหนือขอบเขตโกลาหล
ส่วนขอบเขตผู้บงการนั้นคือขอบเขตที่อยู่เหนือขอบเขตลอยชาย
ต้นหลิวผู้นี้มาจากไหนกัน ไฉนถึงมีพลังระดับขอบเขตผู้บงการได้?!
ต้องรู้ว่า ในจักรวาลโกลาหลนานัปการ ต่อให้เป็นจักรวาลโกลาหลผืนใหญ่ที่สุดก็มิอาจให้กำเนิดกำลังรบระดับผู้บงการได้!
อย่างมากก็แค่ขอบเขตลอยชายเท่านั้น
คิดจะบรรลุขอบเขตผู้บงการ จะต้องได้รับพลังจากเทวโลกเสียก่อน!
ต้นหลิวมาจากเทวโลกหรือ?!
แต่หากต้นหลิวมาจากเทวโลก ต้นหลิวไฉนเลยจะกล้าลงมือกับพวกมัน
เทวโลกนั้นกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มีอยู่ทั้งหมดเก้าชั้นด้วยกัน แต่ไม่ว่าชั้นไหนล้วนต้องเคยได้ยินชื่อเสียงองอาจของพวกมัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดจากเทวโลกกล้ายุ่งกับพวกมันง่าย ๆ เพราะแดนกำเนิดของพวกมันคือเบื้องบนเทวโลก!
แก่นสำคัญของทั้งเก้าชั้นนี้คือเบื้องบนเทวโลก นั่นคือจุดกำเนิดพลังทั้งปวง อยู่เหนือสรรพสิ่ง!
ต้นหลิวมีภูมิหลังเช่นไรกันแน่ ถึงได้กล้าไม่เห็นหัวพวกมันเช่นนี้ ลงมือกับพวกมันตามอำเภอใจ!
ชั่วขณะนั้น พวกมันว้าวุ่นใจเป็นที่สุด
“นำทางไป ข้าอยากไปดูฐานทัพใหญ่ของพวกเจ้าเสียหน่อย!” ต้นหลิวเอ่ย
ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำไฉนเลยจะกล้าคัดค้าน นอกจากนี้ พวกมันอยากพาต้นหลิวไปอยู่แล้ว หากเป็นเช่นนั้น พวกมันก็มีโอกาสรอดเช่นกัน
ต่อให้ต้นหลิวแข็งแกร่งเพียงใดก็มีขีดจำกัด ไม่มีทางสู้กับกองกำลังเบื้องหลังพวกมันได้!
จากนั้น พวกมันเตรียมนำทางอยู่ด้านหน้า เพื่อพาต้นหลิวเข้าไปในเทวโลก!
“พี่หลิว พาข้าไปด้วย!”
หนานฉงเห็นต้นหลิวจะไป จึงรีบตะโกนบอกต้นหลิว
“เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าพาข้ามาที่นี่ นับว่ามีความดีความชอบ มาสิ”
ต้นหลิวบอกให้หนานฉงมาหามัน
“ขอบคุณพี่หลิว!”
หนานฉงรีบกล่าวขอบคุณ หัวใจที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอยในที่สุดก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้แล้ว
“ไม่จริงกระมัง!”
จ้าวกิเลนดำอึ้งงัน เจ้าหนานฉงนี่เกี่ยวข้องกับต้นหลิวจริงหรือ!
“พี่ฉง พาน้องไปด้วยเถิด ให้น้องตามไปด้วย!”
มันเอ่ยบอกหนานฉงเสียงร่ำไห้
“พาไปกับผีสิ!”
หนานฉงตอกกลับจ้าวกิเลนดำเสียงเคียดแค้น “ดูท่าทางที่เจ้าซ้ำเติมข้าเมื่อครู่เสียก่อน ยังมีหน้าขอให้ข้าพาเจ้าไปด้วยอีกหรือ หากว่าก่อนหน้านี้เจ้ามิได้ซ้ำเติมข้า บางทีข้าอาจยินดีพาเจ้าไปด้วย ตอนนี้หรือ…ไม่มีทาง!”
พูดจบ เขาก็เหินไปอยู่ข้างกายต้นหลิว
จากนั้น พวกต้นหลิวไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังเทวโลก
“อ๊าก!”
จ้าวกิเลนดำได้ยินวาจาของหนานฉงแล้วแทบเสียสติ
มันสำนึกเสียใจเป็นที่สุด ถ้าก่อนหน้านี้มันเงียบไว้คงดี ไยต้องอวดฉลาดเปิดโปงหนานฉงด้วย!
บัดนี้สิดี มันได้ตัดหนทางของตัวเอง!
มิหนำซ้ำ สายตาที่สิ่งมีชีวิตรอบ ๆ พากันมองมาที่มันไม่ดีอย่างมาก!
“เกือบถูกเจ้าหลอกเอาเสียแล้ว!”
“สมควรตายนัก!”
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบันดาลโทสะ เมื่อครู่จ้าวกิเลนดำเอ่ยว่าหนานฉงไม่มีความเกี่ยวข้องกับต้นหลิว พวกเขาเชื่อกันหมด ดีที่ต้นหลิวมิได้ถือสาพวกเขา มิฉะนั้น ด้วยพลังของต้นหลิว พวกเขาคงต้องตายกันหมด!
พวกเขายิ่งคิดยิ่งโมโห สุดท้ายจึงกรูกันเข้าไปหาจ้าวกิเลนดำ รุมซ้อมกิเลนดำจนยับเยิน!
“จบเห่แล้ว!”
จ้าวกิเลนดำร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง มันโชคร้ายเหลือเกิน ดันฉลาดผิดจังหวะเสียได้!
ราชันเย่และจ้าวแห่งเรือนจำนำทางอยู่ด้านหน้า เปิดเส้นทางลึกลับสุดขีดเส้นทางหนึ่งออก
เทวโลกนั้นไม่ธรรมดา มิอาจเข้าไปได้ง่าย ๆ หากไม่มีเส้นทางเชื่อม แทบไม่มีทางไปถึงเทวโลกได้เลย
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง พวกเขามาถึงเทวโลก
ที่นี่คือชั้นล่างสุดของเทวโลกเก้าชั้น ชั้นที่หนึ่ง
“รู้สึกคุ้นเคยอยู่นิดหน่อย…”
หลังต้นหลิวมาที่นี่ก็รู้สึกคุ้นเคย คล้ายว่ามันเคยพบเจอพลังปราณของที่นี่มาก่อน
‘ดินแดนนั้นเอง!’
ไม่นานนัก มันก็นึกออก
นึกถึงดินแดนที่มันเกือบจมดิ่งออกมาไม่ได้!
พลังปราณของที่นี่คล้ายคลึงกับดินแดนนั้นอยู่บ้าง ต่างกันตรงพลังปราณของที่นั่นเข้มข้นกว่า และพลังที่ไหลเวียนอยู่ในฟ้าดินก็บริสุทธิ์กว่า
‘มีความเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นหรือ’
ต้นหลิวคิดในใจ
อีกด้าน หนานฉงใจเต้นตึกตัก พลังปราณและคลื่นพลังที่ไหลเวียนที่นี่เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของเขาไปมาก ที่นี่คือที่ไหน?!
‘คงมิใช่เทวโลกกระมัง!’
เขาคิดในใจอย่างอดมิได้ นึกถึงข่าวลือเทวโลกที่เคยได้ยินมาก่อน
ลือกันว่า จักรวาลโกลาหลถือกำเนิดขึ้นในเทวโลก เป็นแดนกำเนิดสูงสุดอย่างหามิได้
‘ข้ามาอยู่ที่เทวโลกแล้วหรือนี่! ไม่รู้ว่าต้นหลิวคุ้มครองข้าได้หรือไม่!’
เขาคิดอย่างอกสั่นขวัญแขวน
เทวโลกนั้นสูงส่งเกินหยั่งเกินไป เขากลัวจากใจจริงว่าพี่หลิวอาจต้องเสียท่าที่นี่ หากเป็นเช่นนั้นจริง จุดจบของเขาก็คงมิได้ดีไปกว่ากันเท่าใด!
เขาตั้งความหวังอยู่ล้นหัวใจว่าพี่หลิวนั้นทรงพลังแกร่งกล้า!
เวลานั้น ร่างมากมายจุติลงมาที่นี่ คลื่นพลังปราณที่คลี่แผ่ออกจากตัวพวกเขาต่างเหนือกว่าราชันเย่
เส้นทางนี้เชื่อมต่อกับฐานทัพของกองกำลังปริภูมิเวลาในชั้นนี้ ร่างทั้งหมดนี้คือยอดฝีมือในฐานทัพของชั้นนี้ คอยพิทักษที่นี่
“ราชันเย่ นี่มันเรื่องอันใดกัน?!”
ร่างของแม่เฒ่าผู้หนึ่งเอ่ยถามราชันเย่ ตัวนางผอมติดกระดูก ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความชรา ในมือมีไม้เท้าหัวมังกรไม้หนึ่ง
“มันเดินทางย้อนปริภูมิเวลา ถูกกักขังไว้ในซากปริภูมิเวลา ทว่าพวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของมัน ถูกมันขู่เข็ญให้พาพวกเขามาที่นี่!”
ราชันเย่รีบเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยไม่ปิดบัง
“นักโทษที่หนีออกจากซากปริภูมิเวลาอย่างนั้นหรือ!”
แม่เฒ่าหันมองต้นหลิว “เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร คิดจะท้าทายอำนาจของพวกเราอย่างนั้นหรือ”
“ข้าเพียงแต่ต้องการหาสถานที่ที่สามารถเคี่ยวกรำตนเองได้เท่านั้น…”
ต้นหลิวกล่าว “ดูเหมือนที่นี่ก็ไม่ตรงตามความต้องการของข้า ที่นี่คือฐานทัพใหญ่ของพวกเจ้าหรือ หรือว่าพวกเจ้าเป็นเพียงกองกำลังย่อยเท่านั้น”
ที่นี่ไม่เป็นอันตรายต่อมันสักนิด
เห็นได้ชัดว่าที่นี่ก็ไม่ตรงตามเงื่อนไขของมัน
“โอหังนัก!”
แม่เฒ่าหัวเราะ “ยังมิเคยมีสิ่งมีชีวิตตนใดจองหองได้ถึงเพียงนี้!”
ริอ่านท้ากันถึงที่เลยหรือ!
ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน!