ตอนที่ 768 สังหารคนที่หัวใจ
หลินม่ายไม่รีบเร่งที่จะเอาชนะซูอวี้อิ๋ง
เธอต้องการดูว่าซูอวี้อิ๋งต้องการให้จั๋วหรานทำอะไรก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะจัดการกับหล่อนอย่างไร
สำหรับฟางจั๋วหราน เธอมีความเชื่อมั่นในตัวเขา เขาไม่เคยมีความรักใคร่และความสัมพันธ์ทางกายกับซูอวี้อิ๋งมาก่อน และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้
เพราะหากเขาทำแบบนั้น เธอจะทุบหัวเขาทิ้งทันที!
ใต้ต้นแปะก๊วยนอกสวนหลังบ้าน ฟางจั๋วหรานมองไปยังซูอวี้อิ๋งด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่เห็นหล่อน และหล่อนก็ดูซีดเซียวราวกับอายุเพิ่มขึ้นอีกสิบปี
อย่างไรก็ตาม เขาประหลาดใจเพียงสามวินาทีก่อนที่จะกลับสู่ความสงบตามปกติ
พลางถามอย่างเย็นชา “คุณบอกว่าคุณต้องการบอกผมว่ามีคนที่ต้องการรวมกองกำลังเพื่อจัดการกับม่ายจื่อ คนเหล่านั้นคือใคร?”
ซูอวี้อิ๋งหันหน้าไปทางประตูหลังบ้านของหลินม่าย
หลินม่ายเปิดประตูหลังออกมาก่อนจะปิดกลับอย่างแผ่วเบา มองมายังซูอวี้อิ๋ง
แต่ซูอวี้อิ๋งแสร้งทำเป็นไม่เห็น
หล่อนจ้องมองฟางจั๋วหรานเป็นเวลานาน จากนั้นน้ำตาก็ไหลพรากราวกับกระทำความผิดร้ายแรง
ฟางจั๋วหรานขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง หันหลังกลับและจากไป เขาเกลียดผู้หญิงคนอื่นที่ร้องไห้ต่อหน้าเขานัก
ซูอวี้อิ๋งรีบคว้าตัวเขาไว้และขอร้องทั้งน้ำตา “ช่วยฉันด้วย จั๋วหราน!”
ฟางจั๋วหรานผละจากหล่อนอย่างกระวนกระวาย “อย่าแตะต้องผม ภรรยาของผมอาจเข้าใจผิดได้หากมาเห็น”
จู่ ๆ ซูอวี้อิ๋งก็รู้สึกอึดอัด
เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ ปฏิกิริยาแรกของที่ฟางจั๋วหรานควรทำคือไปยังศาลเพื่อฟ้องหย่า แต่ฟางจั๋วหรานถือว่าหลินม่ายเป็นสมบัติล้ำค่า
หล่อนถามอย่างฉุนเฉียว “คุณกลัวภรรยามากเลยเหรอ?”
ดวงตาของฟางจั๋วหรานกลายเป็นเย็นชาและร้อนใจมากขึ้น “ไม่ได้กลัว แต่มันคือความรัก ช่างเถอะ พูดเรื่องความรักกับคนที่แต่งงานกับสามีโดยไม่ได้รักก็คงไม่เข้าใจ”
เขากำลังจะจากไปอีกครั้ง แต่ถูกซูอวี้อิ๋งหยุดไว้
หล่อนถามอย่างกระวนกระวายด้วยน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า “ฉันต้องแต่งงานกับตระกูลฉางเพราะอะไร? และเพราะใครกันล่ะ? หากตอนนั้นคุณสัญญาว่าจะเคียงคู่กับฉัน ตอนนี้เราคงแต่งงานกันไปแล้ว ฉางเจียเหว่ยจะกลายเป็นคนของฉันไหม? เป็นเพราะคุณปฏิเสธฉันในตอนนั้น ฉันจึงถูกเพื่อน ๆ ในวงสังคมเยาะเย้ย เพื่อกอบกู้หน้าตาทางสังคม เพื่อรักษาหน้าของครอบครัว ฉันจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับฉางเจียเหว่ย!”
ซูอวี้อิ๋งมีท่าทางโกรธและเสียใจ เหตุการณ์นี้ทำให้หล่อนเจ็บปวดอย่างมาก
มีเพียงฟางจั๋วหรานเท่านั้นที่ใจแข็งและไม่แยแส
เขาพูดอย่างเย็นชา “คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่อย่าผลักภาระให้คนอื่น หากคิดจะมาหาผมเพื่อร้องไห้และพูดแบบนี้ ผมบอกเลยว่าไม่อยากฟัง!”
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปและพูดเสียงดังไปยังประตูหลังบ้าน “อย่ามัวซ่อนตัวอยู่เลย มีคนกำลังจะยั่วยวนผู้ชายของคุณ ทำไมคุณไม่ต่อว่าและขับไล่หล่อนออกไปล่ะ?”
หลังจากนั้นหลินม่ายก็เปิดประตูหลังและเดินออกมาอย่างเปิดเผย
เธอชี้ไปยังซูอวี้อิ๋งและพูดอย่างก้าวร้าว “เธอ ออกไปจากที่นี่นี่ซะ เดี๋ยวนี้เลย! ไม่งั้นฉันคงอดคันไม้คันมือและทุบตีเธอไม่ได้!”
ซูอวี้อิ๋งตื่นตระหนกทันที หล่อนเชื่อว่าหลินม่ายซึ่งเป็นเด็กสาวป่าเถื่อนผู้เติบโตในชนบทสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้จริง
เธอไม่ต้องการถูกทุบตีในที่สาธารณะ เพราะนั่นน่าอายเกินไป
จึงรีบพูด “อย่าฟังเรื่องไร้สาระของจั๋วหรานเลย ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อแย่งชิงผู้ชายจากเธอ ฉันมาที่นี่เพื่อขอร้องให้เขาช่วยฉัน”
ฟางจั๋วหรานตะคอกอย่างเย็นชา “คุณไม่ได้มาหาผมเพราะเหตุผลนั้น ผมเชื่อแบบนั้น แต่คุณต้องอยากให้ม่ายจื่อเข้าใจผิดว่าผมยังคงมีเยื่อใยต่อคุณอยู่ ซึ่งผมพูดไม่ผิดแน่ จุดที่เรายืนอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากประตูหลังบ้านของผม แน่นอนว่าม่ายจื่อต้องไม่ได้ยินที่เราคุยกัน เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังอ้อนวอนอย่างหนัก อยากให้ผมช่วยคุณข้ามผ่านความยากลำบาก แต่หลังจากนั้น คุณจะบอกหลินม่ายว่า คุณขอความช่วยเหลือจากผม และผมยังคงมีเยื่อใยต่อคุณ จึงปลอบโยนคุณ และทำให้หล่อนเข้าใจผิด คุณกำลังจะพยายามฆ่านกสองตัวด้วยปืนนัดเดียว คุณไม่เพียงพยายามทำให้สามีภรรยาแตกแยกกันได้ แต่ยังได้รับความช่วยเหลือจากผมด้วย ผมวิเคราะห์ถูกใช่ไหม?”
ซูอวี้อิ๋งพลันรู้สึกอึดอัดใจ การวิเคราะห์ของฟางจั๋วหรานนั้นถูกต้องเกินไป
จุดประสงค์ในการเดินทางมาที่นี่ของหล่อนคือการขอให้ฟางจั๋วหรานช่วยตน และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของเขาไปด้วยจริงๆ
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เพียงไม่คิดหย่าร้าง แต่ยังรู้ทันแผนการทั้งหมดของหล่อนด้วย เมื่อเห็นหลินม่ายประสบความสำเร็จในทุกอย่างเช่นนี้ หล่อนจะทนได้อย่างไร!
นอกจากนี้ หล่อนยังมีโชคริบหรี่ หากบริจาคเงินทั้งหมดที่ได้รับจากตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งในวันนี้ หล่อนก็จะไม่เหลือสิ่งใดเลย
แต่หลินม่ายไม่แม้แต่จะให้โอกาสหล่อน และทำการกุศลปาดหน้าหล่อน
นอกจากนี้ยังเป็นการบริจาคให้กับครอบครัวที่ยากจนมาก และยังเป็นการรับสมัครอาสาสมัครเพื่อให้บริการตามบ้านแก่กลุ่มพิเศษโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
แม้หล่อนจะบริจาคผลกำไรทั้งหมดจากตลาดให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายแห่งแล้ว แต่ก็สายเกินไป
ไม่ว่าในสายตาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือคนทั่วไป สิ่งที่หล่อนทำก็เป็นเพียงการป้องกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษทางกฎหมาย
หลินม่ายผลักดันหล่อนจนถึงทางตัน ดังนั้นหล่อนจึงต้องต่อสู้กลับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
หล่อนใช้โอกาสหลอกลวงฟางจั๋วหรานก่อน เพื่อให้หลินม่ายได้เห็นว่าตนและเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง และก็จะเกิดการเข้าใจผิดขึ้น
แต่ฟางจั๋วหรานกลับมองแผนการทุกอย่างออก หล่อนไม่เพียงล้มเหลว แต่ยังรู้สึกหดหู่และอึดอัดใจจนไม่สามารถหายใจได้อย่างราบรื่น
ซูอวี้อิ๋งพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปรับอารมณ์และเย้ยหยันฟางจั๋วหราน “คุณมีความภักดีต่อการแต่งงานของคุณกับหลินม่ายมากเลยสินะ แต่หลินม่ายดูท่าจะไม่ไว้ใจคุณ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่แอบดูที่ประตูหลัง”
ฟางจั๋วหรานกล่าวอย่างเย็นชา “เอาล่ะ ต่อให้คุณจะพยายามจนตาย ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับม่ายจื่อก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะยั่วยุได้ หากม่ายจื่อไม่ไว้ใจผม ก็คงเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความมั่นใจแก่หล่อน และทั้งหมดก็เป็นความผิดของผมเอง”
หลินม่ายลูบท้องของตนและพูดกับฟางจั๋วหรานด้วยท่าทางอ่อนโยน “หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับหล่อนได้แล้วค่ะ คุณย่าคงเตรียมอาหารกลางวันไว้แล้ว กลับบ้านไปกินอาหารกลางวันกันเถอะ”
“ครับ” เมื่อฟางจั๋วหรานพูดกับหลินม่าย ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนอย่างมาก “ผมขอให้คุณย่าตุ๋นมะเขือเทศเป็นมื้อพิเศษตอนเที่ยง คุณและโต้วโต้วชอบเมนูนี้นี่”
ทั้งสองจูงมือกันกลับบ้าน
ซูอวี้อิ๋งพลันตระหนักได้ว่า ความต้องการเร่งด่วนของหล่อนยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
แต่หล่อนทำให้ฟางจั๋วหรานและภรรยาของเขาขุ่นเคืองอย่างมาก จนพวกเขาไม่คิดช่วยหล่อน
ด้วยความสิ้นหวัง ซูอวี้อิ๋งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละวางทิฐิทั้งหมดและคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ “จั๋วหราน ฉันกำลังมีปัญหา โปรดช่วยฉันด้วย”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเย็นชา “ผมช่วยคุณไม่ได้หรอก แต่หากภรรยาของผมเป็นคนขอ ผมอาจจะลองเก็บไปคิดดูก่อน”
เขาจงใจให้ซูอวี้อิ๋งอยู่ในท่าทางเช่นนี้
ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ต้องการยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและทำให้ภรรยาที่รักของเขารู้สึกแย่ไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นเขาจึงต้องการให้หล่อนอ้อนวอนคนรักของเขาอย่างนอบน้อมเพื่อให้ช่วยเหลือหล่อน
ซูอวี้อิ๋งต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนที่เกลียดชังเช่นนี้
เพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์นั้นก็ทำให้เขามีความสุขแล้ว
ซูอวี้อิ๋งมองไปยังฟางจั๋วหรานด้วยความเหลือเชื่อ
ฟางจั๋วหรานทำให้หล่อนอับอายอย่างมากจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองใครได้!
หล่อนอยากจะลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วชี้หน้าตะโกนด่าทอเขาเหลือเกิน
แต่หล่อนก็ทำไม่ได้
หากทำเช่นนี้จริง หล่อนคงสูญเสียโอกาสสุดท้ายในการเอาชีวิตรอด
ในตอนบ่าย แผนกที่เกี่ยวข้องอาจพาตัวหล่อนไปดื่มชา*ด้วย
(*给带走喝茶 เป็นแสลง หมายถึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก)
หล่อนต้องขอร้องให้ฟางจั๋วหรานขอให้คุณปู่ฟางปกป้องเธอก่อนที่แผนกที่เกี่ยวข้องจะพาหล่อนไป
ในปัจจุบัน มีเพียงคุณปู่ฟางเท่านั้นที่สามารถช่วยหล่อนได้ แต่น่าเสียดายที่คุณปู่ฟางไม่แม้แต่จะชายตามองหล่อน
ซูอวี้อิ๋งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอร้องหลินม่ายอย่างถ่อมตน “ม่ายจื่อ ได้โปรด ขอให้จั๋วหรานช่วยฉันได้ไหม? ฉันสาบานว่าฉันจะไม่วางแผนร้ายกับเธออีก และฉันจะอยู่ให้ห่างจากเธอ”
หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าตอนนี้เธอย่อมพูดดีสารพัด แต่เมื่อฉันยอมช่วยเหลือและทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ ใครจะรู้ว่าเธอจะแว้งกัดฉันยังไงบ้าง? ยังไงฉันก็ไม่คิดจะช่วยเธอหรอก!”
หลังกล่าวจบเธอก็จากไปพร้อมกับฟางจั๋วหราน
ซูอวี้อิ๋งยังคงก้มหัวให้หลินม่าย อ้อนวอนให้เธอร้องขอสามีให้ช่วยเหลือตน
หลินม่ายอยากรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เธออยากรู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองและก้มหัวกับพื้นเพื่ออ้อนวอนพวกเขาถึงขนาดนี้
ดังนั้นเธอจึงถาม “เธอมีอะไรให้จั๋วหรานของฉันช่วย?”
แต่เธอก็เพียงแค่ถาม ไม่ได้ตั้งใจจะให้สามีช่วยเหลือซูอวี้อิ๋งอยู่แล้ว
หากซูอวี้อิ๋งพยายามสร้างเรื่องให้น่าสงสารเพื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะช่วยเหลือ หลินม่ายก็จะทำการปฏิเสธทันที
เธอไม่รู้ว่าซูอวี้อิ๋งจะต้านทานการโจมตีนี้ได้หรือไม่
ได้แต่หวังว่าหล่อนจะแข็งแกร่งพอ
ทันใดนั้นซูอวี้อิ๋งก็จำได้ว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรักหลินม่ายมาก จึงรีบเอ่ยขึ้น “ฉันไม่จำเป็นต้องร้องจั๋วหรานก็ได้ เธอเองก็ช่วยฉันได้เหมือนกัน”
น้ำเสียงของหลินม่ายราบเรียบ “เธอกำลังพูดถึงอะไร?”
จากนั้นซูอวี้อิ๋งก็ลังเลที่จะเล่าเรื่องทั้งหมด
หล่อนร้องไห้ทั้งน้ำตา “หากเธอไม่ขอให้คุณปู่ฟางช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ ฉันจะต้องเข้าคุกแน่นอน ฉันไม่อยากติดคุก”
จู่ ๆ หลินม่ายก็พลันโมโหสุดขีด “เธอขึ้นราคาและแอบอ้างคำสั่งรัฐบาล เธอก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ แต่กลับต้องการให้ปู่ของฉันออกมาจัดการเรื่องนี้ให้ นี่ก็เท่ากับการดึงปู่ของฉันลงสู่ขุมนรกกับเธอด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอนี่ช่างชั่วร้ายจริง ๆ!”
ท้ายที่สุด ไม่ว่าซูอวี้อิ๋งจะอ้อนวอนมากแค่ไหน แม้กระทั่งกอดขาอีกฝ่ายไว้ หลินม่ายก็ไม่คิดจะสนใจหล่อน หลินม่ายชักขากลับและจูงมือฟางจั๋วหรานเดินกลับบ้าน
เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขอร้องหลินม่าย ซูอวี้อิ๋งจึงหันไปขอร้องฟางจั๋วหรานแทน
หล่อนร้องไห้ไล่หลังของเขา “จั๋วหราน หากคุณไม่ช่วยฉัน ฉันจะต้องติดคุกแน่ๆ เชียวนะ!”
ฟางจั๋วหรานไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนเมตตาใครโดยไร้เหตุผล
เขาเพียงกล่าวโดยไม่หันศีรษะกลับมามอง “ไปเถอะ”
ครั้นซูอวี้อิ๋งเห็นว่ากลอุบายอันขมขื่นไร้ประโยชน์ หล่อนจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที “จั๋วหราน มีคนที่ต้องการรวมพลังเพื่อจัดการกับม่ายจื่อจริง ๆ นะ ตราบใดที่คุณขอให้คุณปู่ฟางช่วยฉัน ฉันจะบอกคุณว่าใครต้องการกำจัดกับม่ายจื่อ
หลินม่ายหันหลังกลับและกล่าว “ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้ฟ้าจะถล่มหรือดินจะทลาย ฉันก็จัดการทุกอย่างเองได้”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใครจะโง่เอาเผือกร้อนจากมือคนอื่นมาถือไว้ที่มือตัวเองล่ะ ผูกเองก็แก้เองนะอวี้อิ๋ง
ไหหม่า(海馬)