บทที่ 748 แลกสิ่งของด้วยสิ่งของ นี่คือวิถีฝึกตนของข้า!
บรรพจารย์ฝูเริ่มปฏิบัติการ เขาตวงน้ำขึ้นจากลำธารใกล้ ๆ จำนวนหนึ่ง พร้อมกล่าวยิ้ม ๆ ว่านี่คือน้ำพิสุทธิ์ไร้ราก หลอมรวมจากสสารบริสุทธิ์ในฟ้าดิน หมื่นล้านปีได้เพียงหนึ่งหยด
เขาหักกิ่งไม้มาอีกกิ่ง เอ่ยยิ้ม ๆ ว่านี่คือต้นวิเศษสัตตะ ไม่มีสิ่งใดกลบรัศมีได้ ไม่ว่าของวิเศษใด เมื่ออยู่ต่อหน้าต้นวิเศษสัตตะจะสูญสิ้นรัศมีและพลานุภาพทั้งหมด นี่คือของวิเศษที่ธรรมชาติประทานให้
จากนั้น เขาเก็บก้อนหินเล็ก ๆ บนพื้นขึ้นมา เอ่ยว่านี่คือหินห้าประภา โจมตีใบหน้ามนุษย์โดยเฉพาะ มิเคยพลาดเป้า ไม่ว่าอีกฝ่ายมีขอบเขตสูงเพียงใดก็เท่านั้น ต้องถูกโจมตีโดนอย่างแน่นอน
เขาเด็ดใบหญ้าลงมาหนึ่งใบ เอ่ยว่านี่คือกระบี่ฟ้า เป็นหนึ่งกระบี่ที่เบิกสวรรค์ ขจัดมาร ประหารเซียนได้!
และระหว่างที่เขาพูดจา สิ่งที่เดิมเป็นเพียงของดาษดื่นต่างกลายเป็นของวิเศษล้ำค่า ดูน่าทึ่งสะท้านโลกาไปเสียทุกอย่าง!
แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนเป็นภาพมายา เขายังไม่อยู่ในระดับที่เปลี่ยนสรรพสิ่งเป็นยอดศาสตราได้ด้วยวาจาเดียว และพูดได้ว่าห่างชั้นอีกไกลโข
หากอยากทำให้ได้ถึงขั้นนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นถึงบรรพจารย์เต๋าโกลาหล
บรรพจารย์เต๋าโกลาหลเป็นระดับสูงสุดในขอบเขตโกลาหล สามารถเนรมิตทุกสิ่งได้ตามอำเภอใจด้วยวาจาในจักรวาลโกลาหลผืนที่ตัวเองอยู่
บรรพจารย์ฝูรวบรวมสิ่งของไว้กองพะเนิน ซึ่งเป็นของไร้ประโยชน์ทั้งหมด เขานึกในใจว่าอย่างไรคราวนี้ก็คงไม่เหมือนคราวก่อนที่ถูกผู้อื่นเอาเปรียบเพราะมองของวิเศษสะท้านโลกาผิดเป็นของไร้ประโยชน์!
หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง เขามาอยู่บนยอดเขาไกล ๆ ลูกหนึ่ง
ตั้งวางทุกอย่างไว้บนพื้น ส่วนตัวเองนั้นนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ แสงสีทองสาดส่องออกไปนับล้าน บดบังแม้แต่พระอาทิตย์บนผืนนภา
“ข้าบำเพ็ญตนมานับล้านปี รู้แจ้งในปรมัตถ์ของปฐพี ตระหนักในวิชาหมื่นวิถี บัดนี้จุติลงมาอยู่ที่นี่เป็นการฝึกตนในฆราวาส แลกสิ่งของด้วยสิ่งของ แลกของวิเศษด้วยของวิเศษ ถือเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!”
เขาปริปาก เสียงนั้นดังกังวานไปหลายหมื่นลี้ สะท้อนอยู่ในใจสิ่งมีชีวิตทุกตน
ชั่วขณะนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายตกตะลึงกันหมด เสียงนี้เสมือนเสียงจากสวรรค์ แฝงไว้ด้วยความลึกล้ำแห่งการฝึกฝน จนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเดือดพล่านขึ้นมา!
“มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้ปรากฏตัวออกมาแล้วหรือ?!”
“ไปเถิด ไปดูกันหน่อย!”
สิ่งมีชีวิตนับคณาเหินไปยังยอดเขาที่บรรพจารย์ฝูประทับอยู่อย่างบ้าคลั่ง
สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในอาณาจักรทั้งปวงต่างมาอยู่ในอาณาจักรนี้ เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้เพิ่มพูนตั้งไม่รู้กี่เท่า ลำพังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแถบนี้ก็เยอะจนนับไม่ไหว ตอนนี้ทุกตนต่างเหินไปยังยอดเขานั้นอย่างพร้อมหน้า ภาพการณ์นั้นนิยามว่าชวนสะท้านใจคงยังไม่พอ!
บนฟ้า ใต้ดิน มีหมดทุกตารางนิ้ว แดนบรรพโกลาหลใกล้จะปรากฏออกมา แม้แต่ตัวตนสูงส่งที่เร้นกายมิให้ผู้ใดพบตัวยังโผล่ออกมาแล้วหรือ
พวกเขาตื่นเต้นเป็นที่สุด เบียดกันเข้าไปอย่างไม่ยอมกันด้วยกลัวจะล่าช้า หลังไปถึงที่นั่น พวกเขาก็นิ่งอึ้งกันหมด ในใจไม่รู้ว่าทึ่งสักเพียงใด มีตัวตนสูงส่งอย่างหามิได้ปรากฏตัวออกมาจริงหรือนี่!
บรรพจารย์ฝูนั่งขัดสมาธิอยู่บนนภา แสงสีทองเจิดจรัสล้อมรอบตัว กฎแห่งสวรรค์และโลกโลดแล่นรอบกายเขา ซ้ำยังมีเสียงมหาเต๋าแสนศักดิ์สิทธิ์ดังอยู่เนือง ๆ ม่านแสงมงคลสาดส่องลงมาม่านแล้วม่านเล่า!
ขณะเดียวกัน ด้านหลังของเขามีปรากฏการณ์ประหลาดสุดขีดสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มีทั้งจักรวาลไพศาล ทั้งจวนเซียน แคว้นเซียน และภาพมหัศจรรย์อื่น ๆ!
“สุดยอดเกินไปแล้ว! นั่นมันขอบเขตอันใดกัน?!”
มีสิ่งมีชีวิตคุกเข่าอยู่บนพื้น โขกศีรษะให้บรรพจารย์ฝูเสียงดังไม่หยุด พร้อมกล่าวอย่างเลื่อมใส “วันนี้ได้พบท่านอาวุโสถือเป็นบุญวาสนาที่ข้าสั่งสมมาสามภพสามชาติ!”
“นี่คือยอดฝีมือจากแดนเซียน ลือกันว่ามีกำลังรบระดับยอดเซียน!”
ใครบางคนอุทานเสียงหลงหลังจำสิ่งมีชีวิตที่คุกเข่ากับพื้นได้ ว่าเขาผู้นั้นมาจากแดนเซียน ทั้งยังมีพลังแกร่งกล้ามากอีกด้วย
ตึง! ตึง! ตึง!
จากนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันคุกเข่าลงพื้นเรื่อย ๆ คำนับกราบกรานบรรพจารย์ฝูด้วยความศรัทธา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนมีขอบเขตสูงส่ง อย่างต่ำที่สุดก็เหนือขอบเขตจักรพรรดิขึ้นไป และยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขอบเขตสูงเท่าใด ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของบรรพจารย์ฝู!
บรรพจารย์ฝูเปล่งพลังปราณออกไปเต็มที่ นี่คือพลังปราณระดับบรรพจารย์เซียน อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เลย ต่อให้จักรพรรดิเซียนมาด้วยตนเอง ก็จักรู้สึกต้อยต่ำ สำเหนียกตนว่ามิอาจเทียบเทียม!
ขั้นสูงสุดในขอบเขตเซียนหาใช่เล่น ๆ จักรพรรดิเซียนยังห่างชั้นไกลโข บรรพจารย์เซียนสังหารจักรพรรดิเซียนได้ด้วยการยกมือเท่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”
บรรพจารย์ฝูหัวเราะเบา ๆ แสงนุ่มนวลทาบทับลงบนตัวสิ่งมีชีวิตมากมาย ประคองสิ่งมีชีวิตที่คุกเข่าอยู่ให้ลุกขึ้น
เขากล่าว “ข้ามานี่ก็เพื่อฝึกตน การฝึกตนในปฐพีนี้ไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับพวกเจ้าแล้ว นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลง สำหรับข้า นี่ก็คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน! ข้าจะจัดกิจกรรมแลกสิ่งของด้วยสิ่งของ ขอแลกเปลี่ยนกับทุกท่านด้วยวัตถุเหล่านี้”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “ศาสตราทุกชิ้นต่างเป็นตัวแทนของชีวิตช่วงหนึ่ง ลิ้มรสชีวิตอันมีหลากหลายสีสัน ตรัสรู้ด้วยปัจจัยฆราวาส นี่แหละ คือการฝึกตนของข้า!”
ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ?!
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายอึ้งกันหมด
พวกเขาทอดมอง ‘ของวิเศษ’ ที่เรียงรายที่พื้น แต่ละชิ้นล้วนสะท้านโลกา เกินกว่าขอบเขตความนึกรู้ของพวกเขาไปไกล และตัวตนสูงส่งอย่างหาที่สุดมิได้ผู้นี้ต้องการแลกเปลี่ยน ‘ของวิเศษ’ เหล่านี้กับพวกเขาหรือ?!
สวรรค์! นี่มันเรื่องอะไร?
พวกเขาคิดไม่ตกเลย!
ถึงอย่างไร ต่อให้รวมสมบัติของสิ่งมีชีวิตทุกตนเข้าด้วยกัน ก็ยังเทียบ ‘ของวิเศษ’ เหล่านั้นมิได้สักเสี้ยว!
นั่นคือระยะห่างที่ไม่สามารถเหนือขึ้นไป ต่างกันถึงแก่น!
อย่างที่คิด ความคิดความอ่านของบุคคลสูงส่งอย่างหามิได้เหล่านี้มิใช่สิ่งที่ตัวละครต่ำต้อยเฉกเช่นพวกเขาจะคาดเดาได้!
พวกเขาต่างสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด ความคิดความอ่านของบุคคลสูงส่งอย่างหามิได้เช่นนี้ อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทว่าต่อมา พวกเขาก็ยิ่งเต็มตื้นขึ้นไปอีก
ไม่ว่าอย่างไร สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ก็เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ถึงอย่างไร ‘ของวิเศษ’ เหล่านั้นก็สะท้านโลกาเป็นที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะแลกด้วยสิ่งใดก็ไม่เสียเปรียบ และตรงกันข้าม พวกเขาจะได้เปรียบอย่างมาก!
“ถูกแล้วที่มา ถูกแล้วที่มา!”
“ไม่เสียแรงที่พวกเราข้ามผ่านอวกาศไกลแสนไกลเพื่อมายังอาณาจักรนี้จริง ๆ!”
พวกเขาคิดในใจ อย่าให้เอ่ยเลยว่าแช่มชื่นปานใด
เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง ต่อให้พวกเขาไม่ได้อะไรจากแดนบรรพโกลาหล แต่ขอเพียงได้แลกวัตถุสักชิ้นจากที่นี่ พวกเขาก็มาไม่เสียเที่ยว ได้ประโยชน์มหาศาลแล้ว!
“คึกคักจริงเชียว พวกเราไปดูที่นั่นกันหน่อยดีหรือไม่”
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าบนหลังกิเลนไฟถามพวกลั่วสุ่ยในรถลาก
“ตามที่คุณชายว่า!”
“คุณชายว่าอย่างไรก็ตามนั้น!”
พวกลั่วสุ่ยตอบยิ้ม ๆ
“เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูกันหน่อยเถิด”
หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟมุ่งหน้าไปยังที่นั่น
อสูรทั้งเก้าลากรถตามหลังหลี่จิ่วเต้าไปยังที่นั่นด้วย
อนิจจา ที่นั่นมีผู้คนอยู่เนืองแน่น สิ่งมีชีวิตแออัดไปทั่วทุกระเบียดนิ้ว พวกเขาจำต้องจอดทั้งที่อยู่ห่างกันไกลโข
และจากตรงนี้ พวกเขามองเห็นเพียงบรรพจารย์ฝูผู้ประทับกลางอากาศ ไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย
“ขอเสียมารยาทถามท่านสักคำ ที่นี่เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นหรือ”
หลี่จิ่วเต้ากระโดดลงจากหลังกิเลนไฟ เอ่ยถามผู้ฝึกตนมนุษย์ผู้หนึ่งด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
แน่นอนว่าบัดนี้กิเลนไฟอยู่ในรูปลักษณ์ม้ามังกร มิใช่ร่างกิเลนเดิมของตน หากบัดนี้สิ่งที่เผยให้เห็นอยู่คือร่างกิเลนเดิมของตน ย่อมต้องเป็นที่ฮือฮาแน่นอน
กิเลนเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน ทรงพลังอย่างยิ่งยวด เป็นถึงราชันแห่งสัตว์เดินดิน หากสิ่งมีชีวิตระดับนี้ปรากฏออกมา แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนก็ต้องตกตะลึง!
กิเลนไฟในยามนี้หาใช่ระดับที่ตนเองในอดีตเทียบเทียมด้วยได้ แม้แต่ตัวมันเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่า มันได้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ซ้ำยังเหนือขึ้นไปถึงขั้นที่สองแล้ว
เป็นความเร็วที่สุดยอดอย่างยิ่ง ต่อให้มันได้ฝึกตนในแดนแกนกลางสุดของแดนบรรพโกลาหลก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้รวดเร็วปานนี้!
คุณชายก็คือคุณชาย เก่งกาจยิ่งนัก!
มันนี่โชคดีอย่างถ่องแท้ที่ได้เป็นสัตว์ขี่ของคุณชาย เป็นความโชคดีระดับที่สุสานบรรพบุรุษมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงนำพามาให้ และเป็นเกียรติยศที่มันสร้างให้แก่บรรพชนทั้งหลาย!
พวกลั่วสุ่ยก็พากันเดินลงจากรถลาก
พวกเขาในยามนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เหนือชั้นกว่าเก่านัก!
ขอบเขตลั่วสุ่ยยังคงก้าวหน้าที่สุด แต่เดิมสายเลือดและกายาของนางมิได้กล้าแกร่งเท่าใด ไม่ถือว่าโดดเด่น ทว่า นางได้อยู่กับหลี่จิ่วเต้าทุกวัน ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของหลี่จิ่วเต้า เรื่องนี้เกินกว่าผู้ใดจะเทียบได้
สายเลือดและกายาของนางอยู่ในระดับสะท้านโลกาแล้ว นางได้ก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียน ซึ่งเป็นขอบเขตที่มิอาจบรรลุด้วยการฝึกฝนเท่านั้น!
กิเลนไฟยังไม่อาจบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียน หากแต่บรรลุจากขั้นจักรพรรดิเซียนไปถึงขอบเขตโกลาหลโดยตรง
หลิงอินก็น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่ธรรมดาเลยสักนิด นางอยู่ในจุดสูงสุดแห่งขั้นจักรพรรดิเซียนตอนปลาย ซ้ำยังได้สัมผัสกับขั้นบรรพจารย์เซียนแล้ว นางเองก็มีหวังบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียนเช่นกัน นางในยามนี้ เรียกเป็นว่าที่บรรพจารย์เซียนได้เลย
เซี่ยเหยียนก็ว่องไวไม่แพ้กัน ถือเป็นหนึ่งในชั้นยอด นางได้สัมผัสกับขั้นจักรพรรดิเซียน บัดนี้เป็นว่าที่จักรพรรดิเซียนตนหนึ่ง!
เสี่ยวหยาก็เก่งกาจเป็นที่สุด พรสวรรค์นั้นไม่ต้องพูดถึง นางบำเพ็ญจนอยู่ในขั้นราชันแห่งเซียน ส่วนพี่ชายของนางนั้นด้อยกว่าหน่อย อยู่ในขั้นจ้าวแห่งเซียนซึ่งเป็นรองจากขั้นราชันแห่งเซียน
พวกต้าเต๋อ อ้ายฉานแม้จะยังเยาว์ ทว่าพวกเขาต่างได้รับคำอวยพรจากหลี่จิ่วเต้า กายาเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกผัน อยู่เหนือขั้นจ้าวแห่งเซียนกันหมด โดยเฉพาะต้าเต๋อและอ้ายฉานที่กล้าแกร่งจนบรรลุขั้นราชันแห่งเซียนได้
อันหลานเสวี่ยก็บรรลุเซียนแล้วเช่นกัน ซ้ำยังอยู่เหนือขอบเขตเซียนขึ้นไป มาถึงขั้นเซียนสมบูรณ์
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวเย็นชาสองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในขั้นเทียนตี้ อีกตัวอยู่ในขอบเขตเซียน!
ส่วนอสูรทั้งเก้าผู้ลากรถก็เป็นอสูรเทียนตี้กันถ้วนหน้าแล้ว!
แม้กระทั่งฉินหวายเฟิงยังบรรลุขอบเขตจักรพรรดิหลังติดตามมาตลอดทาง กลายเป็นจักรพรรดิตนหนึ่ง!
เป็นผลให้เขาสะท้านใจอย่างยิ่งยวด!
เวลาเพียงปีกว่า เขาก็เปลี่ยนจากผู้ฝึกตนเล็ก ๆ มาเป็นจักรพรรดิ ช่างเป็นเรื่องที่เหมือนฝันยิ่งกว่าฝันเสียอีก จนเขาแทบไม่อยากเชื่อ!
“ปุถุชนผู้หนึ่งหรือ?”
ผู้ฝึกตนที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถามขมวดคิ้วน้อย ๆ สายตาทอแววรังเกียจราง ๆ เหตุใดแม้แต่ปุถุชนยังเดินทางมายังที่นี่ด้วย!
เขาหันกลับไปทันที ไม่สนใจหลี่จิ่วเต้าอีก
สนทนากับปุถุชนเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สมฐานะ เป็นการลดตัว!
กิเลนไฟทนดูไม่ไหว คนผู้นี้เป็นอะไรของเขา เจ้าตาสุนัขขี้ดูถูก!
พวกลั่วสุ่ยยิ่งทนดูไม่ไหว อย่าว่าแต่คุณชายมิใช่ปุถุชนเลย ต่อให้คุณชายเป็นปุถุชน แล้วผู้ฝึกตนจะหยิ่งผยองดูแคลนปุถุชนได้ตามใจชอบหรือ
การฝึกฝนนั้นฝึกที่จิตใจ ใช่ว่ากล้าแกร่งแล้วจะดูถูกผู้อื่นได้!
การฝึกฝนเช่นนี้เป็นการผิดต่อจุดประสงค์เดิมของการฝึกอย่างสิ้นเชิง!
“โอ๊ย ท่านอาผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนหรือ ข้ายังมิเคยเห็นผู้ฝึกตนมาก่อนเลย! ข้าขอขี่หลังท่านอาหน่อย!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันขาวเรียงราย ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังของผู้ฝึกตนคนนั้น
จากนั้น เขาก็พันแข้งพันขาอยู่กับผู้ฝึกตนคนนั้น