แมงมุมพิษขนาดมหึมาหมอบตัวอยู่ภายในใยแมงมุมอันหนาทึบของมันเอง ร่างของมันปกคลุมไปด้วยขนสีเทา และยังมีขนาดเกือบเท่าชายโตเต็มวัยสี่คนรวมกัน บนศีรษะของมันมีตาเล็กๆ อยู่สองข้าง ขาทั้งแปดของมันโก่งโค้งอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะโจมตีเป้าหมาย ศีรษะและลำตัวของมันกินพื้นที่บนร่างกายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าของมันไปกว่าครึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นท้องอ้วนๆ ของมัน มันใช้ขาอันว่องไวปราดเปรียวทั้งสี่คู่พุ่งเข้าหาเฮ่อเหลียนเวยเวย ดวงตาสีแดงราวกับทับทิมที่หรี่ลงมานั้นเป็นประกายด้วยความหิวโหย
เฮ่อเหลียนเวยเวยตระหนักได้ในตอนนี้นี่เองว่านางไม่ได้อยู่ในอุโมงค์ แต่นางอยู่ในรังของแมงมุมตัวนี้ต่างหาก
ใครก็ตามที่รู้จักแมงมุมคงรู้ดีว่า ต่อให้เหยื่อเก่งกาจเพียงใด แต่การหลบหนีจากรังแมงมุมหลังจากเข้ามาติดกับนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นแมงมุมพิษเช่นนี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงพร้อมกับกุมไหล่ซ้ายเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วยืนขึ้นด้วยความยากลำบาก แต่ชุดของนางก็เปื้อนไปด้วยเลือด นางมองเห็นแมงมุมที่กำลังน้ำลายไหลย้อยด้วยความหิวนั้นได้อย่างชัดเจน
ปีศาจระดับล่างพวกนี้วิวัฒนาการมาจากสัตว์ และแตกต่างจากปีศาจระดับสูงที่เกิดจากพลังปีศาจ ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีจิตสำนึกเหมือนมนุษย์แม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งมารยาทบนโต๊ะอาหารที่เหล่าปีศาจให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พวกมันก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
มันโปรดปรานความรู้สึกตอนที่ได้ฉีกเหยื่อเป็นชิ้นๆ เช่นเดียวกันกับแมงมุมพิษตัวอื่น
ยิ่งมนุษย์ที่เป็นเหยื่อของมันอยู่ในสภาพน่าสยดสยองมากเท่าใด มันก็จะยิ่งชอบใจมากเท่านั้น
แมงมุมพิษแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ทันทีที่มันทำเช่นนั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังก้องขึ้นในหูของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างชั่วร้าย ”คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีหญิงมีครรภ์กล้าพอที่จะเข้ามาในสุสานหลวงแห่งนี้ ผ่านมาห้าร้อยปีแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่เคยลืมรสชาติหวานๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของทารกในท้องมนุษย์ได้ลง เลือดและเนื้อของเด็กที่ยังไม่เกิดเป็นเนื้อที่สดใหม่และอร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้”
แมงมุมดำพูดพร้อมกับเข้ามาหาเฮ่อเหลียนเวยเวย ทุกครั้งที่มันเดิน ใยแมงมุมที่อยู่โดยรอบก็จะสั่นไปด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างรัดเข้าที่ข้อเท้าของนาง ตามมาด้วยความเจ็บปวดอันรุนแรงจากใยสีเงินที่มัดขาข้างซ้ายของนางไว้
นางได้ยินแม้กระทั่งเสียงข้อต่อที่หักเป็นชิ้นๆ นั่นด้วยซ้ำ บัดซบเอ๊ย!
นางสบถเสียงเบา ขณะที่ทัศนวิสัยของนางพร่ามัวเพราะเลือดจากหน้าผากที่ไหลลงมาเข้าตา แต่นางกลับยังคงนิ่งเพราะนางรู้ว่ายิ่งนางตะเกียกตะกายอยู่ในใยแมงมุมมากเท่าใด มันก็จะยิ่งรัดนางแน่นขึ้นเท่านั้น นางไม่สนใจมากนักด้วยซ้ำว่าแขนขานางจะบาดเจ็บเพียงใด ตราบใดที่ลูกในท้องของนางไม่ได้เจ็บไปด้วย
ขณะที่คิดเช่นนี้อยู่ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็มองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ไปพร้อมกัน
อย่างไรนางก็เป็นทหารรับจ้าง แม้ว่านางจะเสียพลังปราณไปแล้ว แต่การหาวิธีโค่นศัตรูก็ยังเป็นสิ่งที่นางให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเวลาที่นางตกอยู่ในอันตราย
แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของนางกลับเป็นแมงมุมที่ตัวใหญ่กว่านางถึงห้าเท่า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพิษร้าย ถ้าหากไม่ระมัดระวังให้ดี นางคงได้พลาดท่าแน่
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้คือนางต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
แมงมุมพิษยังคงจมอยู่ในห้วงจินตนาการ มันใช้ปลายลิ้นตวัดชิมเลือดที่ไหลมาตามใยของตัวเอง ทันใดนั้นดวงตาสีแดงเจิดจ้าของมันก็หรี่ลงจนกลายเป็นเส้นเดียว มันพูดขึ้นว่า ”ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอเหยื่อชั้นยอดถึงเพียงนี้! เจ้าอาจจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่รสชาติของเจ้ากลับเอร็ดอร่อยยิ่งกว่าผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนที่ข้าเคยกินมาเสียอีก ช่างเป็นการล่าที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก!”
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของแมงมุมพิษก็พลันตื่นเต้นอย่างสุดขีด ลมหายใจฉุนกึกพุ่งออกมาจากรูจมูกของมัน เขี้ยวอันแหลมคมของมันแทบทนรอที่จะได้ฉีกมนุษย์ตรงหน้าเป็นชิ้นๆ ไม่ไหว!
แมงมุมพิษหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อมันรู้สึกได้ว่ามนุษย์ที่เป็นเหยื่อไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มันก็เพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้น ก่อนจะเย้ยว่า ”แม่นาง ในจำนวนมนุษย์ที่ข้าเคยพบมา นับว่าเจ้าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา หลายปีแล้วที่ไม่มีใครคิดออกว่าเรื่องนั้นเป็นฝีมือใยแมงมุมของข้า มีแต่เจ้าคนเดียวที่คิดออก แต่คงจะดีกว่าหากเจ้าล้มเลิกแผนการที่คิดอยู่และหยุดดิ้นรนเสีย!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบางแน่นเพราะความปวดร้าวที่แล่นไปทั่วแขนขาของนาง ใบหน้าขาวซีดแต่งดงามของนางแต่งแต้มไปด้วยเลือด แต่นางก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อันใดออกมา ดวงตากระจ่างใสของนางเปื้อนเป็นสีแดงจากเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผาก
ข้าพูดไปเรื่อยๆ ถ่วงเวลามันดีกว่า
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยค่อยๆ เพ่งมองไปยังแมงมุมพิษที่กำลังเข้ามาหานาง แต่หัวใจของนางกลับเต้นระรัวขณะเอ่ยอย่างไม่เร่งรีบว่า ”ก่อนที่ข้าจะร่วงลงมา ข้าไม่ได้กลิ่นเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว และพวกเราก็ไม่ได้ไปโดนกลไกอะไรเข้าด้วย ดังนั้นย่อมไม่มีทางที่พวกเราจะร่วงลงมาข้างล่างอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้ นอกเสียจากว่าจะมีกับดับที่เรามองไม่เห็นซ่อนอยู่ และจำเป็นต้องให้ใครบางคนช่วยทำให้มันใช้งานได้ แต่คนที่อยู่ในอุโมงค์แห่งนั้นมีแต่พวกเรา และเจ้าก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น… หมายความว่าเจ้ามีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในหมู่ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าฉลาดจริงๆ” แมงมุมพิษหรี่ตาลง แล้วเยาะว่า ”แต่น่าเสียดายที่มนุษย์อย่างเจ้ามักถูกล่อลวงได้อย่างง่ายดาย ฮ่าๆ ไหนๆ เจ้าก็กำลังจะตายอยู่แล้ว ข้าจะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน ในหมู่ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายพวกนั้นมีคนบางคนที่แปดเปื้อนไปด้วยปราณแห่งความเคียดแค้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกปีศาจควบคุมได้อย่างง่ายดาย สัตว์อสูรตัวอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่อาจจะไม่ทันสังเกตเห็นเรื่องนั้น แต่ข้าอยู่ในสุสานหลวงแห่งนี้มากว่าหนึ่งพันปี ดังนั้นข้าจึงไวต่อมนุษย์ประเภทนี้เป็นพิเศษ อีกอย่างหนึ่ง หนึ่งในพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนที่มีลมหายใจอยู่แล้ว อย่างไรพวกเจ้าทุกคนก็ต้องตาย ให้เกียรติข้าเป็นคนลงมือจะเป็นอะไรไป”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ตั้งใจวิเคราะห์สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของแมงมุมพิษตัวนั้นอย่างถี่ถ้วน เพราะสมองของนางจดจ่ออยู่ที่การซื้อเวลา ดังนั้นนางจึงถามต่อว่า ”ถ้าสิ่งเดียวที่เจ้าต้องการก็คือการกินข้า เจ้าปรากฏตัวขึ้นที่อุโมงค์แห่งนั้นแล้วกลืนข้าเข้าไปทั้งตัวเลยจะไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องเสียเวลามาควบคุมมนุษย์ แล้วเล่นซ่อนหากันในความมืดเช่นนี้ด้วย หรือว่าเจ้ากลัวพวกเรา”
“กลัวหรือ” แมงมุมพิษหัวเราะเยาะอย่างเสียดสีราวกับได้ยินเรื่องตลก จากนั้นมันจึงตอบว่า ”ข้าต้องยอมรับว่าผู้ชายที่อยู่ข้างเจ้าแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าเราสู้กันจริงๆ ข้าอาจจะแพ้ก็ได้ แต่ข้าชอบให้เหยื่อเดินเข้ามาติดในใยของข้ามากกว่า อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถซื้อเวลาเพื่อให้ชายคนนั้นมาช่วยเจ้าที่นี่ละก็ เก็บลมหายใจของเจ้าเอาไว้เสียเถอะ! เขาต้องข้ามมาจากอีกฟากหนึ่งของสุสานหลวงจากจุดที่เจ้าตกลงมา ไม่ว่าเขาจะว่องไวเพียงใด ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วยามกว่าที่เขาจะมาถึงตัวเจ้าได้ นอกเสียจากเขาจะสามารถระเบิดผนังหินพวกนี้ให้เป็นจุลได้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าก็คงไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกแล้วกระมัง! แม่นาง ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าล้มเลิกแผนการไปเสีย ปกติแล้วข้าคงไม่สนใจที่จะกินมนุษย์ธรรมดาเช่นเจ้าแน่ เพราะเจ้าไม่มีพลังวิญญาณเหมือนอย่างผู้ขับไล่วิญญาณร้ายพวกนั้น แต่ตอนนี้พอมาคิดดูอีกที การได้กินเจ้าหลังจากที่ผ่าหน้าท้องของเจ้าออกแล้วก็คงเป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว”
แมงมุมพิษเลียริมฝีปากตัวเองอีกครั้งทันทีที่พูดจบ เสียงของมันแตกต่างไปจากเสียงของสัตว์ชนิดอื่น เพราะเสียงที่มันทำให้ความรู้สึกเหมือนกับเสียงที่เกิดขึ้นตอนมันพ่นใยไม่มีผิด
เสียงอันน่าขนลุกนั้นดังก้องอยู่ภายในอุโมงค์อันมืดมิดว่างเปล่า และน่าหวาดกลัวจนหนังศีรษะชาวาบ ถ้าคนที่ร่วงลงมาที่นี่เป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะกลัวจนตัวสั่นไปแล้ว
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยังจดจ่ออยู่กับการหาทางออก นางยังมีปืนสีเงินกระบอกงามซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยาวข้างขวา แต่นางลังเลที่จะยิงแมงมุมพิษตัวนั้น นางอาจได้รับอันตรายจากการโดนเลือดพิษกระเด็นมาโดนตัวได้ ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องให้มันเข้ามาใกล้พอที่นางจะยิงจุดตายของมันได้!