บทที่ 753 หลี่จิ่วเต้า ‘การฝืนลิขิตสวรรค์เปลี่ยนชะตานั้นยากจริง ๆ ด้วย!’
ใบหญ้าที่หนีบอยู่ระหว่างนิ้วแทบไม่มีน้ำหนัก หลี่จิ่วเต้าอดสงสัยมิได้ว่าใบหญ้าใบนี้ทรงพลังถึงเพียงนั้นจริงหรือ?
ทว่าเขากังขาอยู่แค่นิดหน่อย ไม่นานก็หมดข้อสงสัย
บรรพจารย์ฝูเก่งกล้าปานนั้น ก่อนหน้านี้มีสิ่งมีชีวิตมากมายทดสอบมาแล้ว เป็นการพิสูจน์ว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง เขาไม่ควรแคลงใจ
‘เช่นนั้นขอดูหน่อยเถิด…’
หลี่จิ่วเต้าหนีบใบหญ้าด้วยสองนิ้ว ตวัดออกไปสู่นภา!
เสียงดังฟึ่บ ประกายสีเขียวสาดส่องออกมาอย่างล้นหลาม ปราณกระบี่องอาจน่าเกรงขาม สิ่งมีชีวิตทุกตนในที่นี้สีหน้าเปลี่ยนกันหมด ล่าถอยกันไปอย่างรวดเร็วให้ไกลห่างจากที่นี่!
ตู้ม!
นภาฉีกออกเป็นรอยใหญ่ สิ่งมีชีวิตมากมายได้เห็นดวงดาราคณานับนอกอาณาจักรดับสูญด้วยกระบี่นี้ กลายเป็นซากปรักหักพัง!
พวกเขาตื่นตกใจกันหมด สั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ ร่างกายสั่นเทิ้ม!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่นึกสงสัยเลยว่าหากกระบี่ตวัดมาหาพวกเขา พวกเขาจะต้องตายดับไปในชั่วพริบตา ไม่มีความสามารถพอจะต้านทานเลยสักนิด!
ตอนนี้ พวกเขามิได้ลังเลแต่อย่างใด รีบร้อนไปจากที่นี่โดยด่วน ขณะเดียวกัน แผ่นหลังพวกเขาโชกไปด้วยเหงื่อเย็น หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
จะมิให้กลัวได้อย่างไร?!
ก่อนนี้พวกเขายังกล้าทะเล่อทะล่าหมายหัวหลี่จิ่วเต้าอีก รนหาที่ตายแท้ ๆ โชคดีที่พวกหลี่จิ่วเต้ามิได้ถือสาพวกเขา มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร!
“รวยแล้ว รวยแล้ว!”
“ฮ่า ๆๆ ภายหน้าผู้ใดจะกล้าขวางทางข้า”
สิ่งมีชีวิตที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนตื่นเต้นกันถ้วนหน้า หลี่จิ่วเต้าพิสูจน์ให้เห็นถึงความสุดยอดจากของวิเศษเหล่านั้นของบรรพจารย์ฝู วันหน้า พวกเขาจะต้องยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จด้วยของวิเศษที่แลกมาเหล่านี้แน่นอน!
พวกเขาซ่อนตัวตามที่ต่าง ๆ ด้วยกลัวจะถูกผู้อื่นพบตัว ตั้งใจศึกษาของวิเศษที่พวกเขาทำการแลกเปลี่ยนมาเสียก่อน
ทว่าหลังพวกเขานำของวิเศษที่แลกมาได้ออกมาด้วยความระมัดระวัง ก็ต้องตาค้างกันหมด
ก่อนหน้านี้พวกเขาตื่นเต้นดีใจเพียงใด บัดนี้พวกเขาก็อึ้งงันเพียงนั้น!
ของวิเศษที่เคยส่องประกายวาววามเจิดจ้ามหัศจรรย์บัดนี้หมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง ไม่เหลือความเปล่งปลั่งเลยสักนิด ที่สำคัญ แม้แต่พลังปราณก็สูญเสียไปด้วย เฉกเช่นเดียวกับของธรรมดาทั่วไป!
“มิใช่กระมัง!”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
พวกเขาเชื่อไม่ลง ของวิเศษดี ๆ เช่นนั้นไยจึงกลายเป็นเช่นนี้?!
จากนั้น พวกเขาตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมา แต่แล้วใจพวกเขาก็ต้องเย็นวาบกว่าเดิม!
“แย่แล้ว…เป็นของปลอมจริง ๆ ด้วย!”
“ถูกหลอกแล้ว!”
สีหน้าพวกเขาซีดเผือด รู้สึกแย่กันหมด ผู้ที่ก่อนนี้แลกของวิเศษไปเยอะโมโหจนแทบกระอักเลือด พวกเขาติดกับกันหมด!
พวกเขาทรมานใจเป็นหนักหนา ศาสตราอันทรงพลังที่สุดในตัวพวกเขากลับถูกนำไปแลกมาซึ่งเศษสวะกองหนึ่ง เฮ้อ อยากตาย!
“อย่างที่คิด!”
อีกด้าน บรรพจารย์ฝูมาถึงจุดที่มีศพเซียนอยู่ กำลังจะดูดกลืนก็เห็นแสงกระบี่เจิดจ้าชวนผวา!
เขามองเห็นเงาใบหญ้าใบหนึ่งจากแสงกระบี่เจิดจ้าเหล่านี้!
เป็นผลให้เขาช้ำใจอย่างยิ่งยวด ทุกอย่างได้รับการพิสูจน์แล้ว ในหมู่ของปลอมมีของจริงปะปนเข้าไปด้วย และเป็นไปได้ว่าใบหญ้าใบนั้นถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังโกลาหล จนผันเปลี่ยนเป็นคมกระบี่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
“ไม่มีทางมีแค่ใบเดียวกระมัง!”
เขานึกเรื่องนี้ขึ้นได้ รีบย้อนกลับไปยังจุดที่เขาเด็ดใบหญ้าใบนั้น
หลังกลับถึงที่นี่ เขารู้สึกโล่งอกที่หญ้าต้นนั้นยังอยู่ เขาเด็ดหญ้าต้นนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ไม่เห็นสัมผัสถึงสิ่งใดเลย…”
เขารู้สึกงุนงง นี่มันเรื่องกระไร เขาตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ก็ไม่พบสิ่งใด หญ้าต้นนี้เหมือนกับหญ้าธรรมดาทุกประการ!
เป็นไปไม่ได้!
ใบหญ้าที่หลี่จิ่วเต้าได้ไปมีอานุภาพน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น ต่อให้เขาห่างออกมาตั้งไกล ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของใบหญ้าใบนั้น ทรงพลังกว่ายอดศาสตราเสียอีก!
นี่คือหญ้าทั้งต้น ใบหญ้าที่เขาเด็ดไปก็เด็ดจากหญ้าต้นนี้ ไยจึงมีเพียงใบหญ้าใบนั้นที่สยดสยองปานนั้น แต่ที่เหลือกลับปราศจากพลังอันใด?!
เป็นไปไม่ได้!
เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้!
‘พลังโกลาหลมิใช่พลังที่ระดับอย่างข้าเอื้อมถึง หญ้าต้นนี้มีความอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ข้ายังไม่ค้นพบความวิเศษของมันเท่านั้น!’
เขาครุ่นคิด
‘ขั้นบรรพจารย์เซียนนั้นแทบไม่สามารถบรรลุด้วยการฝึกฝนได้ คิดแล้วหลี่จิ่วเต้าผู้นี้คงได้สัมผัสกับพลังโกลาหลก่อนแล้ว ถึงได้บรรลุขั้นบรรพจารย์เซียนได้ด้วยเหตุผลประการนี้ และอาจเป็นเพราะเคยสัมผัสกับพลังโกลาหลที่เคยสัมผัสก่อนหน้านี้จึงความรู้สึกไวต่อพลังโกลาหลเป็นพิเศษ ครั้นแล้ว ถึงสัมผัสความเก่งกาจของใบหญ้าใบนั้นได้ในปราดเดียว!’
เขาใคร่ครวญอย่างละเอียด
“ขุดศพ! ข้าจะขุดศพทั้งหมดในอาณาจักรนี้ออกมาให้หมด!”
เขาเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ลำพังดูดกลืนพลังจากศพเหล่านั้นยังไม่พอสำหรับเขา แม้ว่าศพเหล่านั้นล้วนไม่ธรรมดา จ้าวแห่งเซียน ราชันแห่งเซียน ยอดเซียน เซียนจวิน กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังมีเป็นกองพะเนิน กระนั้นยังมิสู้จะพอเท่าใด
พลังแต่เดิมของหลี่จิ่วเต้าคงไม่เบาอยู่แล้ว ซ้ำยังมีใบหญ้าเช่นนี้ในมือ พลังของเขามีแต่จะกล้าแกร่งยิ่งขึ้น ลำพังดูดพลังจากศพเหล่านี้น่ากลัวว่าคงยังไม่พอสำหรับเขาจริง ๆ
เขาตัดสินใจ หักใจไม่คิดปล่อยศพใดในอาณาจักรนี้ไป!
“จากนี้ไป โปรดเรียกข้าว่านักขุดศพ!”
เขาต้องการแก้แค้น เจ็บใจนักหากต้องปล่อยไปแบบนี้ และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เขาต้องการทวงของที่ถูกหลี่จิ่วเต้าหลอกไปกลับคืนมา!
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น!
จากนั้น เขาเก็บหญ้าต้นนั้นไว้ราวสมบัติล้ำค่า ก่อนจะลงมือปฏิบัติการ ดูดกลืนพลังจากศพเหล่านั้น!
…
“นี่แหละคือกมลสันดานของมนุษย์”
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าเอ่ยในใจ
ตามคาด ทันทีที่เขาลงมือก็เผยให้เห็นถึงพลังความสามารถที่แข็งแกร่งมากพอ ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าคิดมุ่งร้ายอีก ต่างหนีไปจากที่นี่กันถ้วนหน้า
นอกจากนี้ เขาก็เข้าใจในความทรงพลังของบรรพจารย์ฝูได้อย่างแท้จริง
ใบหญ้าเพียงใบเดียวยังมีพลังรุนแรงปานนี้ บรรพจารย์ฝูคือผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งอย่างถ่องแท้ เหลือเชื่อยิ่งนัก!
“พวกเราก็ไปกันเถิด” หลี่จิ่วเต้ากล่าว
หนนี้เขามิได้ขี่กิเลนไฟ หากแต่ขึ้นรถลาก กลับไปยังห้องของเขา
ครั้งนี้ เขาแลกน้ำพิสุทธิ์ไร้รากมาได้ อยากลองดูว่าจะเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนด้วยพลังจากน้ำพิสุทธิ์ไร้รากได้หรือไม่
การฝึกตนเชียวนะ…
เขามิเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้ว
หัวใจที่อยากฝึกตนของเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ซ้ำยังตื่นเต้นขึ้นมาอีกนิดหน่อย
เขานำน้ำพิสุทธิ์ไร้รากออกมาดื่มนิดหน่อย รอดูว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดกับร่างกายหรือไม่
ทว่าหลังดื่มลงไปและรออยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดกับร่างกายเขา
“ลิขิตสวรรค์คงยากจะฝืน…”
ชายหนุ่มถอนหายใจ การจะฝืนลิขิตสวรรค์เปลี่ยนชะตามิได้ง่ายอย่างที่คิด น้ำพิสุทธิ์ไร้รากไม่มีผลต่อเขา เขามิได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายก็ปลงตก ใช่ว่าเขาจำเป็นต้องฝึกตนให้ได้ เขาในยามนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นกับเรื่องที่ว่าฝึกฝนได้หรือไม่
“ให้พวกเซี่ยเหยียนแล้วกัน”
หลี่จิ่วเต้าตัดสินใจมอบน้ำพิสุทธิ์ไร้รากที่เหลือให้พวกเซี่ยเหยียน
น้ำพิสุทธิ์ไร้รากมีประโยชน์ต่อพวกเซี่ยเหยียน หากตกอยู่ในมือเขาน่ากลัวว่าจะเป็นการเสียของ
…
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด เจ้าหลวงเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ เดินทางอยู่ตลอดเวลา มิกล้าหยุดชะงักแม้เพียงครู่เดียว ด้วยกลัวว่าเหล่าของวิเศษจะตามล่ามาถึงตัว
“ท่านพ่อบุญธรรมผู้แสนดีของข้า!”
เจ้าหลวงร่ำไห้น้ำหูน้ำตาไหล ทุกครั้งที่คิดถึงจ้าวแห่งรัตติกาล เขาต้องร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่
นับแต่บุพการีบังเกิดเกล้าของเขาตายไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสถึงสายใยครอบครัว เขาเห็นจ้าวแห่งรัตติกาลเป็นดั่งบิดาบังเกิดเกล้าจริง ๆ
จ้าวแห่งรัตติกาลดีกับเขาถึงเพียงนั้น…
อนิจจา จ้าวแห่งรัตติกาลไม่ฟังคำเตือนจากเขา รั้นจะแก้แค้นแทนเขาให้ได้ จนทำให้เหล่าของวิเศษพิโรธและบุกมาถึงที่ ถึงได้ลงเอยอย่างน่าอนาถ
“ไม่ได้ ข้าต้องตั้งหลุมศพให้ท่านพ่อบุญธรรมของข้า!”
ความอาดูรเอ่อล้นออกจากใจเขา ก่อนนี้เขาหนีเอาชีวิตรอดเรื่อยมา บัดนี้หนีมาตั้งนานปานนี้แล้ว เหล่าของวิเศษยังมิได้ไล่ตามเข้ามา คิดแล้วคงปลอดภัยขึ้นบ้างแล้ว
จากนั้น เขามาอยู่บนดาวดวงหนึ่ง หมายจะตั้งหลุมศพให้ท่านพ่อบุญธรรมของเขาที่นี่
ที่นี่เป็นดาวซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ไร้ซึ่งพลังชีวิต มองออกไปมีเพียงความว่างเปล่า
“พอดีเลย! ให้ดาวทั้งดวงนี้เป็นหลุมศพท่านพ่อบุญธรรมเลยแล้วกัน!
เขาพึงพอใจกับที่นี่มาก
ไร้ซึ่งพลังชีวิตก็ดีแล้ว เช่นนี้ก็จะมิมีสิ่งมีชีวิตใดมารบกวนท่านพ่อบุญธรรมของเขา
ต่อมา เขาเริ่มลงมือสร้างหลุมใหญ่ที่นี่ พร้อมทั้งตั้งป้ายศิลาก้อนใหญ่
บนนั้นเขียนว่า ‘หลุมศพท่านพ่อบุญธรรม จ้าวแห่งรัตติกาล!’
ตึง! ตึง! ตึง!
เสร็จแล้ว เขาคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ โขกศีรษะให้หลุมศพเสียงดังอีกหลายครั้ง
“ท่านพ่อบุญธรรม โปรดจากไปอย่างสบายใจเถิด! ส่วนเรื่องล้างแค้นนั้น…ข้าเลิกคิดแล้ว ท่านพ่อบุญธรรมก็คงไม่ต้องการให้ข้าไปล้างแค้นกระมัง คิดแล้วท่านพ่อบุญธรรมคงแค่อยากให้ข้าได้มีชีวิตต่อไปเป็นอย่างดีเท่านั้น!”
เจ้าหลวงเอ่ยเสียงร่ำไห้ “ต่อจากนี้ ข้าจะมีชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งแทนท่านพ่อบุญธรรมเอง!”
เขากล่าววาจาอีกหลายประโยค สุดท้ายถึงลุกขึ้น เตรียมไปจากที่นี่
“นี่ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป!”
เวลานั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจนเจ้าหลวงตกใจยกใหญ่
“ตัวบ้าอะไรกัน!”
เจ้าหลวงเสมือนกระต่ายตื่นตูม กลัวจนอยากรีบหนีไปจากที่นั่น
“เดี๋ยวก่อน เจ้ากับข้าต่างมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน มาจากความพิศวงลางร้ายทั้งคู่ ไยเจ้าต้องหนีด้วย!”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“แหล่งกำเนิดเดียวกันหรือ?!”
เจ้าหลวงชะงัก มองไปทางต้นตอของเสียง มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันจริงด้วย!
เขาได้เห็นก้อนหินที่มีขนยาวพิศวงงอกอยู่เต็มไปหมด
เป็นผลให้เขาสบายใจลงนิดหน่อย เมื่อครู่เขาคิดว่าเป็นเหล่าของวิเศษที่ไล่ล่ามาเสียอีก!
“เจ้าเป็นใคร”
เขาปริปากถาม กระนั้นก็มิได้ชะล่าใจแต่อย่างใด หากมีความผิดปกติ เขาจะจากไปทันที
ทว่าคงไม่…
เขาสัมผัสไม่ได้ถึงอันตรายจากก้อนหินขนยาวก้อนนี้
ก้อนหินขนยาวก้อนนี้อ่อนพลังมาก
และเพราะเหตุนี้ เขาถึงชะงัก หากมีภยันตรายที่ควบคุมมิได้ เขาไม่มีทางหยุดชะงัก
“ข้าคือบรรพจารย์เหยียน! บรรพจารย์พิศวงตนหนึ่ง!”
ก้อนหินหลากสีก้อนนั้นเอ่ย
“บรรพจารย์พิศวงหรือ?!”
ม่านตาเจ้าหลวงหรี่ลง เป็นเรื่องจริงหรือ เขาได้พบกับบรรพจารย์พิศวงตนหนึ่งเชียวหรือ
“ใช่แล้ว!”
ก้อนหินหลากสีก้อนนั้นกล่าว “พลังพิศวงที่พวกเจ้ามี ล้วนได้รับการเผยแพร่จากพวกเรา!”
มันอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมด
ครานั้น พวกมันก่อสงครามครั้งใหญ่ สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายจำนวนหนึ่งทะลวงแนวป้องกันแดนบรรพโกลาหลเข้าไปได้
มันคือหนึ่งในสมาชิกที่บุกเข้าไปได้
แม้ว่าท้ายที่สุดพวกมันจะล้มเหลว ถูกสิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลกำราบลง
ทว่ามันมิได้ถูกปราบปราม ยังดีที่พลังเสี้ยวหนึ่งหนีออกไปได้จนมาอยู่ในดาวดวงนี้
อนิจจา ที่นี่คือดวงดาวที่ตายไปแล้ว มันดำรงอยู่ที่นี่มาอย่างช้านานก็ยังมิมีสิ่งใดฟื้นคืน
มิหนำซ้ำยังตรงกันข้าม พลังของมันเริ่มสึกหรอลงไปทีละน้อย มันในตอนนี้ใกล้ดับสูญเต็มที อีกไม่นานก็จะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“โชคดีที่เจ้ามานี่ ข้าเองก็มีทางรอดแล้ว! และเจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลเพราะเหตุนี้ด้วย!”
มันเอ่ยเสียงยินดีปรีดา
ทว่าเจ้าหลวงมิได้ยินดีด้วยสักนิด
เขาเอ่ยเสียงเซื่องซึม “ท่านเป็นบิดาบุญธรรมให้ข้าได้หรือไม่”