ตอนที่ 786 เตือนปู่ฟาง
หลังจากวางสาย หลินม่ายนอนหงายบนเตียงโดยตั้งใจจะงีบหลับเท่านั้น แต่ดันหลับลึกโดยไม่คาดคิด
เมื่อฟางจั๋วหรานกลับมหลังเลิกงาน คุณย่าฟางก็ขอให้เขาไปที่ห้องและเรียกหลินม่ายมารับประทานอาหารเย็น
ฟางจั๋วหรานรู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์และไม่ใช่วันหยุด ทำไมหลินม่ายถึงอยู่บ้าน?
คุณย่าฟางเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
ฟางจั๋วหรานมาที่ห้องนอน และเห็นหลินม่ายนอนอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกเป็นทุกข์
ตอนนี้เป็นกลางเดือนมีนาคมตามปฏิทินสุริยคติ อีกทั้งมังกรดินก็ไม่ได้ถูกเผามาเป็นเวลานาน ทำให้ภายในห้องค่อนข้างเย็น
หลินม่ายไม่ได้ห่มผ้านวมด้วยซ้ำ เธอนอนบนเตียงราวกับไม่กลัวป่วยจากความหนาวเย็น
เขาเดินไปแตะหน้าผากของหลินม่ายและลองวัดอุณหภูมิของเธอ เมื่อเห็นว่ายังคงปกติ เขาจึงรู้สึกโล่งใจ
เขาถอดเสื้อผ้าชั้นนอก กางเกง และรองเท้าให้เธอ ก่อนจะห่มผ้านวม แล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อเห็นฟางจั๋วหรานกลับมาที่ห้องอาหารคนเดียว คุณย่าฟางก็ถามอย่างสงสัย “ม่ายจื่ออยู่ที่ไหน?”
“หล่อนคงเหนื่อยมากจนหลับไปแล้ว เรากินกันก่อนเถอะครับ”
อันที่จริงคุณย่าฟางก็ต้องการจะรอให้ทั้งครอบครัวได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ก็กลัวว่าโต้วโต้วจะหิว
ดังนั้นคุณย่าฟางจึงขอให้แม่บ้านทำไข่กวนมะเขือเทศให้โต่วโต้วกิน เพื่อระงับความหิวของหล่อนก่อน
ทันทีที่หลินม่ายตื่นขึ้น ฟางจั๋วหรานซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียงก็สังเกตเห็นทันที
เขาวางมือบนลำตัวทั้งสองข้างของเธอ ก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากสีชมพูของเธออย่างอ่อนโยน “ตื่นแล้วเหรอ? ไปกินข้าวกันเถอะ”
หลังจากนั้น เขาก็นั่งลงบนขอบเตียง อุ้มหลินม่ายไว้ในอ้อมแขน แล้วแต่งตัวให้เธอ
ตั้งแต่ทั้งสองแต่งงานกัน ฟางจั๋วหรานก็ชอบที่จะดูแลเธอเหมือนเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงการแต่งตัวของเธอ บางครั้งเขาก็ป้อนข้าวเธอด้วยมือของเขาเอง
จากที่เคยเขินอายในตอนแรก ตอนนี้หลินม่ายเริ่มชินแล้ว
เธอโอบแขนรอบคอของฟางจั๋วหรานและมองไปยังนาฬิกาปลุกขนาดเล็กที่ขอบหน้าต่าง พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว เธอก็ตะโกน “ทำไมฉันหลับนานจัง!”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างแผ่วเบา “คุณทำงานหนักเกินไป”
หลังจากที่ฟางจั๋วหรานแต่งตัวหลินม่ายเสร็จ ทั้งคู่ก็มาถึงห้องอาหาร
คุณย่าฟางยิ้มและขอให้พี่เลี้ยงจัดอาหารเย็นบนโต๊ะ
ถึงเวลารายการออกอากาศ ฟางจั๋วหรานก็เปิดทีวีในห้องอาหารที่พ่อไป๋มอบให้กับหลินม่ายเป็นของขวัญวันแต่งงาน
ทุกคนในครอบครัวดูข่าวขณะรับประทานอาหาร
ข่าวในประเทศนำเสนอสถานการณ์การเกษตรทั่วประเทศเป็นหลัก
เสียงอันทรงพลังของผู้ประกาศดังขึ้น “เราต้องทำงานทำการไถนาในฤดูใบไม้ผลิเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีผลผลิตเพียงพอในฤดูร้อน…”
เมื่อหลินม่ายได้ยินเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่า เธอต้องการใช้คุณปู่ฟางเป็นกระบอกเสียงเพื่อส่งต่อเรื่องวิกฤตอาหารทั่วโลกที่ชาวอเมริกันจัดการในปี 1986 และพวกเขาจะได้จัดการทุกสิ่งอย่างได้อย่างรวดเร็ว
เธอกลัวว่าประเทศจะกลายเป็นของสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยให้พวกเขาเก็บเกี่ยวเอาผลผลิตไป
หากเป็นเช่นนั้น ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ที่เกิดจากการปฏิรูปและการเปิดประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะตกไปอยู่ในกระเป๋าของสหรัฐอเมริกา
หลินม่ายใช้ประโยชน์จากข่าวเกี่ยวกับการไถนาในฤดูใบไม้ผลิเพื่อสนทนากับคุณปู่ฟางเกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศในปัจจุบัน
ว่ากันว่าขณะนี้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะถดถอย และมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อไม่นานมานี้
เธอเกรงว่าพวกเขาจะเก็บเกี่ยวพืชผลทั้งโลกอีกครั้งเพื่อชดใช้ให้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเธอไม่รู้ว่าประเทศใดจะได้รับผลกระทบ
คุณย่าฟางกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “จะใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าประเทศเกาะจะต้องแบกรับวิกฤตการณ์นี้ ตอนนี้พวกเขากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แซงหน้าสหรัฐฯ ในทุกด้าน แล้วสหรัฐฯ จะสู้ประเทศพื้นธงขาววงกลมแดงได้หรือ?
หลินม่ายเห็นว่าคุณย่าฟางค่อนข้างอ่อนไหวต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศจึงชื่นชมนางอย่างสุดซึ้ง
การวิเคราะห์ของคุณย่าฟางถูกต้องอย่างยิ่ง ประเทศเกาะแห่งนั้นคือสิ่งที่สหรัฐฯต้องการสะสางมากที่สุด
ความเป็นเจ้าโลกของสหรัฐอเมริกาส่งผลให้พวกเขาอนุญาตให้คนอื่นเป็นรองเท่านั้นและจะต้องไม่เหนือกว่า
หลินม่ายส่ายศีรษะกล่าว “ฉันได้ยินจากรุ่นพี่ของฉันว่า คราวนี้สหรัฐฯ จะสร้างวิกฤตอาหารขึ้นมาอย่างแน่นอน และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตจากทั้งโลก ไม่ใช่แค่ประเทศเกาะ ประเทศของเรายากจนและอ่อนแอมาก เราจะยืนหยัดต่อกระแสการชักใยจากสหรัฐฯ ได้อย่างไร และเศรษฐกิจอาจถดถอยเหมือนก่อนการปฏิรูปและเปิดประเทศ”
ในขณะที่รับประทานอาหาร ฟางจั๋วหรานให้ความสนใจกับคำพูดของหลินม่ายและเหลือบมองเธอเป็นครั้งคราว
เขาพูดเสริม “เพื่อนต่างชาติของผมก็พูดถึงสถานการณ์นี้ในตอนที่เราโทรหากัน กล่วว่าประเทศควรให้ความสนใจกับสถานการณ์เหล่านี้และจะวางแผนล่วงหน้า อย่าไปเกี่ยวข้องกับวิกฤตอาหาร มันจะฉุดรั้งเศรษฐกิจอย่างมาก!
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของคุณปู่ฟางจริงจังมากขึ้น หลินม่ายก็นิ่งเงียบ แต่เขาต้องการฟังสิ่งที่เธอและฟางจั๋วหรานพูด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก
ในเช้าวันศุกร์ เมื่อชั้นเรียนที่สองจบลง ที่ปรึกษาก็มาพบหลินม่ายและบอกว่าเลขานุการของรองนายกเทศมนตรีซึ่งรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจต้องการพบเธอ
หลินม่ายรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ทำไมเลขารองนายกเทศมนตรีถึงอยากพบเธอ?
เธอเดินตามที่ปรึกษาไปที่สำนักงานแห่งหนึ่ง
มีชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนเจ้าหน้าที่ธุรการนั่งอยู่ในสำนักงาน
ที่ปรึกษาแนะนำให้หลินม่ายได้รู้จัก “นี่คือเลขานุการหลี่”
หลินม่ายเรียกด้วยความเคารพทันที “สวัสดีค่ะเลขาหลี่”
ที่ปรึกษาแนะนำหลินม่ายให้รู้จักกับเลขานุการหลี่
เลขาหลี่ทำตัวเป็นกันเองมาก “สวัสดีเสี่ยวหลิน”
เขาขอให้หลินม่ายนั่งลง “ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้น นั่งลงคุยกันก่อนสิ”
หลินม่ายนั่งตัวตรงบนโซฟาด้านล่าง
ที่ปรึกษาชงชาให้ทั้งสองคนแล้วถอนตัว
เลขานุการหลี่เอ่ยถาม “เสี่ยวหลิน คุณสนใจที่จะซื้อตลาดฮุ่ยหมินสองแห่งใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำว่าตลาดฮุ่ยหมิน หลินม่ายก็นึกถึงซูอวี้อิ๋งที่ไม่เคยได้ข่าวคราวเป็นเวลานาน
ตอนนี้รัฐบาลออกมาจัดการกับตลาดฮุ่ยหมินสองแห่งของหล่อนอย่างกระทันหัน อาขเป็นเพราะกรณีที่หล่อนขึ้นราคาสูงลิ่ว ทั้งยังซื้อธัญพืชและเนื้อสัตว์ที่เก็บไว้อย่างผิดกฎหมาย
ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับหล่อน ไมรู้ว่าหล่อนจะถูกตัดสินจำคุกสิบปีหรือยี่สิบปี
เธอรอถึงวันเสาร์เพื่อที่จะไปถามปู่ฟางด้วยตัวเอง
แม้ว่าคำตัดสินคดีของซูอวี้อิ๋งจะไม่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ แต่คุณปู่ฟางก็ต้องรู้
หลินม่ายมีความคิดที่จะเปิดตลาดตรงข้ามตลาดฮุ่ยหมินสองแห่ง
แต่เธอยุ่งเกินไปในช่วงเวลานี้ และด้วยความจริงที่ว่าตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งถูกปิดหลังจากซูอวี้อิ๋งถูกจับ เธอจึงไม่รีบร้อนที่จะเปิดใหม่
แต่ตอนนี้รัฐบาลต้องการให้เธอครอบครองตลาดฮุ่ยหมิน
เธอถามอย่างระมัดระวัง “แล้วฉันจะครอบครองได้ยังไงล่ะคะ?”
“คุณสามารถซื้อสัญญาได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินม่ายก็ตัดสินใจซื้อ
หลังจากการกู้ยืมเงิน ความเป็นอิสระก็อยู่ในมือของเธอเองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยประหยัดปัญหาได้มาก
เลขานุการหลี่มีความสุขมากที่เห็นว่างานเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น
ระหว่างทางมาที่นี่ เขายังกังวลว่าหลินม่ายไม่เต็มใจที่จะครอบครองตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง เพราะเธอมีตลาดของตัวเองและทำกำไรได้ดี เธอจึงไม่จำเป็นต้องมีตลาดอื่น
นอกจากนี้ ซูอวี้อิ๋งเจ้าของตลาดฮุ่ยหมินยังถูกจับกุม เลขานุการหลี่กลัวว่าหลินม่ายจะไม่เต็มใจซื้อสัญญาเพราะเรื่องนี้
แต่ไม่คาดคิดว่าหลินม่ายตกลงอย่างง่ายดาย
เลขานุการหลี่ขอให้หลินม่ายหาเวลาไปเทศบาลเพื่อดำเนินขั้นตอนการรับซื้อตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งให้เสร็จสิ้น
เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นเท่านั้นจึงจะเสร็จสิ้นงานได้อย่างแท้จริง
หลินม่ายยิ้มและตกลง แต่เธอบอกว่าเธอไม่มีเวลาไปดำเนินการด้วยตนเองและจะส่งคนไปดำเนินการแทน
เลขาหลี่ไม่สนใจเรื่องนี้ ตราบใดที่มีคนมาดำเนินการ ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตอนนี้มันก็จะค่อนข้างการเมือง มีการแอบแซะสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอยู่หน่อยๆ ล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)