บทที่ 763 หากสามารถรับคำชี้แนะจากข้าได้คงจะดี!
“เมื่อครั้งข้ายังเยาว์ตอนออกทัศนาจร ได้ทิ้งของบางอย่างไว้ในบางอาณาจักร ตอนนี้กลับมีสิ่งมีชีวิตแตะต้องของของข้า มีผู้ได้รับสิ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้แล้วหรือ?”
ดวงตาของสตรีโฉมสะคราญเผยแววรำลึกความหลัง แม้ว่าพลังที่หลงเหลือในสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเพียงพลังเมื่อครั้งนางยังเยาว์วัย แต่ก็หาใช่สิ่งที่ไม่ว่าใครจะสามารถรับไปได้อย่างง่ายดายไม่
หลังจากสิ่งของเหล่านั้นถูกหยิบไปแล้ว นางก็จะสามารถสัมผัสได้
“น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก…”
ขนตายาวของนางขยับไหว เล่นกับดวงดาราภายในมือด้วยความสนใจที่มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดวงดารานั้นมีขนาดใหญ่มโหฬาร ทว่าเมื่ออยู่ในมือของนางก็มีขนาดไม่ต่างอันใดจากเมล็ดถั่วคลึงเล่นไปมาระหว่างนิ้ว
เดิมทีนางคิดว่าของที่ทิ้งเอาไว้จะถูกสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลใหญ่ ๆ นำไป ทว่าเมื่อนางเพ่งสัมผัสมัน กลับพบว่าความคิดของนางนั้นผิด
จักรวาลโกลาหลแห่งนั้นไม่ได้ใหญ่โตแต่อย่างใด สสารโกลาหลก็ต่ำยิ่งนัก ไม่สามารถขึ้นมายังหน้าฉากได้
สิ่งนี้เองที่ดึงดูดความสนใจใคร่รู้ของนาง ภายใต้สถานการณ์ปกติ ในจักรวาลโกลาหลที่มีแต่สสารโกลาหลระดับต่ำ ย่อมไม่อาจให้กำเนิดผู้ที่สามารถได้รับสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ได้
แม้เมื่อยามนั้นนางจะยังเยาว์วัย ทว่าขอบเขตที่นางบรรลุถึงก็อยู่ในระดับน่าเหลือเชื่อแล้ว ไกลเกินกว่าขอบเขตโกลาหล
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอยู่ที่นี่เอง!”
ตอนนั้นเอง ร่างในชุดสีดำทะยานเข้ามา คิ้วของเขาคมราวกระบี่ ดวงตาพร่างพราวราวกับดารกะ รูปร่างสูงเพรียว หล่อเหลาสง่างาม
“ศิษย์พี่หลวนมาแล้ว”
สตรีโฉมสะคราญแย้มยิ้มเผาบาง งดงามเสียยิ่งกว่าดอกไม้ที่บานสะพรั่ง มองชายในชุดสีดำด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ศิษย์พี่หลวนที่นางกล่าวลอบถอนหายใจ เขากับศิษย์น้องหญิงฝึกฝนด้วยกันมายาวนานจนไม่อาจนับปี ทว่าก็ยังคงไม่อาจทนมองความงดงามของศิษย์น้องหญิงได้เช่นเคย ทุกครั้งที่เห็นศิษย์น้องหญิง เขาล้วนเป็นต้องตื่นตะลึงกับความงาม
“อืม ข้าเพิ่งตระหนักได้ถึงวิชากระบี่มาชุดหนึ่ง จึงต้องการมาทดลองดูกับศิษย์น้องหญิง เพื่อหาข้อบกพร่องของวิชากระบี่”
เขาวกล่าวออกมา
“ศิษย์พี่หลวนช่างเก่งกาจยิ่งนัก สร้างวิชากระบี่ขึ้นออกมาได้อีกหนึ่งชุดแล้วหรือ? นี่นับว่าศิษย์พี่หลวนสร้างวิชาขึ้นมาแปดชุดแล้ว!”
สตรีโฉมสะคราญเอ่ยยกย่อง ศิษย์พี่หลวนเก่งกาจอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่สามารถสร้างวิชาของตนเองขึ้นมาได้ แต่ละวิชายังล้วนน่าตื่นตะลึงไม่ธรรมดา แม้กระทั่งบิดาของนางที่เป็นผู้สั่งสอน ยังเอ่ยชื่นชมวิชาเหล่านี้ เอ่ยเรียกว่ามหาวิชา มีศักยภาพไร้ที่สิ้นสุดในอนาคต
“ไม่ ข้ารู้ว่าศิษย์น้องหญิงนั้นเก่งกาจยิ่งกว่า ทว่าศิษย์น้องหญิงเพียงเกียจคร้านเกินกว่าจะทำ ไม่เช่นนั้นจะต้องสร้างวิชาที่ทรงพลังกว่าข้าออกมาได้อย่างแน่นอน”
ศิษย์พี่หลวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เช่นนั้นข้าจะมาตามหาน้องหญิงให้ช่วยทดสอบวิชาที่สร้างขึ้นใหม่ทุกครั้งอย่างนั้นหรือ หลังจากได้ลองประมือกับศิษย์น้องหญิงแล้ว ข้าล้วนสามารถค้นพบข้อบกพร่องจำนวนมากของวิชาได้เสมอ”
เขากล่าวต่อ “เช่นนั้นแล้ว? มาเถิดศิษย์น้องหญิง พวกเรามาประมือเพื่อหาข้อบกพร่องของวิชากระบี่ของข้ากัน”
สตรีโฉมสะคราญกล่าวออกมา “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ไม่ต้องรีบร้อน! ศิษย์พี่หลวน ข้าพบเรื่องที่น่าสนใจบางอย่างเข้า”
“โอ้? มีเรื่องอันใดน่าสนใจอย่างนั้นหรือ?”
ศิษย์พี่หลวนเกิดความสนใจขึ้นมา
“ศิษย์พี่หลวนเองก็รู้ว่าเมื่อครั้งข้ายังเยาว์เคยออกเดินทางทัศนาจรไปยังภายนอก อีกทั้งได้ทิ้งสิ่งของจำนวนหนึ่งไว้ในบางอาณาจักร ตอนนี้มีผู้ที่สามารถหยิบเอาของสิ่งนั้นไปได้แล้ว”
สตรีโฉมสะคราญเอ่ย
หลังจากที่ศิษย์พี่หลวนฟังจบแล้ว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที “เรื่องนี้เองหรือ?”
เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับสตรีโฉมสะคราญ รู้ดีว่าเมื่อครั้งยังเด็กนางแข็งแกร่งมากเพียงใด แข็งแกร่งจนสามารถบดขยี้ทั้งจักรวาลโกลาหลได้อย่างไม่มีปัญหา
ดังนั้น อาจารย์ของเขาผู้เป็นบิดาของสตรีโฉมสะคราญ จึงวางใจพอจะปล่อยให้นางออกไปทัศนาจรภายนอก
“อีกทั้งที่แห่งนั้นยังเป็นเพียงจักรวาลโกลาหลระดับต่ำเท่านั้น…”
สตรีโฉมสะคราญเอ่ยต่อ ทำให้ศิษย์พี่หลวนสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับจักรวาลโกลาหลระดับต่ำ ขีดจำกัดที่ก้าวขึ้นไปได้นั้นต่ำยิ่งนัก ทำให้ยากยิ่งขึ้นในการทลายขีดกำจัดและกระโจนออกมา
ทว่าในจักรวาลโกลาหลระดับต่ำ กลับปรากฏผู้ที่สามารถนำของที่ศิษย์น้องหญิงของเขาทิ้งไว้ไปได้ เรื่องนี้นับว่าแปลกประหลาด ชวนให้สนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่หลวน ท่านสนใจจะลองไปดูที่นั่นกับศิษย์น้องหรือไม่?” สตรีโฉมสะคราญถาม
“ไปสิ” ศิษย์พี่หลวนเอ่ยตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด
ความจริงแล้ว แม้เขาจะมีความรู้สึกสนใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากมายเกินไปนัก คนผู้นั้นแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? ต่อหน้าตัวตนเช่นพวกเขา คนผู้นั้นยังคงเป็นคนตัวจ้อยอันไม่มีความสลักสำคัญใด
เขาต้องการจะเดินทางไปกับศิษย์น้องหญิงเสียมากกว่า
“ไปเถิด”
มีประกายแสงปรากฏขึ้นหว่างคิ้วของหญิงงาม เพียงแค่หนึ่งความคิด ร่างของนางก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากที่นี่
แม้ว่าคนผู้นั้นจะกระตุ้นความสนใจของนางได้ แต่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะให้นางไปด้วยตนเอง นางเพียงแค่อยากไปเพื่อรำลึกอดีต
ศิษย์พี่หลวนทะยานตามนางไปยังสถานที่แห่งนั้นทันที
…
ณ เมืองจักรพรรดิไป๋
ตำหนักจักรพรรดิไป๋
กิเลนไฟและสุนัขดำตรงกลับมา ก่อนจะเข้าไปยังด้านในตำหนัก
หลังจากสุนัขสีดำเข้าไปในตำหนักแล้ว มันก็ต้องตกตะลึง
ของที่ไม่มีผู้ใดสามารถขยับได้ กลับถูกคุณชายหยิบมาเล่นในมืออย่างง่ายดาย
‘คุณชายย่อมทำได้อยู่แล้ว! แม้ว่าจักรพรรดิไป๋จะไม่ธรรมดา มีภูมิหลังความเป็นมาลึกล้ำอย่างมาก แต่กับคุณชายแล้วจะนับเป็นสิ่งใดได้?’
สุนัขสีดำเอ่ยกับตนเองภายในใจ
คุณชายได้สำแดงปฎิหาริย์ออกมาให้มันประจักษ์ ไม่เพียงแต่สามารถกำจัดพลังพิศวงบนร่างของมันได้อย่างง่ายดาย ยังสามารถฟื้นคืนสติสัมปชัญญะของมันที่สูญหายไปโดยสิ้นเชิงให้กลับมาได้ คุณชายจะต้องทรงพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย ดูแล้วไม่อ่อนแอกว่าจักรพรรดิไป๋!
ขณะเดียวกันนั้น ในมือของหลี่จิ่วเต้าก็กำลังถือพัดด้ามจิ๋วอยู่
พัดด้ามจิ๋วตั้งอยู่ที่นี่มานานเสียจนไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถหยิบมันขึ้นมาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการกางมันออกมาเลย
กระทั่งต้องการจะเข้าไปใกล้พัดด้ามจิ๋วก็ยังทำไม่ได้ เพียงแค่เอื้อมมือออกไปก็ถูกขวางเอาไว้ด้วยพลังอันเหนือชั้นถึงขีดสุด และหากยังดื้อดึงจะเอามา ก็จะถูกโจมตีโดยพลังนี้จนต้องทิ้งชีวิตเอาไว้!
เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เล่ากันว่าเคยมีเทียนตี้ผู้หนึ่งที่เข้าใกล้กับคำว่าเซียนเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถเรียกได้ว่าครึ่งก้าวเซียนมายังสถานที่แห่งนี้ ต้องการจะนำพัดด้ามจิ๋วไป ผลลัพธ์คือถูกพลังที่ระเบิดออกมาจากพัดด้ามจิ๋วโจมตีจนเลือดสาดกระจาย ถูกลบล้างไปจนสิ้น ไม่อาจทำได้แม้กระทั่งจะต่อต้าน!
ทว่าเมื่อเป็นหลี่จิ่วเต้าแล้ว กลับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น
ชายหนุ่มสามารถหยิบพัดด้ามจิ๋วขึ้นมาได้ง่ายดาย ราวกับว่าเป็นเพียงแค่พัดธรรมดา ๆ ด้ามหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้แรงก็สามารถคลี่พัดออกได้อย่างง่ายดาย
แต่ในสายตาของพวกลั่วสุ่ยแล้ว ทุกสิ่งล้วนไม่เรียบง่ายหรือธรรมดา
พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อมือของคุณชายเอื้อมออกไป ก็มีพลังระเบิดออกมาจากพัดด้ามจิ๋วทันที ทว่ายังไม่ทันจะได้สำแดงฤทธิ์ ก็ราวกับมันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างสุดขีด ทำให้ตื่นตระหนกจนรีบกลับเข้าไปด้านในพัดทันที!
‘จะไม่กลัวได้อย่างไร? นั่นคือคุณชายเชียวนะ!’
ลั่วสุ่ยหัวเราะขึ้นมาในใจ นี่เป็นเรื่องปกติยิ่งนัก หากพลังนั่นสามารถโจมตีคุณชายได้ ก็นับว่าผิดปกติแล้ว
เมื่อคลี่พัดออก ก็เผยให้เห็นภาพวาดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
มันเป็นภาพทิวเขาที่วาดเอาไว้เพียงแค่ครึ่งเดียว ราวกับว่าผู้วาดทิ้งมันไปไม่วาดต่อ
‘จักรพรรดิไป๋ผู้นี้มีที่มาเช่นใดกันแน่!’
เมื่อสุนัขสีดำได้เห็นภาพบนพัดด้ามจิ๋ว ภายในใจของมันก็จริงจังอย่างถึงที่สุด
แม้จะเป็นภาพวาดเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ก็สามารถทำให้มันสั่นสะเทือนได้อย่างถึงที่สุด สิ่งที่แผ่ออกมาจากพัดด้ามจิ๋วเปี่ยมด้วยเต๋าและพลัง มันไม่สงสัยแม้แต่น้อย หากคุณชายไม่อยู่ที่นี่ เพียงแค่พัดด้ามจิ๋วคลี่ออก มันก็จะต้องถูกทำให้มลายหายไปสิ้นแน่นอน!
เป็นเพียงแค่บรรพจารย์เต๋าโกลาหลจริงหรือ!?
ความคิดดังกล่าวทำให้หัวใจของมันสั่นสะท้าน
เมื่อมองจากด้านนอกตำหนักแล้ว มันคิดว่าจักรพรรดิน่าจะเป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหล ทว่าบัดนี้มันได้มาเห็นภายในตำหนักแห่งนี้แล้ว มันรู้ได้ทันทีว่าตนเองประเมินจักรพรรดิไป๋ต่ำเกินไป!
มีโอกาสอย่างมากที่จักรพรรดิไป๋จะสามารถก้าวข้ามขอบเขตโกลาหล อยู่เหนือยิ่งกว่าบรรพจารย์เต๋าโกลาหล!
ขณะนั้นเอง ก็มีลำแสงสองเส้นพุ่งเข้ามาก่อนควบแน่นกลายเป็นสองร่าง
นั่นคือสตรีโฉมสะคราญและศิษย์พี่หลวน
สถานที่พวกเขาอยู่ไม่รู้ว่าไกลจากที่นี่มากเพียงใด แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ระยะทางเท่านี้ไม่นับว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึง
“เหตุใดศิษย์น้องหญิงจึงวาดภาพเพียงแค่ครึ่งเดียว?”
ศิษย์พี่หลวนเองก็เห็นภาพบนพัดด้ามจิ๋ว จึงเอ่ยถามสตรีโฉมสะคราญด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ปรากฏร่างออกมาชัดเจน ทั้งยังส่งเสียงออกมา ทว่าพวกลั่วสุ่ยกลับไม่เห็นหรือได้ยิน ไม่รับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาแม้แต่น้อย
อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงแค่ความคิดของพวกเขา ร่างกายไม่ได้มาด้วยแต่อย่างใด
“ยามนั้นข้ามัวแต่ห่วงเล่น วาดภาพไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ก็มีวิหคเจ็ดสีบินผ่าน จึงได้ไล่ตามมันไป ภายหลังก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท”
สตรีโฉมสะคราญเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่ทิ้งเอาไว้เป็นฝีมือของนางในยามนั้น สำหรับนางแล้วไม่ได้มีค่าแต่อย่างใด
อีกทั้งยามนั้นสิ่งที่นางคิดก็คือ นางเองก็อยู่ในสถานที่แห่งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ต้องการจากไปโดยเปล่า จึงทิ้งสิ่งของเหล่านี้เอาไว้
หาได้มีเพียงแค่ในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ แต่จักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ที่นางเคยไปก็ล้วนทิ้งสิ่งของเอาไว้
แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยกเว้นของที่นางทิ้งเอาไว้ที่นี่ ของในจักรวาลโกลาหลอื่น ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลโกลาหลใหญ่หรือระดับต้น ๆ ไม่มีสิ่งอื่นใดถูกแตะต้อง
“ทักษะการวาดภาพไม่เลวเลย…”
หลี่จิ่วเต้ามองภาพวาดบนพัดด้ามจิ๋วแล้วเอ่ยออกมา
“คนผู้นี้ยังนับว่ามีสายตาดีอยู่บ้าง”
ศิษย์พี่หลวนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ทว่าสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาหลังจากนั้น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้างไปทันที
“ทักษะการวาดภาพไม่เลว แต่ดูแล้วไม่น่าจะเคยได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ เรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้มีความยุ่งเหยิงอยู่บ้าง หากสามารถรับคำชี้แนะจากข้าได้ จะต้องสามารถพัฒนาได้หลายขั้นอย่างแน่นอน สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่ง”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยขึ้นมา
“เขาคิดที่จะชี้แนะศิษย์น้องหญิงอย่างนั้นหรือ?!”
ใบหน้าของศิษย์พี่หลวนมืดมนลง มดตัวจ้อยนี่มาจากที่แห่งใดกัน บังอาจเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!
สตรีโฉมสะคราญเองก็มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
คนผู้นี้โอ้อวดตนเกินไปแล้ว…
ไม่ผิด เป็นนางที่เรียนรู้ด้วยตัวเองจริง แต่นั่นเป็นเพราะไม่มีผู้ใดสามารถสั่งสอนนางได้!
นอกจากการฝึกฝนแล้ว นางยังชื่นชอบการเล่นดนตรี เล่นหมาก ภาพวาดและเขียนหนังสือ อีกทั้งในด้านของงานอดิเรกเหล่านี้ก็ได้บรรลุมาถึงจุดสุดแล้ว ไม่มีผู้ใดเหนือกว่านางอีก
นี่ไม่ใช่การคุยโว แต่เป็นความจริง
สถานที่ที่นางอยู่ และจักรวาลโกลาหลทุกแห่งที่นางเคยผ่านไป ล้วนไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งกว่านาง
“นี่เป็นพัดที่ดี เพียงแต่การเห็นภาพวาดแค่ครึ่งเดียวนั้นชวนให้อึดอัดใจ เช่นนั้นข้าจะเติมอีกครึ่งให้สมบูรณ์”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว เขาชื่นชอบพัดนี่เป็นอย่างมาก ต้องการนำมันไปด้วย
“เขายังต้องการจะวาดภาพของเจ้าต่อ!?”
สีหน้าของศิษย์พี่หลวนแปรเปลี่ยนทันที
มดตัวจ้อยนี่ช่างโง่ง่มไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง!
ภาพวาดของศิษย์น้องหญิง ใช่สิ่งที่มดตัวจ้อยเช่นเจ้าจะวาดต่อได้หรือ?!
ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน!
เขาไม่อาจปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้!