คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 296 เมตตาได้ก็จงเมตตา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 296 เมตตาได้ก็จงเมตตา

เมื่อฉินหลิวซีบอกว่าเชื่อนาง ดวงตาของฝูเซิงก็เปล่งประกายขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ลืมคำพูดของนาง

“เจ้าหมายความว่าเจ้าของกระดูกพุทธะนี้ปฏิบัติในทางชั่วร้าย?”

ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่เหลือบมองนาง “ทำไมหรือ อยากจะแย่งกระดูกพุทธะนี้กลับไปฝึกฝนหรือ”

“ข้าทำได้หรือ” ดวงตาของฝูเซิงเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

ฉินหลิวซีเผยให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย

“ช่างเถิด เมื่อเทียบกับกระดูกพุทธะนี้ ไฟนรกของเจ้ายังน่ากลัวกว่าอีก” ฝูเซิงมองนางด้วยความหวาดกลัว

“นับว่าเจ้าฉลาด”

ฝูเซิงมองไปยังเซียวชิงหัน เอ่ยถามว่า “เจ้าจะจัดการข้าอย่างไร ตีให้วิญญาณข้าแตกสลายหรือ”

“แม้ว่าเจ้าจะทำร้ายผู้คนถึงแก่ชีวิตแต่ก็ไม่มาก ย่อมมียมบาลเป็นผู้ตัดสินเจ้า ข้าจะไปตีเจ้าทำไม หากเจ้าดื้อรั้นไม่ยอมลดละ เช่นนั้นข้าก็คงต้องใช้ความรุนแรง” ฉินหลิวซีนั่งลง เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าถูกฆ่าตาย เมื่อไปถึงนรกสามารถขอความเมตตาจากยมบาลได้ จะถูกลงโทษก็ดี หรือทำงานหนักก็ดี อย่างไรเสียเดี๋ยวก็ผ่านไป ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าแล้ว”

“ข้าอยู่ต่อไม่ได้หรือ”

ฉินหลิวซีมองไปตามสายตาของนาง เอ่ย “คนและผีมีเส้นทางที่แตกต่างกัน หากเจ้าอยู่ข้างกายนาง นางจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน บุญก็แทบจะไม่มี ยังจะสร้างบาปอีก”

ฝูเซิงเงียบไป

“กระดูกของเจ้าข้าได้ให้พวกเขาไปเก็บกลับมาแล้ว และจะหาสถานที่สงบฝังหลุมศพให้เจ้า หากเซียวชิงหันมีใจตั้งป้ายวิญญาณให้เจ้าเป็นการฝากฝัง เช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “หากเจ้าอยู่ที่นี่กับนางตลอดไป ชีวิตของนางจะไม่มีทางจบลงด้วยดี”

“หากข้าไปแล้วนางจะดีขึ้นหรือ”

ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ย “นางจะใช้ชีวิตอย่างโดดเดียวบนเส้นทางพระพุทธศาสนา”

สีหน้าของฝูเซิงเปลี่ยนไป หลังจากเงียบไปนานก็ถามขึ้นมาว่า “เป็นเพราะข้าหรือ เช่นนั้นข้าไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร”

“นางยังต้องชดใช้บาปของคนในครอบครัวที่ทำกับเจ้าด้วย” สิ่งนี้เป็นบาป เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยมีเหตุและผล

ดวงตาของฝูเซิงร้อนผ่าว มือวางลงบนแก้มของเซียวชิงหัน “ข้าไม่ต้องการ ท่านนักพรตน้อย โปรดช่วยนางด้วย สามารถทำให้นางลืมข้าได้หรือไม่ ไม่ต้องไปออกบวช มันทรมานเกินไป”

ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถึงเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องชดใช้ด้วยวิธีอื่นอยู่ดี อย่างเช่นชีวิตสั้น หรืออื่นๆ”

“ทำไมกัน คนที่ฆ่าข้าคือท่านพ่อของนาง เหตุใดนางต้องมาชดใช้ แล้วผู้ตรวจการเซียวกับคนอื่นๆ ล่ะ จะยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงอย่างมั่นคงหรือ ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว” ฝูเซิงร้องไห้อย่างเจ็บปวด

“เขาก็มีกรรมเป็นของตัวเอง จะถูกตัดสินความผิดในภายภาคหน้า เจ้าไม่ต้องโวยวายว่าไม่ยุติธรรม วิถีแห่งสวรรค์ยุติธรรมเสมอ”

ฝูเซิงยิ้มเย้ยหยัน จะว่าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วย

ฉินหลิวซีมองออกไปข้างนอก เอ่ย “หากพลังชั่วร้ายเจ้าไม่สลาย นางก็จะไม่ดีขึ้น เจ้าอยู่ที่นี่นานไม่ได้”

ฝูเซิงหวาดหวั่นเล็กน้อย

ฉินหลิวซีหยิบกำไลกระดิ่งออกจากกล่องขึ้นมาดู ร่ายคาถาแล้วเอ่ยกับฝูเซิงว่า “เจ้าเข้ามาก่อน”

ฝูเซิงลังเล เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเซียวชิงหัน

“ยังจะให้เจ้าได้เจออีกครั้ง ตอนนี้นางยังไม่ฟื้นเจ้าดูไปก็ไม่มีประโยชน์ เข้ามาเถิด มิเช่นนั้นผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ จะบุกเข้ามาแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างอดกลั้น

ฝูเซิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลายเป็นควันเข้าไปอยู่ในกระดิ่ง

ฉินหลิวซีถอนหายใจ เก็บกำไลไว้ในอ้อมแขน เหลือบมองเซียวชิงหันที่อยู่บนเตียง แปะยันต์ตรึงวิญญาณไว้ที่หมอนของนาง จากนั้นก็เดินออกมานอกห้อง เผายันต์ปราบสิ่งชั่วร้าย กำจัดพลังชั่วร้ายในเรือนออกไปทั้งหมด

แล้วยังต้องแปะยันต์บทสวดเทพจินกวง[1]ไว้บนชายคาเรือน เพียงแต่สิ่งนี้ต้องทำทีหลัง ตอนนี้ไม่มีของในมือ

หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว ฉินหลิวซีก็รู้สึกเจ็บหน้าอก นวดจุดไท่หยางที่ขมับแล้วผลักประตูเรือนเปิดออก

ทันทีที่ผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ เห็นประตูเรือนถูกเปิดออกก็รีบพุ่งไปหาทันที แต่กลับไม่กล้าเข้าไป

เมื่อครู่ความเคลื่อนไหวที่เรือนไม่น้อยเลย ลมแรงมากจนแม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องผีและเทพเจ้าก็ยังหวาดกลัวจนหน้าซีด แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น

ลองคิดดูสิ ทุกอย่างในจวนนี้สงบสุข ยกเว้นที่เรือนของบุตรสาว เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก ซ้ำยังมีเสียงกรีดร้องที่เล็กแหลม อย่าให้น่ากลัวไปมากกว่านี้เลย

ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงประตู แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปจนกระทั่งฉินหลิวซีปรากฏตัวอย่างปลอดภัยต่อหน้าต่อตา

“ท่าน ท่านอาจารย์ บุตรสาวของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ผู้ตรวจการเซียวกลืนน้ำลาย มองเข้าไปที่ลานบ้าน แม้ว่าเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์ แต่น้ำเสียงที่สั่นเครือกลับเปิดเผยความตื่นตระหนกของเขา

ฉินหลิวซีหลีกทางให้พลางเอ่ย “เข้ามาเถิด บุตรสาวท่านไม่เป็นอะไรแล้ว แต่พลังชีวิตถูกทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก ต้องรักษา”

ทั้งสองคนดีใจเป็นอย่างมาก ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เซียวจั่นรุ่ยรีบให้พ่อบ้านเจี่ยงไปรายงานมารดา นางจะได้ไม่ต้องคิดมาก เขามองไปยังฉินหลิวซีอีกครั้ง เห็นว่าใบหน้านางขาวราวกับกระดาษ อดรู้สึกตกใจไม่ได้ “ท่านอาจารย์ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ สีหน้าของท่านดูไม่ค่อยดี”

ผู้ตรวจการเซียวก็พึ่งจะสังเกตเห็นสีหน้าของฉินหลิวซี เมื่อนึกถึงความเคลื่อนไหวที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ จึงถามว่า “ท่านอาจารย์ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

“คนของเสวียนเหมินปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับบาดเจ็บ” ฉินหลิวซีแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างเคร่งขรึม

กระดิ่งทองแดงที่อยู่ในอ้อมแขนขยับและส่งเสียงออกมา

เสียงกระดิ่งดังขึ้นอย่างกะทันหันทำเอาสองพ่อลูกตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยว่า “เสียงกระดิ่งมาจากไหน”

ฉินหลิวซีดึงกำไลกระดิ่งออกมาจากอ้อมแขน

“นี่เป็นของน้องหญิง…”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เป็นของคุณหนูเซียว”

สิ่งของของสตรีไม่สามารถให้ใครเอาไปได้ตามใจชอบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักพรตก็ตาม ผู้ตรวจการเซียวคิดว่าฉินหลิวซีจะคืนให้จึงยื่นมือออกไปรับ

ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นมาว่า “วิญญาณของฝูเซิงถูกผนึกอยู่ในนี้”

ผู้ตรวจการเซียวรีบชักมือกลับมาในทันที ก้าวถอยหลังสองสามก้าวด้วยความตกใจ มองดูกระดิ่งด้วยสีหน้าระมัดระวัง

เซียวจั่นรุ่ยก็ตกใจเช่นกัน กลืนน้ำลายพลางกล่าวว่า “ฝู…เป็นนักแสดงนามว่าฝูเซิงผู้นั้นจริงๆ หรือ”

ทันใดนั้นกำไลกระดิ่งก็สั่นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาเสียงกระดิ่งดังกึกก้อง และยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษในลานอันเงียบสงบนี้

มือของฉินหลิวซีไม่ได้ขยับ แต่กระดิ่งกลับสั่นอย่างบ้าคลั่ง ยากที่สองพ่อลูกจะไม่เชื่อ

ผู้ตรวจการเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ท่านอาจารย์ เป็นคนผู้นั้นที่สร้างปัญหาจริงๆ ด้วย เหตุใดท่านไม่ตีให้นางวิญญาณแตกสลายไป”

ซ้ำยังผนึกไว้ในกำไลข้อมือของบุตรสาว หมายความว่าอย่างไร

กำไลกระดิ่งสั่นแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่าพยายามจะหลุดออกจากมือของฉินหลิวซี

หากผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ สัมผัสกระดิ่งนี้ก็จะรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของพลังชั่วร้ายข้างใน

ฉินหลิวซีเอ่ย “นางอยู่ในนี้ ย่อมมีที่ไปของตัวนางเอง ใต้เท้าเซียว ฝูเซิงเสียชีวิตจากการสั่งฆ่าอย่างทรมานของท่าน ท่านไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ท่านเป็นคนออกคำสั่ง ผลกรรมได้ก่อขึ้นแล้ว อย่าได้สร้างกรรมใหม่เพิ่มอีก มิเช่นนั้นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน”

ผู้ตรวจการเซียวได้ยินดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

“เมตตาได้ก็จงเมตตา คนก็ตายไปแล้ว หากยังไม่ยอมให้นางไปเกิดใหม่จะถือว่าทำเกินไป” ฉินหลิวซีดีดกระดิ่ง ที่น่าอัศจรรย์ก็คือเมื่อถูกนางดีด กระดิ่งก็หยุดอย่างเชื่อฟัง

วิธีนี้ทำเอาสองพ่อลูกรู้สึกยำเกรง

เซียวจั่นรุ่ยรีบเอ่ย “ท่านอาจารย์ เป็นเพราะท่านพ่อของข้าเป็นห่วงน้องหญิงก็เท่านั้น ฝูเซิงก็ตายไปแล้ว พวกเรายินดีที่จะจัดพิธีส่งวิญญาณสี่สิบเก้าวัน และหาฮวงซุ้ยที่ดีฝังศพนางเป็นการชดใช้ ขอให้ฝูเซิงเห็นแก่น้องหญิง ยกโทษครั้งนี้ให้ด้วยเถิด”

ฆ่านางแล้ว จากนั้นก็ขอให้นางเห็นแก่น้องหญิงของตัวเองเพื่อยกโทษให้พวกเขาหรือ

คำพูดนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว

[1] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระสูตรของลัทธิเต๋า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท