คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 298 ใจเต๋าแข็งดั่งเหล็ก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 298 ใจเต๋าแข็งดั่งเหล็ก

ฉินหลิวซีตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปทั้งคืน ใบหน้าของนางยังซีดอยู่เล็กน้อย นางจับที่เอว หยิบกระดูกพุทธะออกมาดูสักพัก

กระดูกพุทธะนี้ตกไปอยู่ในมือของฝูเซิง ซึ่งเดิมทีนางมีความแค้นอยู่แล้ว พลังพุทธานุภาพที่ติดอยู่กับกระดูกพุทธะทำให้ความโกรธแค้นของนางกลายเป็นพลังชั่วร้าย ดังนั้นพลังทำลายจึงรุนแรงมากกว่าพลังชั่วร้ายทั่วไป และตัวเองก็ทุกข์ทรมานด้วยเช่นกัน

ไม่แปลกใจเลยที่ผีเรือนตนนี้จะไม่กล้าเข้าใกล้ลานที่ฝูเซิงอยู่ เกรงว่าเป็นเพราะความร้ายกาจของมัน

แต่หากเป็นกระดูกพุทธะที่เกิดขึ้นโดยพระภิกษุผู้รู้แจ้งอย่างแท้จริง ย่อมมีอำนาจแต่จะไม่ชั่วร้าย เช่นนั้นเจ้าของกระดูกพุทธะผู้นี้เป็นใครกัน

ฉินหลิวซีคิดไตร่ตรอง ต้องไปถามใครสักคน

มีเสียงเบาๆ ดังมาจากนอกหน้าต่าง ฉินหลิวซียัดกระดูกพุทธะเก็บไว้ที่เอวเหมือนเดิม ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เมื่อเปิดประตูก็เห็นมู่ซีนั่งยองๆ อยู่ที่ลาน กำลังเด็ดดอกไม้ดอกเดียวที่เหลืออยู่ของต้นจินกุ้ย

เมื่อได้ยินเสียงประตูก็เงยหน้าขึ้นมามอง โปรยดอกไม้แล้วก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “เจ้านักต้มตุ๋น เจ้ายังสบายดีอยู่หรือไม่ สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย”

“ข้าไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นอกเรือนข้าตั้งแต่เช้าตรู่”

มู่ซีเอ่ย “เมื่อวานเห็นว่าเสียงความเคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรง ก็เลยมาดูเจ้า”

เขาเดินเข้าไปใกล้ฉินหลิวซี ทันใดนั้นก็รู้สึกขนลุกและหนาวสั่นไปทั่วร่าง จึงถอยหลังออกมาสองสามก้าว มองนางด้วยความสงสัย

“ทำไมหรือ”

มู่ซีขมวดคิ้ว “บนตัวเจ้ามีอะไรใช่หรือไม่”

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร”

“ข้ารู้สึกหนาวเล็กน้อย” ดูเหมือนไม่ใช่ของที่ดี

ฉินหลิวซีหัวเราะ “ดีมาก ต่อไปให้มีความระมัดระวังเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามที่เจ้ามีความรู้สึกไม่ดีเช่นนี้ ไม่ต้องสนสิ่งอื่นใด แค่หนีไป รักษาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ”

มู่ซีตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางดูเหมือนไม่ได้ล้อเล่น เอ่ยว่า “มีจริงหรือ”

ฉินหลิวซีพยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “วันนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้าต้องไปทางเหนือก็ออกเดินทางเถิด อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”

“จัดการเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ”

“ใช่ ดังนั้นจึงต้องไปแล้ว” ฉินหลิวซีมองออกไปทางนอกประตูลาน เซียวจั่นรุ่ยกำลังเดินมา นางเอ่ยต่อว่า “เดินทางปลอดภัย”

ใบหน้ามู่ซีแฝงไว้ด้วยความโกรธ ความรู้สึกไม่พอใจเหมือนโดนทิ้งเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร

“ท่านอาจารย์ตื่นแล้วหรือ” เซี่ยวจั่นรุ่ยเดินเข้ามา

เมื่อมู่ซีเห็นว่าเขามาโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ จึงเอาความโกรธไปลงที่เขา “เป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ เหตุใดไม่ให้บ่าวรับใช้มารายงานก่อน เจ้าเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ คิดว่าเป็นจวนของเจ้าก็เลยเข้าออกได้ตามใจชอบล่ะสิ”

เซียวจั่นรุ่ย “?”

นายท่านน้อยผู้นี้โมโหใครตั้งแต่เช้าตรู่

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่ามู่ซีโวยวายไร้เหตุผลก็อดส่ายหน้าไม่ได้ เอ่ยกับเซียวจั่นรุ่ยว่า “คุณหนูเซียวตื่นแล้วหรือ รอข้าล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วจะไปฝังเข็มให้นาง”

เซียวจั่นรุ่ยรีบเอ่ย “ข้าจะเรียกคนมาปรนนิบัติเดี๋ยวนี้”

เมื่อเซียวชิงหันตื่นขึ้นก็นั่งอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย ใบหน้ามีน้ำตานอง จนกระทั่งฮูหยินเซียวมาถึง สองแม่ลูกก็กอดกันร้องไห้

เมื่อฉินหลิวซีมาถึง ฮูหยินเซียวยังคงจับมือบุตรสาวพลางเอ่ยโน้มน้าวจนปากเปียกปากแฉะว่า ‘คิดให้ดี ต้องมองไปข้างหน้า เส้นทางชีวิตยังอีกยาวไกล’

“ฮูหยิน ท่านอาจารย์มาฝังเข็มให้คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ” ป้าเซิ่นเดินเข้ามาบอก

ฮูหยินเซียวรีบเอ่ยว่า “รีบเชิญเข้ามา”

ฉินหลิวซีเข้ามาข้างใน เซียวชิงหันมองมา ดวงตาของนางดูกลมโตขึ้นเพราะความซูบผอม แต่แสงในตากลับไม่สุกใส

สายตาที่เซียวชิงหันมองไปยังฉินหลิวซีเต็มไปด้วยความซับซ้อน ตั้งแต่ความไม่พอใจไปจนถึงความตื่นเต้น และในที่สุดก็กลับมาสงบเช่นเดิม

ฉินหลิวซีให้นางนอนลง ไม่ให้มีคนอยู่ในห้องมากนัก หาจุดก่อนแล้วค่อยฝังเข็ม พิถีพิถันเป็นอย่างมาก ไม่เอ่ยอะไรที่ไม่จำเป็นแม้แต่ประโยคเดียว

แต่เซียวชิงหันกลับจ้องมองนาง ริมฝีปากขยับ อยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา

ฉินหลิวซีรู้สึกถึงการเริ่มไหลเวียนของพลังหยาง ปล่อยเข็มทิ้งไว้หนึ่งเค่อ จากนั้นก็ยื่นยันต์บทสวดเทพจินกวงที่วาดไว้ให้กับเซียวจั่นรุ่ยเอาไปติดไว้ใต้ชายคา แล้วให้สาวใช้ไปนำพู่กันกับกระดาษมาเขียนใบสั่งยาสองแผ่น แผ่นหนึ่งเป็นยาสงบใจ อีกแผ่นหนึ่งเป็นยาปรับสมดุลหยินหยางของอวัยะภายในทั้งห้า

“หยินหยางในร่างกายของคุณหนูเซียวไม่สมดุล ต้องปรับให้ดีก่อน ร่างกายจึงจะแข็งแรงขึ้น ในเวลาปกติทั่วไปก็ต้องได้รับแสงแดดมากขึ้นเพื่อเติมเต็มพลังหยาง ส่วนนี่เป็นยาสงบใจให้กินก่อนเข้านอน จะช่วยให้นอนหลับดี” ฉินหลิวซีเอ่ย

ฮูหยินเซียวรีบกำชับให้สาวใช้รับมา จากนั้นก็ให้พวกนางรีบไปต้มยา

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าครบหนึ่งเค่อแล้วจึงดึงเข็มออก

เซียวชิงหันจึงได้เอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่ ข้าอยากคุยกับท่านอาจารย์สักสองสามประโยค”

ฮูหยินเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปที่นางแล้วจากนั้นก็มองไปที่ฉินหลิวซี ลังเลเล็กน้อย

“ท่านแม่”

เมื่อเห็นสีหน้าวิงวอนของบุตรสาว เซียวฮูหยินจึงเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ท่านอาจารย์ รบกวนท่านแล้ว”

ทุกคนพากันถอยออกไป

เซียวชิงหันนั่งพิงหัวเตียง มองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ข้ายังพบนางได้หรือไม่”

กำไลข้อมือในอ้อมแขนของฉินหลิวซีขยับอยู่ครู่หนึ่ง

นางกดไว้ ก่อนจะหยิบกำไลข้อมือออกมา

ฝูเซิงแทบรอไม่ไหวที่จะลอยออกมาจากกระดิ่ง

น้ำตาของเซียวชิงหันไหลออกมาทันที

ฉินหลิวซียืนอยู่ข้างหน้าต่าง เอามือไขว้หลังฟังทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังเอ่ยด้วยความเสียใจและอาลัยอาวรณ์ อดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะเล็กน้อย

ความรักทางโลกช่างน่าเบื่อซ้ำยังทำร้ายคน น่าเวทนา นางไม่เข้าใจเหตุใดจึงได้มีความเหนียวแน่นและหวานหยดย้อยเช่นนี้

สวรรค์ ‘ความรักไหนเลยเป็นสิ่งที่เจ้าจะมีได้ ตั้งหน้าตั้งตาสะสมบุญต่อไปเถิด!’

เจ้าลัทธิเต๋า ‘ความรักของศิษย์ทรยศผู้นี้ก็เหมือนต้นปรงที่หมื่นปีบานครั้งเดียว!’

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ‘อยากถามเจ้าว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นอารามของข้ากลายเป็นที่หนึ่งของอารามในใต้หล้า ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ควันธูปหนาที่สุด!’

ผู้คนในอารามชิงผิง ‘นึกท่าทางที่ศิษย์พี่ปู้ฉิวหลงรักใครไม่ออก ไม่สู้ท่าทางตั้งใจหาค่าธูปกับน้ำมันตะเกียงสุดยอดที่สุดแล้ว’ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฉินหลิวซีกระแอม “เอ่ยจบก็ควรไปได้แล้ว”

นางหันหลังกลับไป เห็นว่าทั้งสองคนจ้องมองมาที่ตนเอง

“จ้องข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อกระดูกของเจ้ารวบรวมกลับมาแล้วก็ต้องหาสถานที่ฝัง” ฉินหลิวซีเอ่ย

เซียวชิงหันเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ มีวัดผู่ซ่านอยู่ห่างจากหนิงโจวห้าสิบลี้ ฝังนางไว้ใกล้ๆ ที่นั่นได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ทำไมหรือ ในภายภาคหน้าเจ้าจะไปอยู่ที่วัดผู่ซ่านหรือ”

เซียวชิงหันเงียบไป

ฝูเซิงเอ่ยขึ้นมาว่า “หันเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าแค่หวังว่าชีวิตนี้ของเจ้าจะราบรื่นและมีความสุข”

เซียวชิงหันยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ายังสามารถมีความสุขได้หรือ”

ฝูเซิงเงียบไป

“ใจสงบสุขคือที่พักพิง ที่ไหนที่ใจข้าสงบสุขที่นั่นคือที่พักพิง” เซียวชิงหันมองนางพลางเอ่ย “หากต้องการให้ใจข้าสงบสุข ก็ขึ้นอยู่กับตัวข้า”

ฝูเซิงเม้มริมฝีปาก มองไปยังฉินหลิวซี

“มองข้าทำไม ข้ามีหน้าที่แค่รับผิดชอบเจ้า”

ฝูเซิงโกรธ ใจบุรุษแข็งดั่งเหล็กจริงๆ ไม่ใช่สิ เป็นใจเต๋า

ฉินหลิวซีไม่ให้โอกาสนางอีกต่อไป ร่ายคาถาผนึกฝูเซิงเข้าไปในกระดิ่ง เอ่ยกับเซียวชิงหันว่า “หากเจ้าต้องการก็ไปด้วยกัน”

เซียวชิงหันตาเป็นประกาย “ได้หรือ” จากนั้นนางก็ส่ายหน้า “ไม่ได้สิ อย่าว่าแต่ท่านแม่ไม่ให้เลย ท่านพ่อของข้าก็ไม่มีทางให้ข้าไป”

“ขอเพียงแค่ข้าบอกว่าต้องการเจ้า เขาก็จะยินยอม” ฉินหลิวซีไม่ได้เห็นผู้ตรวจการเซียวอยู่ในสายตา ขอเพียงแค่นางอธิบายเหตุและผล เขาไม่อยากตกลงก็ต้องตกลง

“ข้าไปเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า ออกไปถ่ายทอดข้อความทันที

เป็นดั่งที่เซียวชิงหันเอ่ยไว้จริงๆ ผู้ตรวจการเซียวไม่อยากให้นางไปส่งฝูเซิง แต่ฉินหลิวซีเอ่ยว่าเพื่อเป็นการดับความโกรธแค้นของฝูเซิง เขาจะไม่ให้ไปก็ได้ แต่หากหลังจากนี้มีพลังชั่วร้ายใดๆ หลงเหลืออยู่นางก็จะไม่สนใจแล้ว พลังชั่วร้ายเหล่านี้ คนที่ได้รับมาติดตัวมากเกินไปก็จะทำให้โชคร้ายและเจ็บป่วยได้ง่าย

เมื่อเอ่ยเช่นนี้ผู้ตรวจการเซียวยังจะกล้าห้ามอยู่อีกหรือ แน่นอนว่าไม่กล้า รีบให้เซียวจั่นรุ่ยส่งพวกเขาออกจากเมืองทันที

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท