คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 305 ข้าไม่ได้ช่วยไปเสียทุกคน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 305 ข้าไม่ได้ช่วยไปเสียทุกคน

ฉินหลิวซีปฏิเสธคำเชิญของเถิงเทียนฮั่นที่ให้ไปพักที่จวนของเขาเป็นการชั่วคราว แต่ยังคงไปโรงเตี๊ยมไป๋จวีที่จองไว้นานแล้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าให้เขามารับนางไปตรวจอาการให้เถิงเจาในวันรุ่งขึ้น

เพียงแต่เมื่อนางกลับไปถึงโรงเตี๊ยม ก็เห็นเซียวจั่นรุ่ยนั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของโรงเตี๊ยม ข้างๆ มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าหรูหรา ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย

“ท่านอาจารย์ ท่านกลับมาแล้วหรือ” เมื่อเห็นฉินหลิวซี เซียวจั่นรุ่ยก็ลุกขึ้น ชายที่อยู่ข้างๆ เขาก็ยืนขึ้นด้วย มองสำรวจดูฉินหลิวซี

ฉินหลิวซีเหลือบมองชายผู้นั้น แล้วหันไปมองเซียวจั่นรุ่ย “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร เพียงแค่จะมาบอกท่านว่าท่านซื่อจื่อไปแล้ว”

“ไปแล้วก็ไปสิ” ฉินหลิวซีก้าวเท้าขึ้นบันได เอ่ย “คุณชายเซียวไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อบอกเรื่องนี้กับข้า ข้ากับเขาแค่พบกันโดยบังเอิญ”

“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่อยากจะขอร้องท่านอาจารย์” เซียวจั่นรุ่ยตามขึ้นไป

ฉินหลิวซีให้เหล่าโฉวไปพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่เมื่อเขาเห็นว่าเซียวจั่นรุ่ยพาคนมาจึงไม่ขยับไปไหน เอ่ยว่า “ในเมื่อมีแขก เช่นนั้นข้ารอให้ท่านอาจารย์พักผ่อนก่อนแล้วข้าค่อยไป”

เขาคือคนที่อวี๋ชิวไฉส่งมา ย่อมฟังคำกำชับของอวี๋ชิวไฉ ก็คือให้คอยติดตามปรนนิบัติฉินหลิวซี และพาอีกฝ่ายส่งกลับไปอย่างปลอดภัย ภารกิจนี้จึงจะเสร็จสิ้น

หลังจากที่ได้รู้จักกันในไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาพบว่าแม้ว่าฉินหลิวซีจะพูดจาขวานผ่าซาก แต่จิตใจร่าเริงแจ่มใส ชั่งน้ำหนักสถานการณ์ได้ดี ไม่เรื่องเยอะ เป็นคนมีเหตุผล

ตอนนี้เซียวจั่นรุ่ยพาคนมาด้วย แม้ว่าชายผู้นั้นจะดูอ้วน แต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย ดูเจ้าเล่ห์และฉลาด ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

เหล่าโฉวคอยจับตาดู หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ท่านอาจารย์จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเผชิญหน้าโดยลำพัง

ฉินหลิวซีเห็นเหล่าโฉวยืนตรงราวกับเสา ดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังเซียวจั่นรุ่ย เอ่ยว่า “หากเจ้าต้องการแนะนำผู้ศรัทธาให้ข้า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็น”

เซียวจั่นรุ่ยตกตะลึง จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาจารยมีญาณหยั่งรู้จริงๆ ด้วย” เขาขยิบตาให้คุณชายอ้วน ชายอ้วนผู้นั้นรีบเข้ามายกมือขึ้นคารวะ “อาจารย์ ข้าแซ่จย่า นามว่าจย่าหยวนไว่”

ฉินหลิวซีรินน้ำชามาดื่มด้วยตัวเอง เอ่ย “ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้ากลับไปจัดเตรียมงานศพเถิด”

ใบหน้าของคุณชายอ้วนผู้นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ร่างกายอ้วนท้วนของเขาสั่นเทา

เซียวจั่นรุ่ยเองก็มึนงงเช่นกัน เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ จย่าหยวนไว่ทำไปเพื่อบุตรชายของเขา…”

“ข้ารู้” ฉินหลิวซีเอ่ย “จุดกลางหว่างคิ้วของเขามืดมนคลุมเครือ ตำแหน่งจื่อหนี่ว์ที่ใต้ตาก็จมลงไม่ผ่องใส จะมีการไว้ทุกข์จากการสูญเสียบุตรชาย บุตรชายของเขาผู้นั้นหมดหวังแล้ว”

คุณชายอ้วนคุกเข่าลงเสียงดัง ยื่นตั๋วเงินกองหนึ่งที่นำออกมาจากแขนเสื้อ เอ่ยวิงวอนว่า “ท่านอาจารย์ ขอท่านโปรดช่วยชีวิตบุตรชายของข้าด้วย ข้าสามารถให้เงินแก่ท่านได้เท่าที่ต้องการ”

ฉินหลิวซีไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นมามองตั๋วเงินที่เขาถืออยู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเคยได้ยินคำเอ่ยที่ว่าทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้นหรือไม่ เขาทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

คุณชายอ้วนสีหน้าซีด “ท่านอาจารย์…”

“เหล่าโฉว”

เหล่าโฉวรีบก้าวเข้ามาทันที ทั้งบังคับเชิญ ทั้งลากคุณชายอ้วนผู้นั้น “ท่านอาจารย์ต้องการพักผ่อนแล้ว เชิญขอรับ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เพื่อเห็นแก่หน้าคุณชายเซียว ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าหนึ่งอย่าง สำหรับบาปที่บุตรชายของเจ้าทำ เจ้าในฐานะคนเป็นพ่อควรนำตั๋วเงินไปปลอบใจผู้ทุกข์ทรมานเพื่อเป็นการชดใช้บาป มิเช่นนั้นบุตรชายของเจ้าตายไปยังไม่พอ ตระกูลของเจ้ายังต้องพบกับโชคร้ายครั้งใหญ่”

คุณชายอ้วนโกรธมาก “เจ้าไม่ช่วยก็แล้วไป แล้วยังมาสาปแช่งข้า คนอย่างเจ้าเหตุใดจึง…”

“เหล่าจย่า” เมื่อเซียวจั่นรุ่ยเห็นการกระทำของเขา สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบขวางเขาไว้ทันที เอ่ยเตือนว่า “ท่านมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ เหตุใดจึงได้หยาบคายเช่นนี้”

ฉินหลิวซีกลับไม่เห็นเช่นนั้น เหลือบมองเหล่าโฉว

คุณชายอ้วนถูกเหล่าโฉว ‘เชิญ’ ออกไป

เมื่อเซียวจั่นรุ่ยเห็นว่าฉินหลิวซีสีหน้าไม่ดีก็ทำอะไรไม่ถูก เอ่ยตะกุกตะกักว่า “ท่านอาจารย์ ขายหน้าท่านแล้ว จย่าหยวนไว่มีใจรักบุตรชาย ข้าจึงได้…”

“คุณชายเซียว เจ้าเป็นบุตรชายของขุนนางผู้สูงศักดิ์จะผูกมิตรกับใครก็ควรจะระมัดระวัง มิเช่นนั้นหากดูไม่ดีก็จะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ลำบากคนในตระกูล จะได้ไม่คุ้มเสีย” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “แม้ว่าข้าจะชอบเงิน แต่ก็ให้ความสำคัญกับผลกรรมมากกว่า ค่าน้ำมันตะเกียงบางอย่างข้าก็ไม่อยากได้ กลัวจะเป็นบาป ครั้งนี้ถือว่าแล้วไป ข้าหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก”

เซียวจั่นรุ่ยไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยกมือประสานอย่างลำบากใจพลางเอ่ยขอโทษ “เป็นข้าที่ผิดเอง”

ฉินหลิวซียกถ้วยชาขึ้นมา เขาถอยออกไปอย่างรู้ความ

ไม่นานเหล่าโฉวก็กลับมา เอ่ย “ท่านอาจารย์ คนผู้นั้นไปแล้วขอรับ”

“อืม ต่อไปหากเซียวจั่นรุ่ยพาคนมาวุ่นวายเช่นนี้อีก ก็ไล่ออกไป” คนอะไรกัน

เหล่าโฉวมองไปที่อีกฝ่าย ถามด้วยความสงสัยว่า “บุตรชายของคนผู้นั้นทำอะไรหรือขอรับ”

“แน่นอนว่าเป็นการทำร้ายคน ตอนนี้เขามาทวงหนี้แล้ว” ฉินหลิวซียิ้มเย้ยหยัน

“เช่นนั้นหมดหวังแล้วจริงๆ หรือขอรับ”

ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “ข้าช่วยได้ แต่ทำไมต้องช่วยด้วย ไม่กลัวเป็นบาปหรือ”

“จริงด้วยขอรับ บางเรื่องทำได้แต่ก็ไม่ควรทำ” เหล่าโฉวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นก็เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “น่าเสียดาย ข้าเห็นตั๋วเงินของเขาผู้นั้น มีราคาถึงหนึ่งพันตำลึง ตั๋วเงินกองนั้นอย่างน้อยก็คงไม่ต่ำกว่าหมื่นตำลึงนะขอรับ”

ฉินหลิวซี “…”

ข้าสงสัยว่าเจ้ามีความหมายบางอย่างแอบแฝง

เหล่าโฉวยกมือขึ้นประสานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สมแล้วที่ท่านอาจารย์เป็นผู้มีฝีมือของเสวียนเหมิน เห็นเงินจำนวนมากกลายเป็นมูลสัตว์ เหล่าโฉวนับถือ!”

ฉินหลิวซีเหลือบมองไป รีบหุบปากเดี๋ยวนี้!

“เจ้าไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ยังต้องไปเยี่ยมเด็กตระกูลเถิงผู้นั้น หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็จะได้กลับเมืองหลี”

เหล่าโฉวยกมือขึ้นประสานแล้วถอยออกไปพร้อมกับปิดประตู ได้ยินเสียงกำปั้นทุบลงบนโต๊ะดังมาจากด้านใน ในใจคิดว่า ‘ท่านอาจารย์คงจะกำลังด่าบุตรชายจอมโหดของคุณชายอ้วนผู้นั้นให้ไม่ตายดีอย่างแน่นอน ช่างจิตใจดีเสียจริง นับว่าเป็นคนดี’

ด้านนอกโรงเตี๊ยมคุณชายอ้วนมองเซียวจั่นรุ่ยด้วยท่าทางขาดสติ เอ่ย “คุณชายเซียว นี่มัน ท่านดูสิ เขาบอกให้ข้าไปเตรียมงานศพ ยังไม่พอ ซ้ำยังสาปแช่งข้า ช่าง…”

เซียวจั่นรุ่ยสร้างเรื่องจนไม่มีหน้าไปพบฉินหลิวซีแล้ว ในใจย่อมรู้สึกไม่พอใจ กลัวจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง ยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของคุณชายอ้วนก็เอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “เหล่าจย่า จะขอร้องใครก็ต้องมีท่าทีว่ามาขอความช่วยเหลือ เมื่อครู่ท่านทนไม่ไหว ได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเข้าแล้ว แล้วใครยังจะช่วยท่านอีก”

“ข้า ข้าก็แค่โมโหขึ้นมาเพราะร้อนใจ เขาบอกว่าหมดหวัง ข้าก็เลยทนไม่ได้ ท่านก็รู้ว่าข้ามีบุตรสาวมากมายกว่าจะได้ผู้สืบทอดเช่นนี้ จะมองดูเขาตายตกไปได้อย่างไร หากเขาเห็นว่าเงินของข้าน้อยไป เช่นนั้นข้าจะเพิ่มให้อีกเพื่อเป็นการขอร้องเขาดีหรือไม่”

เซียวจั่นรุ่ยเอ่ย “เขาก็ไม่ใช่คนเช่นนั้น”

“ท่านจะไปรู้อะไร เหล่าผู้ที่มีวิชาอาคมเหล่านี้ถนัดแสร้งทำเป็นผู้มีฝีมือที่สุด แกล้งทำเป็นว่าลำบากใจเพื่อเพิ่มมูลค่าตัวเอง หนึ่งหมื่นตำลึงไม่พอ ข้าก็จะเอามาอีกสองหมื่นสามหมื่น ขอเพียงแค่เขาช่วยบุตรชายของข้าได้!” คุณชายอ้วนเอ่ยพลางกัดฟัน

เซียวจั่นรุ่ยกระตุกมุมปาก “ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน ท่านอาจารย์ผู้นี้มีนิสัยแปลกประหลาดเล็กน้อย เหล่าจย่า ข้ายังรู้จักผู้มีวิชาอาคมท่านอื่นอีก ไม่แน่อาจจะสามารถช่วยจย่าเจิ้นได้ ข้าจะให้ที่อยู่แก่ท่าน ท่านรีบให้คนไปตามหา”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณชายเซียวเป็นอย่างมาก เงินจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้ท่านรับไว้เถิด” คุณชายอ้วนยัดตั๋วเงินสองใบให้เขา เอ่ย “กลับไปข้าจะส่งคนไปหาเดี๋ยวนี้ ข้าไม่เชื่อว่าบุตรชายของข้าจะหมดหวังแล้วจริงๆ เขาไม่ช่วยก็ยังมีผู้มีฝีมือท่านอื่นอยู่อีก”

เมื่อเอ่ยจบเขาก็ถ่มน้ำลายลงบนพื้น กิริยาหยาบคายเป็นอย่างมาก

เซียวจั่นรุ่ยรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว เมื่อบอกที่อยู่เสร็จก็จากไปโดยไม่หันกลับมา คนผู้นี้อย่าได้เจอกันอีกจะดีกว่า เดี๋ยวจะถูกเขาทำให้ต้องลำบากจริงๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท