คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 308 ลักพาตัวมาเป็นศิษย์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 308 ลักพาตัวมาเป็นศิษย์

ชีวิตนี้จะไม่เป็นไปตามที่เขาปรารถนา

เถิงเทียนฮั่นรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของฉินหลิวซี

คนเป็นพ่อควรหวังอะไรจากลูกๆ ของเขา ก็ไม่ได้หวังให้บุตรชายเป็นดั่งมังกร บุตรสาวเป็นดั่งหงส์หรอกหรือ

นิสัยของเถิงเจา ความจริงแล้วเขาก็ไม่กล้าหวังมากเกินไปว่าเถิงเจาจะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหน นิสัยของเถิงเจาค่อนข้างสันโดษ กระทั่งไม่อยากไปมาหาสู่สังสรรค์กับคนในครอบครัวของตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าสังคมภายนอก

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ น้อยๆ ในใจ หวังว่าสักวันหนึ่งสุขภาพของบุตรชายจะดีขึ้น เมื่อเติบโตขึ้น ไม่แน่นิสัยของเขาอาจจะเปิดกว้างขึ้น

แต่ฉินหลิวซีกลับบอกว่าจะไม่เป็นไปตามที่เขาปรารถนา

เถิงเทียนฮั่นรู้สึกราวกับกลืนอึเข้าไป

เกิดข้อผิดพลาด

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นจึงเอ่ยอีกว่า “ใต้เท้า ท่านกำลังจะแต่งงานใหม่ ในภายภาคหน้าฮูหยินจะให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวแก่ท่าน และท่านก็มักจะอยู่ที่เมืองหลวง ยุ่งอยู่กับคดีความ อีกทั้งยังมีบุตรสาวบุตรชายคนใหม่ สำหรับเถิงเจาแล้ว ท่านจะสามารถใส่ใจได้มากแค่ไหนกัน”

เกิดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อกรุณาลองใหม่อีกครั้ง

ตกลง

“เขาเป็นบุตรชายของข้า เป็นบุตรชายคนโต มีหรือข้าจะละเลยเขา” เถิงเทียนฮั่นเอ่ยอย่างเย็นชา

“แน่นอนว่าไม่มีทาง ข้ายังคงเชื่อว่าข้าวของเครื่องใช้จะไม่มีขาดตกบกพร่อง กระทั่งไม่มีทางลดความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อลูก แต่ความรู้สึกล่ะ” ฉินหลิวซีหรี่ตาลงพลางเอ่ย “ใต้เท้า ผู้ที่ถูกเลี้ยงดูใกล้ชิด มักจะเป็นที่รักมากกว่าผู้ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอก ท่านอย่าได้ไม่เชื่อ ตระกูลไหนบ้างไม่เป็นเช่นนี้ สิบนิ้วยังมียาวสั้น ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อบุตร แม้ปากจะบอกว่าเท่ากัน แต่ก็มักจะมีบุตรที่ได้รับความรักมากกว่า ข้าเชื่อว่าผู้ที่ได้รับความรักมากกว่าไม่มีทางเป็นเถิงเจา มิเช่นนั้นเหตุใดท่านจึงได้กลุ้มใจเกี่ยวกับอารมณ์ของเขาเช่นนี้”

เมื่อเถิงเทียนฮั่นถูกเปิดเผยความคิดในใจของเขา ใบหน้าของเขาก็เริ่มมีสีสันมากขึ้น ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ใต้เท้ามีทางของท่านเอง เถิงเจาก็มีทางของตัวเอง” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เข้าร่วมสำนักข้า เป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าย่อมไม่มีทางละเลยเขา”

“ท่านเป็นเด็กที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ดี ก็จะรับลูกศิษย์แล้วหรือ” เถิงเทียนฮั่นสบถอย่างเย็นชา

ฉินหลิวซียิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ข้าอายุยังน้อย แต่มีความสามารถมาก การสอนเขานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย!”

เถิงเทียนฮั่นสำลัก

ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “สำนักของข้าไม่ได้ยึดติดรูปแบบตายตัว ชีวิตประจำวันไม่ขาดแคลนอาหารการกิน ไม่ได้ยึดหลักความว่างเปล่าทั้งสี่เหมือนศาสนาพุทธ แม้ว่าในอนาคตเขาอยากจะแต่งภรรยาก็ย่อมได้”

เถิงเทียนฮั่นใจเต้น เช่นนี้ก็ได้หรือ

แต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยิ้มเย้ยหยันพลางกล่าวว่า “ท่านเพิ่งบอกว่าชีวิตนี้เขาจะไม่แต่งภรรยามีบุตรและมีหน้าที่การงานตามที่ข้าปรารถนาไม่ใช่หรือ”

“ชะตาชีวิตก็เป็นเช่นนี้ แต่มีประโยคที่กล่าวว่าชะตาชีวิตขึ้นอยู่กับข้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟ้าไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งชะตาชีวิตของเขาอาจเปลี่ยนอย่างกะทันหัน” แต่ไม่มีทางเปลี่ยนแน่นอน ชีวิตนี้เถิงเจาจะไม่แต่งภรรยาและมีบุตร

ฉินหลิวซีเอ่ยคำโกหกตาใส ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลักพาตัวมาเป็นลูกศิษย์ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“ท่านก็บอกแล้วว่าหากเลี้ยงไว้ใกล้ตัวย่อมเป็นที่รักมากกว่า หากเขาติดตามท่านเข้าลัทธิเต๋า จะยิ่งไม่ห่างไกลและห่างเหินจากข้าที่เป็นพ่อหรอกหรือ”

ฉินหลิวซีแบมือทั้งสองข้าง “ใต้เท้า ท่านคิดว่าเขาจะสามารถติดตามท่านกลับเมืองหลวงได้หรือ หากเขาไม่ไปกับข้า ก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่ห้องโกโรโกโสนี้ ความรู้ก็มีเพียงแค่ลานเล็กๆ นี้เท่านั้น จะสามารถทำอะไรได้ หากบังคับเขากลับเมืองหลวง ก็จะโหดร้ายเกินไปที่ต้องเห็นท่านกับแม่บุญธรรมรักใคร่กลมเกลียวกับพี่น้องต่างมารดาของเขา แต่เขากลับเข้ากับใครไม่ได้”

เถิงเทียนฮั่นสีหน้าดูแย่ขึ้นมา

“ติดตามอยู่ข้างกายข้า มีอาจารย์อย่างข้าปกป้องเขา เลี้ยงเขา ไม่เห็นว่าจะไม่ดีตรงไหน อย่างน้อยข้าก็สามารถเลี้ยงเขาได้ขาวอวบอ้วนกว่าที่ท่านเลี้ยง” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างทะนงตน

เถิงเทียนฮั่นยิ้มด้วยความโกรธ มีที่ไหนบ้างที่ลักพาตัวบุตรชายของผู้อื่นไปซ้ำยังมีความมั่นใจเช่นนี้

เขาอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ฉินหลิวซียังเอ่ยอีกว่า “ใต้เท้า ท่านก็เคยรับใช้อาจารย์สืออวิ๋นมาหลายปี เหตุใดพอเป็นเถิงเจากลับทำไม่ได้”

ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลง

“ท่านไม่เคยเป็นพ่อคน ท่านไม่เข้าใจหรอก”

“เป็นเช่นนั้น แต่ข้ารู้ว่าแม้ความสัมพันธ์ทางสายเลือดจะเชื่อมโยงกัน แต่ความห่วงหาอาทรกลับไม่สามารถบังคับได้ ไม่มีวาสนาก็คือไม่มีวาสนา ต่อให้อยู่ข้างกายก็ไม่มีบุญสัมพันธ์อยู่ดี” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “หากเขาติดตามข้า ก็จะได้สะสมบุญอยู่เสมอ จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก”

เถิงเทียนฮั่นสีหน้าปกติ “ท่านจริงจังหรือ ต้องการรับบุตรชายข้าเป็นศิษย์จริงๆ หรือ”

“เขาควรเป็นลูกศิษย์ของข้า”

เถิงเทียนฮั่นไม่รู้จะเอ่ยอะไรแล้ว

หลังจากเงียบไปนานเขาก็ถามขึ้นว่า “นิสัยของเจาเอ๋อร์แก้ไม่ได้แล้วหรือ”

“จะว่าอย่างไรดีล่ะ อาการของเขาเช่นนี้ความจริงแล้วก็นับว่าเป็นโรคอย่างหนึ่ง ท่านเห็นตำแหน่งสิ่งของในเรือนของเขาที่ต้องจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านคิดว่าอย่างไร” เถิงเทียนฮั่นตอบว่า “ตอนที่เขาอายุหนึ่งขวบก็เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าคิดว่าเป็นเรื่องของนิสัยส่วนตัว”

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ไม่ใช่นิสัยส่วนตัว แต่เป็นโรค พฤติกรรมเช่นนี้เหมือนกับโรคอย่างหนึ่งที่มีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์”

“ท่านจะบอกว่าบุตรชายข้าเป็นคนบ้าเช่นนั้นหรือ” เถิงเทียนฮั่นสีหน้ามืดครึ้ม

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแค่จะบอกว่านิสัยของเขาเป็นพฤติกรรมการบีบบังคับอย่างหนึ่ง หากไม่เห็นว่าสิ่งของวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะตกอยู่ในอาการวิตกกังวลและหงุดหงิด ดังนั้นเขาจึงต้องบังคับตัวเองให้จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงจะทำให้ในใจรู้สึกสบายและสงบ ท่านบอกว่าเขารักสันโดษ ก็เป็นเหตุผลนี้เช่นกัน…” ฉินหลิวซีชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง “เขาได้รับสารอาหารในครรภ์ของมารดาไม่เพียงพอ ซ้ำยังคลอดก่อนกำหนด จึงไม่ได้รับการบำรุงจนครบกำหนดคลอด ซ้ำเมื่อเขาคลอดออกมาก็ยังไม่มีแม่แท้ๆ คอยดูแลสั่งสอน ข้าคิดว่าคงมีข่าวลือในตระกูลของท่านว่าเขาอัปมงคลกระมัง”

เถิงเทียนฮั่นกำหมัดแน่น เมื่อเกิดมามารดาก็เสียชีวิต อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงเรื่องฆ่าแม่แพร่สะพัดออกไปบ้าง

“เด็กมักอ่อนไหวง่าย ต่อให้ผู้ใหญ่เงียบปากไม่เอ่ยถึง แต่คงจะแสดงออกทางอารมณ์อยู่บ้าง ส่วนเขาก็เป็นคนอ่อนไหวง่าย มักจะรับรู้ถึงอารมณ์ของคนรอบข้างอยู่เสมอ นานวันเข้าเขาก็ปิดกั้นหัวใจตัวเอง กลายเป็นคนรักสันโดษอย่างที่ท่านกล่าว อยู่คนเดียว ไม่เข้ากับใคร ไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์ไปมาหาสู่กับผู้อื่น คาดว่าเขาคงใช้เวลานานกว่าจะเริ่มพูด”

เถิงเทียนฮั่นตกตะลึง

“เขาเหม่อลอยแต่ไม่ได้เป็นบ้า ตรงกันข้าม เขาฉลาดเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างเช่นนิสัยรักสันโดษ พฤติกรรมการบีบบังคับตัวเอง ล้วนไม่ใช่ปัญหาใหญ่” ติดตามข้า ปัญหาเหล่านี้ย่อมคลี่คลายได้บ้างไม่มากก็น้อย

ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “แต่ด้วยนิสัยรักสันโดษและเก็บตัว เขาจะไม่มีวันเข้ารับราชการ”

เถิงเทียนฮั่นย่อมเข้าใจอยู่แล้ว ด้วยนิสัยเช่นนี้หากเข้ารับราชการ ก็เป็นได้เพียงแพะรับบาปเท่านั้น แล้วเหตุใดต้องทำเช่นนั้น

“ใต้เท้า เมื่อเถิงเจาเป็นลูกศิษย์ของข้าแล้วท่านสามารถวางใจได้ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น ข้าสามารถรับรองกับท่านได้ว่าเขาจะสุขภาพแข็งแรง” ส่วนจะรักษาให้สุขภาพแข็งแรงอย่างไรนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอย่างละเอียด

“นิสัยของเขาเช่นนี้ ท่านสามารถทนได้หรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ในฐานะอาจารย์ ย่อมมีความอดทนเพียงพอ” หากหมดความอดทนก็อัดไปเลย

เถิงเทียนฮั่นอดหันไปมองทางเรือนหลักไม่ได้ ช่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงของอาจารย์ฉีดังออกมาเป็นครั้งคราว

“หากเขาเต็มใจติดตามท่าน เช่นนั้นก็ไปเถิด” เถิงเทียนฮั่นเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน

เถิงเจากำลังวางหมากรุก สายตาเหลือบไปมองนกกระเรียนกระดาษตัวนั้น คว้ามันมาแล้วยื่นให้อาจารย์ฉี “ทำเป็นหรือไม่”

อาจารย์ฉียิ้มพลางส่ายหน้า “คุณชายน้อย อาจารย์ไม่รู้มนต์คาถานี้” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งก็กล่าวอีกว่า “หากท่านอยากเรียน ก็ต้องติดตามอาจารย์ผู้นั้นไป ใช้ชีวิตด้วยกัน อาจจะค่อนข้างลำบาก เช่นนี้ท่านจะยินยอมเป็นลูกศิษย์ของเขาหรือไม่”

เถิงเจาไม่กล่าวอะไร ใช้ปลายนิ้วเขี่ยปีกของนกกระเรียนกระดาษ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท