คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 312 ใช้ความชั่วตอบแทนความชั่ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 312 ใช้ความชั่วตอบแทนความชั่ว

ในขณะที่ฉินหลิวซีกำลังสอนเด็กให้เสียคนอยู่นั้น ผีสาวเหลียงซื่อก็กลับไปยังจวนจย่าอีกครั้ง ณ จวนจย่าในเวลานี้ หลังจากปรมาจารย์เฉิงหยางไล่ตามผีสาวไป คนทั้งครอบครัวก็มองหน้ากัน พากันเข้าไปที่ห้องของจย่าเจิ้น

ช่วงนี้จย่าเจิ้นถูกวิญญาณเหลียงซื่อตามหลอกหลอน ถูกพลังชั่วร้ายกัดกินจนลมหายใจโรยรินมานานแล้ว เขาผอมมากจนแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แก้มทั้งสองข้างตอบ ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างที่เดิมทีขุ่นมัวอยู่แล้วยิ่งดูกลวงมากขึ้น

หลังจากที่เหลียงซื่อถูกเฉิงหยางทำร้ายจนหนีไป จย่าเจิ้นก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งตัวในชั่วขณะ ร่างกายของเขาที่หนักหน่วงและเหนื่อยล้ามาหลายวันราวกับถูกยกก้อนหินขนาดใหญ่ออกไป การหายใจก็ราบรื่นขึ้น

เมื่อเห็นบิดาเดินเข้ามา จย่าเจิ้นก็ฝืนร่างกายลุกขึ้นมาพลางเอ่ย “ท่านพ่อ ผีสาวตนนั้นถูกอาจารย์ตีจนหนีไปแล้วหรือ”

คุณชายอ้วนหรือที่รู้จักในนามจย่าหยวนไว่เอ่ยอย่างลังเลว่า “คงเป็นเช่นนั้น อาจารย์ไล่ตามออกไปแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

จย่าเจิ้นยิ้ม “รู้สึกสบาย ข้าไม่เคยสบายเหมือนตอนนี้มาก่อน ผีร้ายตนนั้น ท่านพ่อ ท่านจะต้องให้อาจารย์จัดการนางไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดตลอดไปนะขอรับ”

ขณะที่เขาเอ่ย ใบหน้าผอมจนแก้มซูบตอบของเขาดูร้ายกาจ ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

จย่าหยวนไว่ดีใจมาก เอ่ย “สบายก็ดีแล้ว เจ้ารีบนอนลง ไม่ต้องพูดแล้ว ใครก็ได้รีบไปเอาน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมมาให้เจิ้นเอ๋อร์ดื่มสักหน่อย”

บรรดาสตรีพากันออกไป

จย่าหยวนไว่ปลอบใจจย่าเจิ้นสองสามประโยค ในใจก็กังวลว่าหากปรมาจารย์เฉิงหยางกลับมาจะไม่มีคนในครอบครัวอยู่ต้อนรับจึงให้เขานอนพักผ่อน ส่วนตัวเองก็ไปรอปรมาจารย์เฉิงหยางด้านนอก

ในขณะที่จย่าหยวนไว่พึ่งก้าวออกจากประตูห้องมา ประตูที่อยู่ด้านหลังเขาก็ถูกปิดอย่างแรง เขาตกใจและหันกลับไป “เจิ้นเอ๋อร์?”

จย่าเจิ้นก็สะดุ้งเช่นกัน เขายังคงกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ มองดูหมอกสีดำที่ปรากฏขึ้นในห้อง วิญญาณเหลียงซื่อลอยเข้ามาใกล้เขาท่ามกลางหมอกสีดำนั้น

“อ๊ากกก อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา” จย่าเจิ้นร้องด้วยความหวาดกลัว

จย่าหยวนไว่ได้ยินเสียงตะโกนของบุตรชายก็ร้อนใจ รีบไปผลักประตู “เจิ้นเอ๋อร์ เจิ้นเอ๋อร์ เปิดประตู”

เหลียงซื่อเผยรูปร่างที่โหดร้ายที่สุด คือรูปร่างตอนที่นางตาย มีไส้ห้อยออกมาจากร่างกาย ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด มือและขาทั้งสองข้างหักงอในท่าทางผิดธรรมชาติ

เพียงแค่นี้ก็ทำเอาจย่าเจิ้นตกใจจนสติหลุด “อย่าเข้ามา ข้าขอร้องเจ้า ข้าผิดไปแล้ว”

“ข้าต้องการให้เจ้าตาย!” เหลียงซื่อพุ่งเข้าไป

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายนางอย่างไร นางก็จะเอาคืนอย่างนั้น พร้อมกับสิ่งที่ทำกับบุตรสาวนางไว้ด้วย

ขาทั้งสองข้างของจย่าเจิ้นหักงอ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นกรรไกรก็ถูกยัดเข้าไปในมือของเขา เขาใช้มือจับกรรไกรแล้วตัดอวัยวะส่วนล่างของตัวเอง

“ไม่ ไม่! โอ๊ย โอ๊ย!”

จย่าหยวนไว่ร้อนใจจนทนไม่ไหว เคาะประตูแต่ไม่มีการตอบสนองจึงใช้กำลังกระแทกประตูเปิด ไม่ง่ายเลยกว่าจะชนจนประตูเปิดออกได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือสายตาอาฆาตแค้น

จย่าเจิ้นที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดนั่งอยู่บนเตียง มือข้างซ้ายถือสิ่งที่ตัวเองใช้ทำชั่ว มือขวาถือกรรไกร ขาของเขาหักงอในท่าทางผิดธรรมชาติ ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด

ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เขายกกรรไกรขึ้นมาแทงไปยังเส้นเลือดแดงที่คอตัวเอง

ฉึก

กรรไกรเจาะเข้าไปในเนื้อ เลือดพุ่งไปที่ใบหน้าของจย่าหยวนไว่

ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวของจย่าเจิ้นมองไปยังจย่าหยวนไว่ ริมฝีปากขยับ ร่างกายกระตุกไม่หยุด จากนั้นลมหายใจของเขาก็ค่อยๆ หมดลงไป

ดวงตาของจย่าหยวนไว่มืดมน ก้าวเดินถอยหลัง

เหลียงซื่อจ้องมองเขาตาเบิกกว้าง “ไม่อบรมสั่งสอน เป็นความผิดของบิดา เจ้าที่เป็นพ่อ ปล่อยให้บุตรกระทำชั่วก็ไม่คู่ควรที่จะมีบุตร”

นางโบกมือ ตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะตกลงบนร่างของจย่าหยวนไว่จนลุกเป็นไฟ

“กรี๊ดดด” เมื่อสาวใช้เห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกใจมาก ตะเกียกตะกายวิ่งออกไป

มีพ่อบ้านใจกล้ากระโดดเข้ามา รีบตบไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่บนร่างจย่าหยวนไว่ แต่กลับสายไปแล้ว มีเพียงกลิ่นเนื้อไหม้ที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

เมื่อไฟดับลง จย่าหยวนไว่ก็หมดสติลงไปแล้ว

ทุกอย่างจบลงแล้ว

เหลียงซื่อหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นภาพนองเลือดที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะหัวเราะทั้งน้ำตา มีความสุขเป็นอย่างมาก

นางไปจากจวนจย่าโดยไม่หันกลับมามอง

ก่อนที่วิญญาณจะดับสลาย นางยังต้องไปเยี่ยมบุตรสาวที่น่าสงสารของนางก่อน

ฉินหลิวซียืนมือไขว้หลังมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ถอนหายใจ

ตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว นางไม่กลัวตกนรกขุมสิบแปดสักนิดเลยจริงๆ

ฉินหลิวซีเหาะขึ้นไปอยู่บนกำแพง ก่อนจะหายตัวไปท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

เถิงเจาหมอบอยู่ขอบหน้าต่าง มองไปยังทิศทางที่ฉินหลิวซีจากไป เอียงศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็กลับไปเอนตัวลงบนเตียง

ตอบแทนความชั่วด้วยความชั่วหรือ

ฉินหลิวซีมาอยู่ที่หน้าลานเล็กของบ้านชาวนาแห่งหนึ่ง มองสำรวจดู จากนั้นสายตาก็ตกไปอยู่ที่คอกวัวด้านหลังเรือน

“คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นบุตรสาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้ากล้าลงมือหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ

เหลียงซื่อตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันกลับมาเห็นฉินหลิวซี “ท่านอาจารย์ ท่านมาได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ย “หากไม่มา เจ้าก็คงพานางไปแล้ว”

นางมองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ซุกตัวอยู่บนกองฟาง นี่ก็เดือนสิบแล้ว อากาศหนาวเป็นอย่างมากในตอนกลางคืน แต่เด็กสาวตัวเล็กๆ สวมเสื้อคลุมเพียงตัวเดียวโดยมีฟางห่มอยู่บนตัวของนาง ใบหน้าเล็กๆ ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไร หรืออาจเป็นเพราะความหนาวเหน็บ ร่างเล็กๆ จึงกำลังสั่นสะท้าน

เหลียงซื่อเอ่ย “นางมีชีวิตอยู่ไม่สู้ไปกับข้าจะดีกว่า แทนที่จะต้องทุกข์ทนทรมานเช่นนี้ ท่านอาจารย์ ท่านว่านางยังใช้ชีวิตเหมือนคนอยู่หรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “หากจะตายไม่สู้ปากกัดตีนถีบมีชีวิตอยู่จะดีกว่า นางยังเด็ก ยังมีความเป็นไปได้มากมายในภายภาคหน้า”

“นางถูกย่ำยีจนเป็นเช่นนี้ ยังจะมีความเป็นไปได้อะไรอีก” เหลียงซื่อกล่าวพลางร้องไห้

ฉินหลิวซี “ข้าบอกว่านางมี นางก็ต้องมี”

ครืน

มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น

เสียงฟ้าร้องนี้ดังขึ้นกะทันหัน ราวกับเป็นการเตือน

ฉินหลิวซีกลับทำเป็นไม่ได้ยิน ยื่นมือออกมาจับชีพจรเด็กน้อย ขมวดคิ้วจากนั้นก็ผ่อนคลายลง

“มีเงินหรือไม่” ฉินหลิวซีมองไปยังเหลียงซื่อ เอ่ยว่า “ให้เงินค่ารักษาแล้วข้าจะช่วยนาง”

เหลียงซื่อชะงักไป จากนั้นก็ได้สติกลับมา รีบพยักหน้าทันที “มีเจ้าค่ะ”

นางมองดูแล้วเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ท่านอาจารย์ ตรงนี้”

ฉินหลิวซีมองไปยังทิศทางที่นางชี้ ซึ่งเป็นรางให้อาหารวัว

“ยายแก่ซ่อนเงินไว้ตรงนี้ ข้าเห็นแล้ว” เหลียงซื่อเอ่ย “ขอท่านอาจารย์โปรดนำไปเพื่อรักษาบุตรของข้าด้วย”

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว เลื่อนรางให้อาหารวัว ด้านล่างมีกล่องเล็กๆ อยู่จริงด้วย เมื่อขุดขึ้นมาเปิดดู ด้านในมีเงินหยวนเป่าสิบตำลึงสองก้อน

“นี่คือเงินซื้อชีวิตพวกข้าสองแม่ลูก” เหลียงซื่อกัดฟันด้วยความโกรธแค้น ไม่มากไม่น้อย ยี่สิบตำลึง

ฉินหลิวซีหยิบเงินหยวนเป่าออกมาแล้วย้ายรางให้อาหารวัวกลับไปตำแหน่งเดิมโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิด

เงินค่ารักษาที่ผู้ตกเป็นเหยื่อให้ เป็นอย่างที่นางเอ่ย เป็นเงินขายชีวิตของพวกนาง นางสามารถจัดการได้ ดังนั้นฉินหลิวซีจึงเอาไปได้อย่างสบายใจ

ฉินหลิวซีเก็บเงินหยวนเป่าใส่ในกระเป๋า หยิบขวดยาออกมาจากเอว ยัดยาเม็ดเล็กๆ เข้าไปในปากของเด็กน้อย จากนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมา มือหนึ่งหาจุดฝังเข็ม อีกมือหนึ่งฝังเข็มอย่างรวดเร็ว

“เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา จงกลายเป็นฝุ่นควัน”

ปลายนิ้วเหลียงซื่อสั่น มองดูใบหน้าเล็กๆ ของบุตรสาวที่กำลังขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง กลายเป็นความสงบราวกับไม่มีระลอกคลื่นใดๆ

หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เด็กสาวก็ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นฉินหลิวซีก็กะพริบตาแล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ท่านเป็นใคร”

“ข้าคือคนที่จะมาพาเจ้าไป” ฉินหลิวซีชี้ไปยังเหลียงซื่อ “โขลกศีรษะคำนับนางสามครั้ง จากนั้นก็ไปกับข้า”

เหลียงซื่อปิดปาก น้ำตาไหลอาบแก้ม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท