ตอนที่ 322 ของข้าก็คือของอาจารย์
หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ฉินหลิวซีก็มีศิษย์น้อยเพิ่มมาอีกสองคนอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบก็มีมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นในสายตาของทุกคน ทว่าตัวนางไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
เมื่อเถิงเทียนฮั่นเห็นบุตรชายบวชเรียนเข้าสู่ลัทธิเต๋าอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยอมรับในชะตากรรม แต่ก็ทนเห็นเรือนเต๋าที่เถิงเจาต้องฝึกบำเพ็ญนับจากนี้ไปไม่ได้ บุตรชายของเขาผู้นั้นรักความเป็นระเบียบและความสะอาด แต่เรือนเต๋านั้นเล็กมาก
เถิงเทียนฮั่นมอบตราประทับของร้านฝากเงินในต้าเฟิงให้กับเถิงเจา ให้เขาใช้ตราประทับเพื่อไปถอนเงินที่ร้านฝากเงินได้เมื่อต้องการ โดยคาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กซื่อสัตย์ผู้นี้จะมอบให้ฉินหลิวซีในทันที
“ของข้าก็คือของท่านอาจารย์ ให้ท่านอาจารย์ดูแลก็พอแล้ว”
หากไม่ใช่เพราะเถิงเจาระวังตัว เมื่อให้ตราประทับเสร็จก็ถอยหนีทันที มิเช่นนั้นฉินหลิวซีก็คงอดที่จะดึงเขามาหอมไม่ได้ นับว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริง
เถิงเทียนฮั่นตกตะลึง เมื่อคิดได้ว่าฉินหลิวซีได้มอบสิ่งที่สำคัญอย่างพลังบุญให้กับบุตรชายของเขาจึงไม่ได้ถือสาเอาความ เพียงแต่หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งยื่นไปให้
“เรือนเต๋าที่เจาเอ๋อร์พักอาศัยและฝึกบำเพ็ญ ขอให้อาจารย์ช่วยสร้างให้เขาใหม่ด้วยเถิด จะเรียบง่ายก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่กว้างขวางและสะอาดสะอ้าน กลัวเขาจะรู้สึกไม่คุ้นชิน”
ฉินหลิวซีไม่ได้รับมา เอ่ย “ผู้ฝึกบำเพ็ญ ไหนเลยจะมีเรื่องร้องขอมากมายเช่นนี้ สิ่งนี้ไม่จำเป็นหรอก อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้อาศัยที่เรือนเต๋าอย่างถาวร จะต้องไปอาศัยฝึกเพ็ญอยู่กับข้า”
เถิงเทียนฮั่นชะงักไปครู่หนึ่ง “ท่านไม่ได้อยู่ที่อารามเต๋าหรือ”
“ใต้เท้า ตระกูลข้าแซ่ฉิน” ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยข่าวที่น่าตกใจ “ซ้ำข้ายังเป็นนักพรตหญิง”
อ้อ
“ท่านว่าอะไรนะ” ดวงตาของเถิงเทียนฮั่นเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา คิดว่าตัวเองหูแว่วไปแล้ว
นักพรตหญิง ก็คือสตรีที่เข้าสู่ลัทธิเต๋า หมายความว่านางเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ
ก่อนที่เถิงเทียนฮั่นจะมีการตอบสนอง ฉินหลิวซีก็บอกข่าวที่น่าตกใจยิ่งกว่า
“ข้าเป็นนักพรตหญิง แซ่ของข้าคือฉิน เป็นหลานสาวคนโตของฉินหยวนซานขุนนางต้องโทษ ข้าเข้าสู่ลัทธิเต๋าเมื่ออายุห้าขวบ เดินทางไปมาระหว่างอารามเต๋ากับที่บ้านมาตลอด อาศัยอยู่ในบ้านเป็นหลัก เป็นเช่นนั้นมาตลอด”
เถิงเทียนฮั่นแทบยืนไม่อยู่ ไม่เพียงแต่เป็นนักพรตหญิง ซ้ำยังเป็นหลานสาวของขุนนางต้องโทษ?
ฉินหยวนซาน อดีตเสนาบดีสำนักกวงลู่?
ดวงตาของเถิงเทียนฮั่นมืดลง ถอยหลังไปสองก้าว จ้องมองไปยังฉินหลิวซีอย่างเอาเป็นเอาตาย
เหตุใดนางจึงมาบอกตอนนี้ ฝากตัวเป็นศิษย์แล้วค่อยมาบอก ตั้งใจจะหลอกบุตรชายเขา!
“ใต้เท้ากลัวแล้วหรือ กลัวก็ไม่สามารถกลับคำได้แล้ว เจาเจาเป็นศิษย์ของข้าแล้ว เป็นศิษย์ที่มีนามเต๋าแล้วด้วย ไม่สามารถทรยศต่อสำนักได้”
สีหน้าของเถิงเทียนฮั่นตอนนี้เรียกได้ว่ามีหลายอารมณ์ กลางหน้าอกแฝงไว้ด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นบุตรชายที่อยู่ข้างกายนางก็รู้สึกเหมือนไร้พลัง ไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ
“ท่านมากับข้า” เถิงเทียนฮั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ หันหลังเดินเข้าไปในเรือนเต๋า
ฉินหลิวซียักไหล่ เดินตามเข้าไปอย่างสบายๆ เถิงเจาขมวดคิ้วแล้วตามไปด้วย
พวกเขาเข้าไปนั่งด้านใน เถิงเทียนฮั่นไม่ได้อ้อมค้อม ถามตรงๆ ว่า “ท่านเป็นหลานสาวของฉินหยวนซานจริงๆ หรือ”
“ท่านคิดว่าข้านับขุนนางต้องโทษเป็นท่านปู่เพื่อความสนุกหรือ”
เถิงเทียนฮั่นสำลัก เอ่ยด้วยความสงสัย “ทำไมคุณหนูอย่างท่านจึงได้เข้าร่วมลัทธิเต๋า”
ฉินหลิวซีลดสายตาลง “ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กสุขภาพไม่ดี ซ้ำยังอ่อนแอ มีบุญสัมพันธ์น้อยกับคนในตระกูล จึงถูกท่านอาจารย์พากลับมาที่บ้านเกิด และได้เข้าร่วมลัทธิเต๋า” นางมองไปยังเถิงเจา เอ่ย “ดังนั้นที่ข้ากับเถิงเจามีวาสนาเป็นอาจารย์กับศิษย์นั้นเป็นเรื่องจริง ประสบพบเจอสิ่งที่คล้ายกัน”
เถิงเจาเม้มริมฝีปากพลางคุกเข่าลงข้างนาง
เมื่อเถิงเทียนฮั่นได้ยินดังนั้นก็ยิ่งท้อใจมากขึ้น หากตัวเองไม่ชอบก็อย่าทำเช่นนั้นกับผู้อื่น เหตุใดจึงปล่อยให้บุตรชายของเขาออกจากบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย
“ใต้เท้ากำลังด่าข้าอยู่ในใจหรือ” ฉินหลิวซีลูบศีรษะเถิงเจาแล้วเอ่ย “หากตัวเองไม่ชอบก็อย่าทำเช่นนั้นกับผู้อื่น ข้าเข้าใจหลักการนี้ดี ตัวข้าไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ซ้ำยังพรากความอบอุ่นของครอบครัวไปจากคนอื่น ช่างเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ว่าใต้เท้า แม้ว่าเจาเจาจะไม่ไปกับข้า เขาก็จะได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวอย่างนั้นหรือ บางทีใต้เท้าอาจจะจัดหาอาหารและเสื้อผ้าให้เขาได้ แต่ท่านไม่สามารถเข้าไปในใจของเขาได้ ใต้เท้าไม่สามารปกป้องเขาได้ทุกอย่าง แต่ข้าที่เป็นอาจารย์สามารถทำได้”
เถิงเทียนฮั่นสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
เขาอยากจะแก้ตัวสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน เพราะสิ่งที่ฉินหลิวซีกล่าวมานั้น เขาเองก็สามารถคาดเดาได้ว่าเถิงเจาปรารถนาที่จะอยู่ที่เมืองฝูในหนิงโจวแทนที่จะกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับเขา พ่อลูกก็ยากที่จะได้เจอกัน
อีกทั้งเมื่อถึงปีหน้าตัวเองก็ต้องแต่งงานใหม่และมีบุตรเพิ่มขึ้นมา จะสามารถให้ความสำคัญกับคนที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าได้จริงหรือ
เถิงเทียนฮั่นไม่กล้ารับรอง เกรงว่าจะถูกหักหน้า เพราะใจคนย่อมมีความลำเอียงเสมอ
เถิงเทียนฮั่นหลับตาลง เอ่ย “ท่านพูดถูกแล้ว ข้าอาจไม่สามารถปกป้องเขาได้ทุกอย่าง หวังว่าท่านจะทำได้”
“แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น ท่านสามารถออกไปถามได้ ข้าฉินปู้ฉิวมีชื่อเสียงเรื่องการปกปิดความบกพร่องให้คนใกล้ชิด”
ดูคนขี้โกงผู้นี้สิ เหมือนสตรีตรงไหน
เถิงเทียนฮั่นยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่านางเป็นเด็กหนุ่ม เมื่อนึกถึงเรื่องของตระกูลฉินก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ในเมื่อท่านมีวิชา เหตุใดจึงไม่สามารถทำนายหายนะของตระกูลฉินได้”
“โชคหรือหายนะล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีทางที่จะหลีกหนีได้ เดิมทีตระกูลฉินก็มีเคราะห์กรรมนี้อยู่แล้ว ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “สิ่งที่ข้าทำได้คือให้ที่กำบังลมฝนแก่พวกเขา ปกป้องสิ่งต่างๆ รอบด้าน จะกลับฟื้นคืนมาอีกครั้งได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าลูกหลานตระกูลฉินจะประสบความสำเร็จหรือไม่”
เถิงเทียนฮั่นใจเต้นเล็กน้อย เอ่ย “ท่านกะว่าจะไม่ช่วยหรือ”
“ข้าช่วยแล้ว ข้าทำสิ่งที่ควรทำแล้ว จะเป็นมังกรหรือกิ้งกือก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขา ในฐานะที่ข้าเป็นผู้เข้าร่วมลัทธิเต๋า เป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลทุกอย่างแล้วให้พวกเขานั่งรอความสำเร็จอย่างเดียว และพวกเขาก็ไม่คุ้มค่าที่จะให้ข้าทำเพียงนี้” ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าบอกได้เพียงว่าข้าพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างเงื่อนไข พวกเขาจะคว้าไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง ข้ากับพวกเขาล้วนมีทางของตัวเอง”
เถิงเทียนฮั่นมองไปยังเถิงเจา เห็นว่าเขาหลับตาลงไม่เอ่ยอะไร เมื่อติดตามนางแล้ว ต่อไปเขาก็จะมีความคิดเช่นนี้หรือไม่
ใช่แล้ว นางถูกให้ไปเติบโตด้วยตัวคนเดียวที่บ้านเดิมตั้งแต่อายุยังน้อย จะสามารถคาดหวังความอบอุ่นจากนางได้มากแค่ไหนกัน ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เถิงเทียนฮั่นไม่กล้าคิดว่าต่อไปนี้เถิงเจาจะคิดอย่างไรกับคนในครอบครัว เอ่ย “บุรุษทุกคนในตระกูลฉินถูกเนรเทศไปที่ซีเป่ย หากไม่มีการอภัยโทษก็กลับมาไม่ได้ อีกทั้งความผิดของท่านปู่ของท่าน ท่านไม่คิดจะช่วยพลิกคดีหรือ”
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “หากข้าบอกว่าท่านปู่ของข้าถูกใส่ร้าย ไปตกหลุมพรางของผู้อื่น ใต้เท้าจะยอมช่วยพลิกคดีหรือไม่ การสืบสวนของศาลต้าหลี่คงจะเก่งมากใช่หรือไม่”
เถิงเทียนฮั่นคิดในใจ ‘นั่นเป็นเหตุการณ์บวงสรวงครั้งใหญ่ที่ทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจ ใครจะกล้าแตะต้อง’
แต่เมื่อเขามองไปยังเถิงเจา เด็กคนนี้เป็นศิษย์ของฉินหลิวซี หากนางดีขึ้น เขาก็จะยิ่งสบาย
เถิงเทียนฮั่นกัดฟัน เอ่ย “การพลิกคดีต้องอาศัยโอกาส รีบร้อนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคดีนี้ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ฝ่าบาทอาจจะยังไม่หายโกรธ อุกอาจเอ่ยขึ้นมา เกรงว่าจะทำให้ฝ่าบาทนึกถึงตระกูลฉินอีกครั้งและต้องการเพิ่มโทษ อย่างไรเสียไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ ท่านปู่ของท่านก็ได้ติดกับแล้ว การเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาในฐานะเสนาบดีสำนักกวงลู่ ต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ข้ารู้” ฉินหลิวซียิ้มพลางยกมือขึ้นประสาน เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รบกวนใต้เท้าเป็นธุระให้ด้วย”
เถิงเทียนฮั่นอ้าปาก อยากจะเอ่ยว่า ‘ข้ายังไม่ได้รับปาก ที่เจ้ารับบุตรชายข้าเป็นศิษย์ หรือว่ากำลังรอโอกาสนี้อยู่’
แต่บุตรชายกลับยืนขึ้น โค้งคารวะขอบคุณเขา “รบกวนท่านพ่อเป็นธุระให้ด้วย ลูกขอขอบคุณแทนท่านอาจารย์ขอรับ”
เถิงเทียนฮั่นรู้สึกปวดใจ หลังจากฝากตัวเป็นศิษย์ก็เข้าข้างอาจารย์ของเขาทันที