คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 326 การติดตามอาจารย์ได้เรียนรู้มากมายจริงๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 326 การติดตามอาจารย์ได้เรียนรู้มากมายจริงๆ

ฉินหลิวซีกับซือเหลิ่งเย่ว์นัดกันไว้แล้วว่าจะไปดูพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลซือก่อนแล้วค่อยไปเซียงหนานเพื่อตามหาพ่อมดนามว่าอูหยางผู้นั้น จึงลงจากเขาแล้วกลับเข้าเมือง สิ่งที่น่าบังเอิญก็คือบ้านส่วนตัวที่ตระกูลซือซื้อไว้ในเมืองหลีอยู่ห่างจากบ้านฉินออกไปเพียงแค่สองเส้นถนน

“เมื่อมีเวลาว่าง ไว้ข้าจะมาเยี่ยม” ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย

ฉินหลิวซีโบกมือ พาศิษย์น้อยทั้งสองเข้าทางประตูด้านข้างไปที่เรือนเล็กๆ ของตัวเอง ส่วนคนอื่นๆ ที่ติดตามกลับมาได้ให้หลี่เฉิงที่มาเปิดประตูพาไปหาที่พัก

“อาจารย์ นี่คือบ้านของท่านหรือเจ้าคะ” วั่งชวนประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้อาศัยในอารามเต๋าหรือ

“เป็นบ้านของข้า แล้วก็ของพวกเจ้าด้วย อาจารย์อยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้านของพวกเจ้า จำเอาไว้” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

วั่งชวนพยักหน้าทันที

เถิงเจาไม่เอ่ยอะไร หลังจากที่เขาได้ยินการสนทนาระหว่างฉินหลิวซีและท่านพ่อของเขา ย่อมรู้ตัวตนในทางโลกของนาง และรู้ว่าท่านอาจารย์เป็นสตรี

เรือนของนางเป็นเหมือนเรือนของชนชั้นสูงทั่วไป ซึ่งไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจเลย

เพียงแต่ได้ยินมาว่าท่านอาจารย์มีคนในครอบครัวหลายคน

เถิงเจาขมวดคิ้ว ในใจแอบรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย เขาไม่ชอบไปมาหาสู่กับผู้คนมากเกินไป รู้สึกอึดอัด

ฉินหลิวซีพาพวกเขาเข้าไปข้างใน เมื่อฉีหวงได้ยินคำบอกกล่าวจากปีศาจโสมน้อยก็วิ่งออกมาจากในลาน

“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว เอ๋” ฉีหวงเห็นเด็กน้อยทั้งสองคน จากนั้นก็มองเด็กชายที่พยุงฉินหลิวซี ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นว่าฉินหลิวซีเดินขากะเผลก สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบเข้าไปพยุงทันที “เกิดอะไรขึ้น ท่านต้องโทษห้าโทษสามวิบัติหรือเจ้าคะ”

“เป็นเช่นนั้น” ฉินหลิวซีแยกเขี้ยว

ฉีหวงไม่กล้าพูดมาก พยุงนางเดินเข้าไปในเรือนอย่างระมัดระวัง

ปีศาจโสมน้อยโผล่หัวออกมาจากมุมกำแพงเช่นเคย ใบไม้บนหัวของมันค่อยๆ กลายเป็นสีเขียวมรกต ใกล้จะมีดอกตูมแล้ว

ว้าว จอมปีศาจผู้นี้ก็มีวันขาง่อยกับเขาด้วยหรือ

ปีศาจโสมน้อยปิดปากของมัน เกรงว่าหากหัวเราะออกมาเสียงดังจะถูกดึงราก

“มานี่”

ฉินหลิวซีเหลือบสายตามองไปอย่างแม่นยำ

เถิงเจาและวั่งชวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อาจารย์กำลังพูดกับใคร ที่เรือนนี้มีผู้อื่นอีกหรือ

ปีศาจโสมน้อยชี้ไปที่ตัวเอง กำลังเรียกมันหรือ มีคนนอกมาก็ยังเรียกมันออกไปแสดงตัวหรือ

“เรียกเจ้านั่นแหละ รีบมา” ฉินหลิวซีเอ่ย

ปีศาจโสมน้อยจึงได้วิ่งลากรากออกมา

เถิงเจาไหวตัวเร็ว หันไปมองในทันที รูม่านตาหดลง เลือดสูบฉีดไปยังศีรษะ

ดูสิว่าเขาเห็นอะไร ต้นไม้หนึ่งต้น ไม่ใช่สิ มีโสมกำลังวิ่งโบกไม้โบกมือมาทางเขา นี่เป็นโสมที่ดูดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมา

วั่งชวนก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน ร้องอุทานด้วยความตกใจ ดึงแขนเสื้อของเถิงเจาพลางเอ่ย “ศิษย์พี่ ท่านดูสิ ต้นไม้ต้นนี้วิ่งได้ด้วย”

เถิงเจาดึงแขนเสื้อของตัวเองกลับมา ข้าเห็นแล้ว

“ข้าไม่ใช่ต้นไม้เสียหน่อย ข้าเป็นโสม อายุพันปีแล้วด้วย!” ปีศาจโสมน้อยพุ่งไปอยู่ข้างหน้าพวกเขา ยืนเท้าเอวพลางโต้แย้งอย่างเย่อหยิ่ง

เถิงเจาและวั่งชวน “…”

หรือว่าพวกเขากำลังฝันอยู่ เช่นนั้นเหตุใดจึงได้ยินโสมพูดภาษาคนได้ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เถิงเจาหยิกฝ่ามือ มันเจ็บ นี่ไม่ใช่ความฝัน

การติดตามท่านอาจารย์นั้นน่าสนใจมากจริงๆ แม้แต่โสมที่พูดได้ก็ยังได้พบเห็น

“ต้นไม้พูดได้ด้วยหรือ” วั่งชวนมึนงงเล็กน้อย

เถิงเจาเหลือบมองนาง ท่าทางไม่อยากจะเอ่ยปากอธิบาย “เป็นโสมไม่ใช่ต้นไม้ ซ้ำยังเป็นปีศาจโสม”

เพียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เขาเคยได้เห็นว่านกกระเรียนกระดาษสามารถมีชีวิตชั่วคราวด้วยมนต์คาถาได้อย่างไร จากนั้นก็ได้รู้เกี่ยวกับปีศาจจากปากของฉินหลิวซีและในตำรา และในตอนนี้ได้เห็นโสมที่กลายเป็นปีศาจพูดได้ด้วยตาของตัวเอง ซึ่งยืนยันได้ว่าโลกนี้นั้นประหลาด

ได้เรียนรู้มากมายจริงๆ

ปีศาจโสมน้อยดีใจมาก เอ่ยว่า “นับว่าเจ้ารู้จักแยกแยะ พวกเจ้าคือ?”

“นี่คือศิษย์ของข้า เสวียนอี เสวียนซิน” ฉินหลิวซีอธิบายให้ปีศาจโสมน้อยและฉีหวงฟัง

ฉีหวงประหลาดใจไม่หาย รับลูกศิษย์แล้วหรือ

ปีศาจโสมน้อยอุทานด้วยความประหลาดใจ ดึงเส้นใยรากเล็กๆ สองอันจากบนตัวของมันอย่างรู้มารยาท มอบให้เถิงเจาและวั่งชวน เอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของใต้เท้า นี่คือของขวัญแรกพบ รอให้ข้ามีผลแล้ว ค่อยให้เพิ่มอีกทีหลัง”

เถิงเจามองไปยังเส้นใยรากในมือที่ปกคลุมไปด้วยดินโคลน แทบจะโยนมันออกไป

“นี่คือปีศาจโสมที่ฝึกบำเพ็ญมานับพันปี ใช้เวลาอีกเพียงเล็กน้อยก็จะกลายร่างเป็นคนได้แล้ว เส้นใยรากเล็กๆ เช่นนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าโสมอายุร้อยปีเหล่านั้น พวกเจ้าฝืนรับไว้เถิด” ฉินหลิวซีดูรังเกียจเล็กน้อย

เมื่อปีศาจโสมน้อยเห็นว่านางรังเกียจ จึงกุมหัวด้วยความน้อยใจ “รอให้ข้ามีผลแล้ว จะมอบสิ่งที่ดีกว่าให้”

“ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ข้าได้ยินเจ้าโอ้อวดเช่นนี้” ฉินหลิวซีสบถ “ไปฝึกบำเพ็ญซะ”

“อ้อ” ปีศาจโสมน้อยกลัวถูกรังเกียจไปมากกว่านี้ จึงวิ่งหนีไปไม่เห็นแม้แต่เงา

สายตาของเถิงเจามองตามไป แม้ว่ามันจะสกปรกแต่ก็น่ารัก อยากได้

วั่งชวนกลับมอบเส้นใยรากให้แก่ฉินหลิวซีด้วยมือทั้งสองข้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมของเด็กสาวว่า “ท่านอาจารย์ ข้าขอมอบสิ่งนี้แก่ท่านเป็นการกตัญญู”

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ารู้จักวิธีกตัญญูด้วยหรือ ปีศาจโสมพันปี แม้ว่าจะเป็นเพียงเส้นใยรากเส้นหนึ่ง แต่ก็เป็นสมบัติล้ำค่า เมื่อได้กินจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย”

เถิงเจาก็มอบเส้นใยรากไปให้เช่นกัน “แต่จะกินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มีประสิทธิภาพมากเกินไป พวกเรายังเด็ก รับไม่ไหวขอรับ”

ฉินหลิวซีพยักหน้าอย่างปลื้มใจ “ใช่แล้ว แม้ว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่า ก็ใช่ว่าจะกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ พวกเจ้าอายุยังน้อย หากรับผลของยานี้ไม่ไหวจะเป็นโทษร้ายแรง นี่คือพี่ฉีหวง ให้นางตุ๋นน้ำแกงให้พวกเจ้าดื่ม”

นางส่งเส้นใยรากเล็กๆ สองเส้นให้ฉีหวงเก็บไว้ บอกนามจริงของศิษย์ทั้งสองแก่นาง พลางเดินเข้าไปในห้อง เอ่ยถามว่า “เฉินผีอยู่ข้างนอกหรือ”

“ไม่กี่วันนี้อยู่ที่ร้านตลอด วันๆ เอาแต่บ่นว่าท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ บอกว่าเมื่อท่านกลับมาแล้ว จะไปติดตามท่านเหมือนเดิม ไม่อยากดูแลร้านแล้วเจ้าค่ะ” ฉีหวงยิ้มพลางมองไปยังเถิงเจา เอ่ยว่า “แต่เกรงว่าท่านจะไม่ต้องการให้เขาติดตามอยู่ข้างกายแล้ว”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ก็อาจจะไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป ในตอนนี้ให้ดูแลร้านไปก่อน เขาเองก็เหมาะสม ส่วนเจ้าก็รู้เรื่องการดำเนินการในร้านค้านั้น คนทั่วไปอาจไม่สามารถทำได้”

ฉีหวงเข้าใจดีว่าอย่างไรเสียอาจจะต้องสัมผัสกับสิ่งชั่วร้าย คนทั่วไปอาจหวาดกลัว ดังนั้นจึงต้องหาเถ้าแก่ที่มีความกล้าหาญ

ฉินหลิวซีนั่งลง เอ่ยว่า “ในเรือนมีข่าวดีอะไรหรือ ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล”

“ท่านป้าเล็กที่อยู่ตงเป่ยได้ให้คนส่งจดหมายและสิ่งของมาให้ ฮูหยินผู้เฒ่าดีใจมาก เมื่อวานก็ได้มีการตั้งโต๊ะเลี้ยงฉลองด้วยเจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ย

ฉินหลิวซีเอ่ยเพียง “อ้อ” อย่างไม่ได้ใส่ใจ

มิน่าล่ะ ที่แท้บุตรสาวที่นางฉินผู้เฒ่าใส่ใจมากที่สุดยังไม่ลืมตระกูลเดิม คราวนี้จึงโล่งใจกระมัง

เถิงเจาได้ยินน้ำเสียงที่เฉยเมยของนาง ไม่ได้เงยหน้ามอง เพียงแต่จัดวางถ้วยชาทีละใบให้เรียบร้อยอย่างเงียบๆ แม้แต่ลวดลายก็ยังไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อฉีหวงเห็นดังนั้นก็อดเบิกตาโตไม่ได้ มองไปยังฉินหลิวซี ถามด้วยสายตาว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’

“เด็กคนนี้เห็นความรกไม่ได้ ปล่อยเขาทำไปเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย “เมื่อทำความสะอาดห้องปีกตะวันตกแล้ว ก็ให้เจาเจาไปอาศัยอยู่ ส่วนวั่งชวนก็จัดเตียงเล็กๆ ไว้ในห้องข้าเป็นการชั่วคราว จากนั้นก็ไปนำน้ำมาให้พวกเราล้างหน้าล้างตา อีกสักครู่ข้าจะพาพวกเขาไปพบท่านแม่กับฮูหยินผู้เฒ่า”

จากนี้ไปเด็กสองคนนี้จะต้องคอยติดตามนาง ต้องแจ้งให้ทราบสักหน่อย พวกนางจะได้ไม่คิดไปเรื่อยเปื่อย

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฉินหลิวซีก็ขมวดคิ้วขึ้นมา อย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวก หรือว่าต้องเปลี่ยนที่อยู่นะ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท