คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 334 ท่านผู้ประเสริฐโปรดฟังข้าพล่ามก่อน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 334 ท่านผู้ประเสริฐโปรดฟังข้าพล่ามก่อน

เจ้าไตพร่อง[1]!

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นในร้านเล็กๆ ราวกับว่ามีเสียงสะท้อน ทำเอาซ่งเยี่ยชะงักฝีเท้า แทบจะยืนไม่อยู่ หันกลับไปมองฉินหลิวซีด้วยความโกรธทันที

รู้หรือไม่ว่าไตพร่องมีความหมายต่อผู้ชายอย่างไร ถือว่าเป็นการดูถูกอย่างยิ่ง!

เจ้าเด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

เฉินผีก็ตกใจจนสะดุ้งกับคำพูดหยาบคายของเจ้านายตัวเองเช่นกัน คุณหนูของข้า แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ท่านก็คงจะพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้หรอกกระมัง

เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยิ้มให้ซ่งเยี่ยอย่างลำบากใจ เอ่ยว่า “คือว่า เถ้าแก่ของพวกเราเป็นคนตรงไปตรงมา ท่านอย่าได้ถือสาเลยขอรับ”

ซ่งเยี่ยมองดูเด็กๆ ในห้องนี้ ผู้ที่อายุน้อยที่สุดคือเด็กสาวที่กำลังเลียขนมถั่วตัดผู้นั้น หากเขาจะโวยวาย ก็เหมือนเป็นการทะเลาะกับเด็ก หากชนะก็เสียหน้าและศักดิ์ศรีอยู่ดี

เพียงแต่ว่า ไตพร่อง…หืม?

ซ่งเยี่ยมองลงไปช่วงเอวของเขาโดยไม่รู้ตัว เหลือบมองไปยังเฉินผี จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ช่างเถิด ข้าไม่ถือสากับเด็กๆ อย่างพวกเจ้า เพียงแต่คราวหน้าอย่าเอาคนอื่นมาล้อเล่น นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขัน”

เฉินผีอึดอัดเล็กน้อย

ฉินหลิวซีเดินขากะเผลกไปข้างหน้า ซ่งเยี่ยเห็นดังนั้นก็ยิ่งผิดหวัง ไหนบอกว่าวิชาแพทย์ล้ำเลิศ หากล้ำเลิศจริงจะขาง่อยเช่นนี้ได้อย่างไร

“ไตพร่อง สูญเสียบุตรชาย ตอนนี้ไม่มีบุตร” ฉินหลิวซีมองไปที่เขา เอ่ยว่า “ท่านผู้ประเสริฐท่านนี้จะไม่อยู่ฟังข้าพล่าม ไม่สิ ฟังข้าชี้แนะจริงๆ หรือ”

เมื่อซ่งเยี่ยได้ยินคำว่าสูญเสียบุตรชายและไม่มีบุตรก็เกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ มองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตาเฉียบคม

ฉินหลิวซีไม่ได้กลัวสายตาที่เฉียบคมนี้แม้แต่น้อย แต่กลับสบตาเขาอย่างเปิดเผย เอ่ย “พลังงานไตไม่เพียงพอ สารจิง[2]เสียหาย เจ้ามาเพื่อน้องสาวเจ้า แต่กลับไม่ได้คิดที่จะแก้ไขปัญหาของตัวเองเลยหรือ หากเรื่องไม่มีบุตรนั้นไม่สำคัญ เช่นนั้นท่านผู้ประเสริฐก็ไปเถิด เฉินผี ส่งแขก ท่านผู้ประเสริฐท่านนี้เกรงว่าจะไม่มีวาสนากับร้านของพวกเรา”

เมื่อฉินหลิวซีเอ่ยจบก็หันหลังกลับ

นางพึ่งจะก้าวไปได้สองก้าว คนข้างหลังก็หยุดนางไว้ “ช้าก่อน”

ฉินหลิวซียกมุมปาก เดินต่อไปข้างหน้า

ซ่งเยี่ยขมวดคิ้ว รีบก้าวไปข้างหน้าขวางทางของนางไว้ จากนั้นก็ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วยกมือขึ้นโค้งคารวะ เอ่ยฃ “เป็นข้าที่เสียมารยาท ขอท่านโปรดอภัยด้วย ข้าตั้งใจจะมาขอรับการรักษา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า…”

“คิดไม่ถึงว่าคนที่เจ้ามาขอความช่วยเหลือเป็นเด็กอย่างข้า ท่านผู้ประเสริฐก็เคยได้ยินว่าวีรบุรุษไม่ถามถึงที่มา ผู้มีฝีมือไม่เอ่ยถึงเรื่องอายุ ใครว่าผู้ที่อายุน้อยจะไม่สามารถเป็นผู้มีฝีมือได้กันล่ะ” ฉินหลิวซียิ้ม “บังเอิญเสียจริง ข้าก็คือผู้มีความสามารถที่อายุน้อยผู้นั้น มีนามเต๋าว่าปู้ฉิว”

น้ำเสียงเช่นนี้ หากไม่ใช่การพูดโอ้อวดก็เป็นความหยิ่งผยอง

ซ่งเยี่ยกำมือ หลังจากเงียบไปนานก็เอ่ยว่า “ท่านเอ่ยถูกแล้ว”

ฉินหลิวซีนั่งอยู่หลังโต๊ะที่ใช้สำหรับตรวจอาการ เอ่ยว่า “ท่านผู้ประเสริฐไม่นั่งหรือ”

ซ่งเยี่ยสับสนเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับมา ตัวเองก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเชื่อฟังแล้ว อดตัวสั่นไม่ได้

เหมือนมีมนต์ดำ

“ไม่ต้องกังวล กิจการพวกเราเป็นเรื่องจริงจัง เจ้าคงรู้จักอารามชิงผิง นั่นคืออารามเต๋าที่ข้าฝึกบำเพ็ญ แม้แต่นามเต๋าและใบรับรองลัทธิเต๋าของข้าก็สามารถตรวจสอบได้” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย

ซ่งเยี่ยเหม่อลอยเล็กน้อย ถามว่า “อารามเต๋าก็เปิดร้านทำกิจการได้ด้วยหรือ”

“นี่ไม่ถือว่าเป็นกิจการของอารามเต๋า เพียงแต่รายได้ทั้งหมดในร้านนี้ จะถวายเป็นการกุศลแก่อารามเต๋าสองส่วนเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากจน ทำความดีสะสมบุญ”

ซ่งเยี่ยตระหนักได้ทันทีว่าหากเป็นเช่นนี้ ร้านนี้ก็กำลังทำสิ่งที่ดีอยู่จริงๆ

เขามองสำรวจแล้วจึงเอ่ย “หากท่านเอ่ยเช่นนี้ นับว่าโรงหมอนี้แตกต่างจากทั่วไปจริงๆ”

“พวกเราก็ไม่ได้นับว่าเป็นโรงหมออย่างจริงจัง” ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “ผู้ดูแลน้อยของพวกเราไม่ได้บอกท่านอย่างละเอียดหรือ”

เฉินผีรีบเอ่ยว่า “นายท่าน ข้าเห็นว่านายท่านซ่งอารมณ์ไม่ดี จึงไม่ได้อธิบายรายละเอียดขอรับ”

“สูญเสียบุตรและญาติไปทีละคน หากอารมณ์ดีนี่สิจึงจะเป็นเรื่องแปลก จะบอกให้ท่านผู้ประเสริฐรู้ว่าร้านของพวกเรานี้รักษาผู้คน ดูโหงวเฮ้ง จับผีไล่วิญญาณชั่วร้าย ขายยันต์แคล้วคลาดและอื่นๆ ล้วนอยู่ในการประกอบกิจการ”

เมื่อซ่งเยี่ยได้ยินสิ่งนี้อีกครั้ง ใบหน้าของเขากระตุกสองสามครั้ง เอ่ยว่า “อย่างนั้น อย่างนั้นหรือ ขอบเขตการประกอบกิจการช่างกว้างจริงๆ”

บอกได้คำเดียวว่านี้คือร้านนักต้มตุ๋น?

เขาหรี่ตาลง ถามว่า “ท่านบอกว่าข้าสูญเสียบุตรและญาติ เป็นการทำนายหรือว่าเดา”

“ท่านผู้ประเสริฐถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษที่โผล่ออกมาในยามยากลำบาก บัดนี้เมื่อกลับคืนสู่ราชสำนักแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นข้าราชการในราชสำนัก ข้าเดาหรือว่ามองออกจริงๆ ในใจท่านไม่รู้หรือ” ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ

เฮือก

ตอนนี้ซ่งเยี่ยตกตะลึงอย่างมาก ท่าทางดูถูกและความสงสัยบนใบหน้าของเขาพลันจางหายไปทันที ฝ่ามือที่วางอยู่บนหน้าขาเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา สายตาที่มองฉินหลิวซีราวกับว่าเห็นผี

“แม้แต่สิ่งนี้ท่านอาจารย์ก็มองออกด้วยหรือ ข้ายังไม่ได้เอ่ยอะไรเลย” ซ่งเยี่ยลำคอแห้งเล็กน้อย

“โหนกแก้มหมายถึงพลังอำนาจ ร่องรอยหมายถึงตราประทับ ท่านมีโหนกแก้มสูงเต็มไปด้วยร่องรอย ดวงตามีพลังราวกับตาเสือ ย่อมมีอำนาจราวกับสายฟ้า ผู้คนนับหมื่นหันมาเคารพ” ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ในต้าเฟิงมีแม่ทัพซ่งห้าคน หนึ่งในนั้นคือซ่งที่เป็นบุคคลทรงพลังซึ่งปรากฏตัวในช่วงคังหัวก่อกบฏ เข้ายึดครองหมู่บ้านวั่นหลัวเป็นป้อมปราการ แล้วรับผู้ลี้ภัยห้าพันคนมาเป็นทหาร เขาเป็นที่รู้จักในนามเสี่ยวซ่งอ๋อง ต่อมาได้รับคัดเลือกจากราชสำนักแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเซียวเวย ขุนนางระดับสี่ ดูแลกองทหารรักษาการณ์ค่ายซีหนิง”

เมื่อซ่งเยี่ยได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ร่างกายก็เริ่มแข็งทื่อเล็กน้อย และฝ่ามือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเปียกเสื้อคลุม

“แม่ทัพซ่งแห่งค่ายซีหนิงผู้นี้มีน้องสาวเพียงคนเดียว ซึ่งเขารักและหวงแหนเป็นอย่างมาก เหมือนกับท่านที่มาขอการรักษาให้แก่น้องสาวของท่าน หากท่านแม่ทัพคิดว่าข้าเดา เช่นนั้นข้าก็เดานิดหน่อยจริงๆ แต่ข้าเดาถูก”

ซ่งเยี่ยปากแห้ง อดเลียริมฝีปากไม่ได้

เขามองไปยังฉินหลิวซี เมื่อสบตากันแล้ว เขามองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาที่สดใสและลุ่มลึกของอีกฝ่าย รู้สึกอนาถเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

เขารู้สึกว่าในดวงตาคู่นี้ ตัวเองไม่สามารถหลบซ่อนได้แล้ว ถูกมองทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง

“ท่านอาจารย์…” ซ่งเยี่ยไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรดี

“มือ” ฉินหลิวซีเอ่ยเพียงคำเดียวพลางหันไปมองเฉินผี

เฉินผีรีบนำหมอนรองที่เตรียมไว้นานแล้วมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ส่งสัญญาณให้ซ่งเยี่ย “ท่านแม่ทัพ ท่านยื่นมือออกมา ให้นายท่านจับชีพจรให้ท่านสักหน่อยขอรับ”

“อา อ้อๆ” ซ่งเยี่ยวางมือลงบนหมอนรอง จากนั้นก็อยากจะดึงกลับคืน เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ข้ามาเพื่อขอให้ช่วยรักษาน้องสาวข้า”

“เรื่องของนางไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองจะดีกว่า ข้าบอกว่าท่านไตพร่อง ไม่ใช่เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น ตัวท่านเองก็รู้อยู่กระมัง” ฉินหลิวซีกะพริบตา

ซ่งเยี่ยใบหน้าร้อน เม้มริมฝีปากกระแอมเบาๆ เอ่ยอย่างลังเล “ข้าเคยไปพบท่านหมอหรือแม้กระทั่งท่านหมอหลวงมาแล้วหลายท่าน ดื่มยาต้มไปไม่น้อย ก็เป็นเช่นนี้ บอกว่าเสียหายอย่างรุนแรง”

“ท่านแม่ทัพไม่ใช่คนทำตามใจตัวเองตามอำเภอใจ ท่านควบคุมตัวเองได้ดี”

เมื่อซ่งเยี่ยได้รับคำชมก็รู้สึกดี ทันใดนั้นก็รู้สึกอยากจะเล่าถึงความปรารถนา เอ่ยว่า “ในเมื่อท่านเดาภูมิหลังที่แท้จริงของข้าได้ เช่นนั้นก็ต้องรู้ว่าคนอย่างข้าที่ถูกคัดเลือกจากราชสำนักจะต้องระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ของขุนนาง มิเช่นนั้นหากไม่ทันระวังก็จะทำให้เกิด…ความหวาดระแวงและความกลัว ดังนั้นข้าจึงต้องเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าอย่าทำตามใจตนเอง”

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “หากระมัดระวังเกินไปจะเป็นการใส่โซ่ตรวนให้ตัวเอง ท่านแม่ทัพควรจะเรียนรู้ที่จะแสดงความอ่อนแอและความคับข้องใจในเวลาที่เหมาะสม มิเช่นนั้นโซ่ตรวนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องทำให้มีใครกลัว มิเช่นนั้นท่านจะบดขยี้ตัวเองจนตายเสียก่อน”

ซ่งเยี่ยตกตะลึง

[1] ไตพร่อง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของภาวะไตพร่องคือ การมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไป ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

[2] สารจิง กักเก็บไว้ที่ไต สารจิงชนิดนี้จะได้รับการบำรุงจากอาหารและพัฒนาเป็นสารแห่งการสืบพันธุ์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท