คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 336 เรื่องไม่ง่ายเช่นนั้น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 336 เรื่องไม่ง่ายเช่นนั้น

ทุกยุคทุกสมัย มนต์ดำสาปแช่งนั้นถูกห้ามและถึงขั้นถูกผู้คนรังเกียจ เพราะความชั่วร้ายของมัน ทำให้ผู้คนเกลียดชัง

เมื่อซ่งเยี่ยได้ยินฉินหลิวซีบอกว่าตัวเองอาจถูกมนต์ดำชั่วร้ายนี้ ก็สีหน้าซีดลงทันที

“เป็นไปไม่ได้”

เมื่อฉินหลิวซีเห็นเขาปฏิเสธอย่างรวดเร็วเช่นนี้จึงถามกลับไปว่า “เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ ตอนที่ท่านแม่ทัพปราบกองโจร ก็คงฆ่าคนไปไม่น้อยกระมัง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่มีคนต้องการจะแก้แค้น แม้ว่าจะไม่มีคนต้องการแก้แค้น แล้วความอิจฉาริษยาและความอาฆาตล่ะ ท่านแม่ทัพ ใจคนนั้นโหดร้าย”

ซ่งเยี่ยตกตะลึง เลียริมฝีปากแห้ง เอ่ยพึมพำ “ก็คงไม่สามารถตัดสินตามอำเภอใจเช่นนี้ได้หรอกกระมัง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรเลย”

“ข้ากลับหวังว่าเป็นดั่งที่ข้าตัดสินตามอำเภอใจ เช่นนี้จุดพลิกผันนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย มิเช่นนั้นชะตาชีวิตของท่านก็คงเปลี่ยนกลับคืนมาไม่ได้แล้ว ต้องตายอย่างแน่นอน” การถูกคนทำมนต์ดำใส่ยังสามารถทำลายได้ แต่หากไม่ใช่ เป็นเพราะชะตาชีวิตของเขาควรเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็อย่าต่อกรกับสวรรค์เลย รีบไปเกิดใหม่แต่เนิ่นๆ จะดีกว่า

สีหน้าของซ่งเยี่ยแย่ลงกว่าเดิม

เขาคิดทบทวนในใจ ตลอดหลายสิบปีที่เขามีชีวิตอยู่ ไม่มีใครที่เกลียดชังเขาเป็นพิเศษจริงๆ หรือ

คงจะมี แต่ก็คงตายไปแล้วกระมัง เมื่อตายไปแล้วจะเสกมนต์ดำใส่ตัวเองได้อย่างไร น่าสังเวชยิ่งกว่าตัวเองขาดญาติทางสายเลือดเสียอีก

ใครกันที่ใจร้ายกับเขาได้เพียงนี้

ซ่งเยี่ยไม่แน่ใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง มองไปยังฉินหลิวซีอย่างทำอะไรไม่ถูก เอ่ย “ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครที่เกลียดชังข้าถึงขั้นทำมนต์ดำเช่นนี้ใส่ข้า ทำอย่างไรดี”

“ในเมื่อท่านแม่ทัพเป็นลูกค้าของร้านเรา ข้าย่อมช่วยท่านแก้ไขปัญหานี้ เป็นมนต์ดำสาปแช่งหรือไม่ ไปตรวจสอบที่จวนท่านก็รู้แล้ว”

ซ่งเยี่ยรีบเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี ไปเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่”

“ท่านแม่ทัพ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการแก้ไขปัญหานี้ การทำลายมนต์ดำนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ท่านวางใจได้”

ซ่งเยี่ยคิดในใจว่า ‘เจ้าบอกว่าข้าน่าสังเวชขนาดนั้น หากข้าวางใจได้สิจึงจะเป็นเรื่องแปลก ข้ายังอยากจะไปขอยันต์แคล้วคลาดสักร้อยแผ่นที่วัดเพื่อเปลี่ยนชะตาชีวิตด้วยซ้ำ’

ใครบ้างที่รู้ชะตาชีวิตหลังจากนี้ของตัวเองแล้วจะยังสามารถใจเย็นเช่นนี้ได้ แต่เขาทำไม่ได้ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

การทำนายดวงไม่ควรทำนายตามอำเภอใจจริงๆ ด้วย หากได้ฟังคำนายที่ดีก็รู้สึกสบายใจ แต่หากเป็นคำทำนายไม่ดีก็มีแต่จะกังวลใจ จากนั้นก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่นับว่าช่วงเวลาแห่งความโชคร้ายจะมาถึงเมื่อใด

อย่างเช่นตอนนี้ซ่งเยี่ยอ่อนแรงไปทั้งร่างกาย ยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “ชะตาชีวิตข้าเป็นเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่สามารถวางใจได้”

“ท่านควรเปลี่ยนมุมมองในการขบคิดถึงปัญหา ก็คือโชคดีที่ได้เดินเข้ามาในร้านนี้แล้วได้พบกับข้า ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่มีวันเข้าใจว่าเหตุใดชะตาชีวิตท่านถึงได้เป็นเช่นนี้ไปจนวันตาย” ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “สิ่งที่คนกลัวมากที่สุดคือการตายไปอย่างไม่รู้สิ่งใดเลย”

ซ่งเยี่ยใจเต้นรัว พยักหน้าเห็นด้วยพลางเอ่ย “ท่านเอ่ยถูกแล้ว”

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็คงเป็นเพียงคนโง่ที่ถูกขังอยู่ในความมืดจนวันตายกระมัง

แต่การที่ฉินหลิวซีเอ่ยเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจแล้วว่าตัวเขาถูกคนทำมนต์ดำสาปแช่งหรอกหรือ

ซ่งเยี่ยรู้สึกหวั่นใจ ใครกันที่หลบอยู่ในความมืด ต้องการจะทำอะไรกันแน่

ในขณะที่เขากำลังคิดฟุ้งซ่าน ฉินหลิวซีก็หยิบพู่กันและหมึกออกมาเขียนใบสั่งยา เมื่อเขาได้สติกลับมาจึงเอ่ย “ภาวะไตพร่องของท่านแม่ทัพต้องอาศัยการปรับน้ำในไตและสารจิงอย่างละเอียด ต้องดื่มยาอย่างน้อยครึ่งปี ช่วงนี้ยังคงต้องทำกิจบนเตียงให้น้อยลง ดื่มกินอาหารรสอ่อน ดื่มสุราให้น้อยลงหรืองดไปเลย นอกจากนี้ยังต้องมาฝังเข็มที่ร้านทุกๆ สิบวัน จะช่วยให้จิตวิญญาณมั่นคงขึ้น”

เมื่อซ่งเยี่ยได้ยินเรื่องไตพร่องหรือกิจบนเตียงหลายครั้งก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้ อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางจริงจังของหมอ เขาจึงไม่อาจเสแสร้งได้

เขารับใบสั่งยามาดู ล้วนเป็นสมุนไพรบำรุงหยินและไต อย่างเช่นตู้จ้ง[1] ลิ่วเว่ยตี้หวง[2]และอื่นๆ จึงเอ่ยว่า “ดื่มยานี้ไปครึ่งปีข้าจะดีขึ้นหรือ”

ฉินหลิวซียิ้มพลางส่ายหน้า เอ่ย “ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปลี่ยนใบสั่งยาตามการฟื้นตัวของร่างกายท่าน ไม่ใช่ว่าต้องดื่มยาเหล่านี้ไปตลอด”

ซ่งเยี่ยเข้าใจ ยื่นไปให้เฉินผี “เช่นนั้นรบกวนน้องชายช่วยจัดยาให้ข้าด้วย”

เฉินผียิ้มพลางเอ่ย “เกรงว่าใต้เท้าจะยังไม่รู้ แม้ว่าร้านของเราจะรับรักษาคนและมีท่านหมอออกใบสั่งยาให้ แต่เรื่องวัตถุดิบยาท่านต้องไปหาซื้อที่ร้านขายวัตถุดิบยาที่อื่น พวกเราไม่มียาจัดเตรียมให้ หากใต้เท้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ก็สามารถไปซื้อยาที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะได้ วัตถุดิบยาที่ร้านนั้นล้วนเป็นของชั้นดี แต่หากเป็นร้านวัตถุดิบยาทั่วไป อย่างเช่นเหรินอันถังก็คุณภาพดีราคาถูกเช่นกันขอรับ”

ซ่งเยี่ยรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ในเมื่อเป็นหมอแต่กลับไม่จ่ายยา ช่างน่าแปลกจริงๆ

แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแต่พับใบสั่งยากะว่าจะไปซื้อยาสักสองฟู่[3]เมื่อผ่านตำหนักอายุวัฒนะตอนขากลับ

“ท่านอาจารย์ ตอนนี้เรื่องของข้าจบไปหนึ่งอย่างแล้ว สามารถขอให้ท่านอาจารย์ช่วยไปตรวจน้องสาวข้าได้หรือไม่ หรือจะให้ข้าพามาที่นี่” ซ่งเยี่ยถามอย่างระมัดระวัง

ฉินหลิวซีจึงเอ่ยตอบว่า “ช่วงนี้ขาของข้าไม่สะดวก หากท่านพามาได้จะดีมาก ข้าได้ยินเฉินผีบอกว่าเดิมทีท่านมาที่นี่ตั้งใจมาหาตาเฒ่ากวนเพื่อสั่งโลงศพใหม่ เพราะหลุมศพหลานชายท่านพังงั้นหรือ”

“เป็นเช่นนั้น” ซ่งเยี่ยเอ่ย “ข้ารู้จักกับตาเฒ่ากวน เขาทำโลงศพได้แข็งแรงวัสดุที่ใช้ก็ทนทาน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะจากไปแล้ว”

เขายกมือขึ้นคารวะความว่างเปล่า

ฉินหลิวซีสงสัยเล็กน้อย “ข้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้จะบอกว่าเขาเป็นหลานชายแท้ๆ ของท่าน แต่เหตุใดจึงเป็นท่านมาสั่งซื้อโลงศพสร้างสุสาน แม้ว่าน้องสาวจะกำลังป่วยอยู่ แล้วสามีนางล่ะ”

ซ่งเยี่ยถอนหายใจ เอ่ย “จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลก ข้าฝันเห็นว่าหลานชายของข้าผู้นั้นบอกข้าว่าหนาวและเปียกไปหมดทั้งตัว จู่ๆ ข้าก็คิดจะไปดูที่หลุมฝังศพของเขา ปรากฏว่าหลุมศพพังทลายแล้วยังมีน้ำเข้าไป น้องสาวข้าก็กำลังป่วยอยู่ เดิมทีก็ค่อนข้างกังวลมากเกินไปอยู่แล้ว ข้าจึงไม่กล้าบอกนาง เกรงว่าอาการป่วยของนางจะหนักขึ้น ส่วนน้องเขยของข้าก็อยู่ข้างกายน้องสาวข้าทั้งวันทั้งคืน เพื่อไม่ให้เขาหลุดปากบอกไปข้าจึงไม่ได้บอก เพียงแต่รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยบอกพวกเขา”

ฉินหลิวซีหรี่ตาลง “เป็นวิญญาณมาบอกในฝัน”

“หรือว่าจะมีปัญหาอะไร” ซ่งเยี่ยรีบถามว่า “ไม่ขอปิดบังท่าน หลานชายข้าผู้นี้อายุน้อยกว่าท่านอาจารย์สองสามปี สนิทกับข้ามากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ข้าสูญเสียบุตรชายติดต่อกันสองคน และไม่มีบุตรมาหลายปี น้องสาวและสามีตกลงกับข้าว่าจะเตรียมให้เด็กคนนี้มาสืบทอดต่อจากข้า สืบทอดกิจการของตระกูล แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไร้วาสนา”

คราวนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงฉินหลิวซี แม้แต่เฉินผียังรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย นี่จะบังเอิญเกินไปหรือไม่

“น้องสาวของท่านยินดีให้บุตรชายสืบทอดต่อจากท่าน นางยังมีบุตรอีกหนึ่งคนหรือ”

ซ่งเยี่ยพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น มิเช่นนั้น หากมีบุตรชายเพียงคนเดียว ข้าจะกล้าให้พวกเขาสองสามีภรรยาไร้คนสืบทอดได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “แปดอักษรเวลาตกฟากของน้องสาวท่าน ท่านแม่ทัพบอกข้าได้หรือไม่”

ซ่งเยี่ยสับสนไปหมด หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นมาทันที เหตุใดจู่ๆ จึงได้ไปเกี่ยวข้องกับแปดตัวอักษรเวลาตกฟากเสียได้

คงไม่ได้จะทำนายดวงชะตาให้น้องสาวของเขาหรอกกระมัง

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าเขาลังเล จึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ให้ก็ได้ ข้าเพียงถามดู พอท่านแม่ทัพพาน้องสาวมาตรวจอาการแล้วค่อยว่ากัน”

ซ่งเยี่ยอึดอัดเล็กน้อย เอ่ยอธิบายว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจให้ แต่แปดอักษรเวลาตกฟาก นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ข้าจึงไม่กล้าบอกสุ่มสี่สุ่มห้า”

“อืม”

เมื่อซ่งเยี่ยเห็นอีกฝ่ายท่าทางไม่ได้ใส่ใจกลับเริ่มกังวล อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเป็นการแก้ตัว เขาจึงพูดพล่ามไปสองสามประโยค นัดเอาไว้ว่าจะกลับมาในวันมะรืนนี้แล้วก่อนจะจากไป

“คุณหนู เรื่องที่เกิดขึ้นกับใต้เท้าซ่งคงไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกกระมัง” เฉินผีถามฉินหลิวซีหลังจากที่เขาไปแล้ว

ฉินหลิวซีเคาะโต๊ะ “ถูกแล้ว ไม่ง่ายเลย เมื่อได้เห็นน้องสาวของเขาแล้วก็จะรู้เอง”

[1] ตู้จ้ง ปลูกทั่วไปในจีน เนื่องจากเปลือกไม้มีฤทธิ์เป็นยา จึงใช้ในตำรับยาจีน

[2] ลิ่วเว่ยตี้หวง ยาจีนโบราณใช้รักษาภาวะขาดหยิน

[3] ฟู่ ยาหนึ่งฟู่เท่ากับยาหนึ่งร้อยกรัม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท