ตอนที่ 344 งูพิษหนึ่งตัวที่นอนอยู่ข้างกาย
ซ่งเยี่ยถูกฉินหลิวซีเกลี้ยกล่อมเอาไว้ได้ ไม่เพียงเกลี้ยกล่อม เขายังเชื่อฟังคำของนาง ให้ความร่วมมือในการรักษาโดยการฝังเข็ม
สองพี่น้องคนหนึ่งอยู่ข้างในคนหนึ่งอยู่ข้างนอก ต่างก็มีปัญหาสุขภาพกันอย่างหนัก สูญเสียบุตรชายทั้งสองไปติดต่อกัน ซ่งเยี่ยยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับเสียน้ำตา
ฉินหลิวซียกเข็มขึ้นมาพลันมองเห็น เอ่ย “ไม่เจ็บถึงขนาดนั้นกระมัง เพียงเข็มปักลงไปเท่านั้น”
ซ่งเยี่ย “ข้าเพียงเศร้าใจกับชะตาชีวิตที่ยากลำบากของพวกเราสองพี่น้อง”
“เจอสามีไม่ดี ข้าเข้าใจ”
“ท่านไม่เข้าใจ” ซ่งเยี่ยเอ่ย “เว่ยไฉโจวเป็นบุตรชายของผู้ที่ข้าคารวะเป็นพี่ใหญ่ เติบโตมาอย่างบริสุทธิ์ เหมือนมารดาของเขา คล้ายกับมารดาของเขา อายุน้อยกว่าน้องสาวข้ากว่าสามปี แม้แต่กระต่ายตัวเดียวเขายังไม่กล้าสังหาร วิ่งเล่นไปทั่วภูเขากับพวกเราสองพี่น้อง คนอย่างนั้นจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“จิตใจของเขาคงจะเปลี่ยน”
ซ่งเยี่ย “…”
ฉินหลิวซีกลอกตาส่งกลับไป “คนเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งเป็นคนที่หูเบา ถูกคนยุแยงไม่กี่ประโยค จิตใจก็บิดเบี้ยวแล้ว”
“เขาจะถูกผู้ใดยุแยงได้ พี่ใหญ่ตายไปแล้ว มารดาของเขาก็ไม่อยู่แล้ว”
“สิ่งนี้ท่านคงต้องเป็นคนสืบด้วยตนเองแล้ว”
ซ่งเยี่ยจ้องมองฉินหลิวซี พูดคุยกับอีกฝ่าย ทำให้คนรู้สึกโกรธจนตายได้จริงๆ
“ดวงวันเกิดของเขาเป็นอย่างไร เอามาให้ข้าดูสักหน่อย”
ยามนี้ซ่งเยี่ยไม่สนใจว่าให้ดวงวันเกิดไปแล้วจะมีอันตรายต่อเว่ยไฉโจวหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะฉินหลิวซีเกลี้ยกล่อมเอาไว้ เขาก็แทบอยากรีบไปฆ่าเจ้าเด็กนั้นทิ้งไปเสีย
ฉินหลิวซีถาม เขาจึงบอกวันเกิดของเว่ยไฉโจวทันที ให้ฉินหลิวซีได้คำนวณ
ทางด้านในห้อง ในที่สุดซ่งหลิ่วก็ฟื้นแล้ว ส่งเสียงเบาๆ “นี่ข้าอยู่ที่ใด”
“ฮูหยิน ท่านฟื้นแล้ว” สาวใช้ใหญ่รีบเข้ามาประคองนาง
ซ่งหลิ่วยังนึกไม่ออกว่าตนเองอยู่ที่ใด เพียงขยับ นางก็ส่งเสียงเอ๋ออกมา จับไปตามร่างกาย เอ่ย “ร่างกายของข้า ไยจึงเบาลงไปมาก ไม่เจ็บปวดแล้ว”
สาวใช้ใหญ่ได้ยินก็ยินดีขึ้นมา “จริงหรือเจ้าคะ”
ซ่งหลิ่วพยักหน้า รู้สึกว่าท้องน้อยเองก็อุ่นขึ้น เอ่ยด้วยความตกใจ “ท้องน้อยก็อุ่น”
เมื่อนางมีระดู ร่างกายของนางก็จะเจ็บปวดอ่อนแอลง ท้องน้อยยิ่งมีอาการเย็นเยียบเจ็บปวด แต่ตอนนี้ราวกับอุ่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก
“ท่านอาจารย์มีความสามารถแท้จริง วิชาการฝังเข็มร้ายกาจยิ่งนัก” สาวใช้ใหญ่เอ่ยด้วยความยินดี
ท่านอาจารย์หรือ
ซ่งหลิ่วชะงัก ความทรงจำค่อยๆ กลับมา ใบหน้าที่เดิมมีสีแดงระเรื่องค่อยๆ ถอดสีลงไป แม้แต่ริมฝีปากยังเริ่มซีดขาวขึ้นมา
นางนึกขึ้นมาได้แล้วว่าที่นี่คือที่ใด นางยังได้ยินอะไรมาบ้าง
สาวใช้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนางจึงรีบนำเสื้อคลุมมาคลุมให้นาง เอ่ยอย่างระมัดระวัง “ฮูหยิน ท่านอาจารย์ผู้นี้มิได้ไร้ชื่อเสียง แต่เป็นผู้มีความสามารถจริงๆ เจ้าค่ะ ร่างกายของท่านมีความเปลี่ยนแปลงตัวท่านเองย่อมรู้ดี ต้องรักษาสุขภาพนะเจ้าคะ”
นางเอ่ย ทั้งกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย กัดฟันพลางเอ่ย “หากท่านเป็นอะไรไป ผู้ใดจะทวงความยุติธรรมให้นายน้อยทั้งสองเล่าเจ้าคะ ตอนที่เกิดเรื่องของขุนนางจ้าวและฮูหยินจ้าวขึ้นมา ตอนนั้นฮูหยินเองก็เคยบอก หากเป็นท่านจะไม่ทำให้คนใกล้ตัวต้องเป็นทุกข์มิใช่หรือเจ้าคะ ท่านต้องเข้มแข็งไว้นะเจ้าคะ”
หมัวหมัวเองก็เอ่ย “ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูหยิน ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ต้องจัดการให้ชัดเจน มิเช่นนั้นนายน้อยทั้งสองก็จากไปอย่างเสียเปล่านะเจ้าคะ”
ซ่งหลิ่วจ้องมองทั้งสอง เห็นดวงตาแฝงความเจ็บปวดพลันรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ เอ่ย “พี่ใหญ่เล่า พวกเราออกไปหาเขา”
เมื่อจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ซ่งหลิ่วก็ถูกประคองให้เดินออกไปจากห้องด้านหลัง ซึ่งมีเพียงผ้าม่านกั้นเอาไว้ทำให้ได้ยินฉินหลิวซีกำลังทำนายดวงวันเกิด
“…ดวงชะตาของเขาอ่อนแอสังหารไปทั่วและมีหมู่ดาวบริวารมากมาย คนที่มีดวงชะตาเยี่ยงนี้เป็นคนหวาดระแวง ร่างกายอ่อนแอพลังสังหารแข็งแกร่ง หมายความว่ากำลังของรื่อกั้น[1]อ่อนแอทว่าพลังของดาวพิฆาตดิถีนั้นแข็งแกร่ง หากมีช่วงเวลาที่เหมาะสม ความชั่วร้ายก็มีอำนาจขึ้นมาได้ แสดงพลังอำนาจของมันออกมาได้เต็มที่ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากไม่มีช่วงเวลาที่เหมาะสมก็ยังดำเนินอยู่ในเส้นทางที่ดี วางเฉย เขายังมีดวงดาวบริวารจำนวนมาก ดวงชะตาที่มีดวงดาวบริวารมาก มักจะดันทุรัง ดื้อดึง หูเบา มีใจเคียดแค้น เดินในเส้นทางผิดได้ง่าย” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ซ่งเยี่ยงุนงง “ข้าไม่เข้าใจ”
ฉินหลิวซี “…”
นางมองไปยังด้านหลังม่าน เอ่ย “สรุปก็คือ เว่ยไฉโจวนิสัยดื้อรั้น มีความเคียดแค้น เข้าใจแล้วหรือไม่ มาดูตำแหน่งจื่อหนี่ว์สี่เสาของเขากัน โอ้”
“ทำไมหรือ”
“ฮูหยินเกิดในฤดูร้อนหรือ”
“โอ้ ท่านรู้ได้เยี่ยงไร นางเกิดในเดือนหก” ซ่งเยี่ยเอ่ยบอกดวงวันเกิดของซ่งหลิ่ว
ฉินหลิวซีคำนวณออกมา เป็นธาตุน้ำกุ่ยจริงๆ ด้วย เอ่ย “ดวงของน้องสาวท่านควบคุมดวงชะตาของเขาผู้นี้ ดาวพิฆาตดิถีถูกควบคุม ควบคุมทายาทของเขา รื่อกั้นอ่อนแอ ดาวเจียะเซียหนักแน่น มีดาวหยินและไม่มีดาวโชคลาภ มีบุตรไม่น้อย ในชีวิตของเขามีสามบุตรชายสองบุตรสาว ในเสาทั้งสี่ปรากฏมะเส็งคู่ นี่คือมีลูกแฝดชายหญิงนี่นา ยังมีในปีนี้อีกด้วย”
พรึบ
ผ้าม่านถูกเปิดขึ้น ซ่งหลิ่วเดินออกมา ดวงตาคู่นั้นแทบทะลุออกมา “ท่านบอกว่าเว่ยไฉโจวมีลูกแฝดชายหญิงอย่างนั้นหรือ”
“ดวงเขาของปรากฏเช่นนั้น”
ซ่งหลิ่วตัวแข็งทื่อ นางนึกขึ้นมาได้ ก่อนที่ชังเอ๋อร์จะป่วย นางได้ยินเว่ยไฉโจวละเมอพร้อมยังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เรียกเจียวเจียวอะไร นางเขย่าตัวเขาปลุกให้ตื่นเอ่ยถามว่าฝันถึงสิ่งใด
ตอนนั้นเขาบอกว่าอย่างไร บอกว่าฝันว่าเรามีลูกแฝดชายหญิง ตั้งชื่อว่าเจียวเจียวเหลียนเหลียน ตอนนี้ฉินหลิวซีบอก ตรงกันแล้ว
ฝันบ้าอะไรกัน คงจะได้แล้วกระมัง
ท้องของซ่งหลิ่วปั่นป่วน ยกมือปิดปาก อยากอาเจียน
ฉินหลิวซีหยิบกระโถนที่อยู่ด้านข้างยื่นไปให้
อึก
ซ่งหลิ่วอาเจียนออกมา
ฉินหลิวซีปิดจมูก
ซ่งหลิ่วอาเจียนจนโล่งแล้ว มองฉินหลิวซีที่กำลังยกมือปิดจมูก ใบหน้าร้อนขึ้นมา “เสียมารยาทแล้ว”
ซ่งเยี่ยเอ่ยถามต่อ “สามบุตรชายสองบุตรสาว ไม่นับชังเอ๋อร์ เช่นนั้น…”
เขาเกี่ยวโยงไปถึงสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ยก่อนหน้านี้ บุตรชายตายไปตั้งแต่ยังเด็กหนึ่งคน และซ่งหลิ่วรวมแล้วก็มีเพียงสองคน สามคนที่เหลือใครเป็นผู้ให้กำเนิดกันเล่า
ซ่งเยี่ยมองไปยังซ่งหลิ่ว “หลายปีมานี้ เจ้าไม่รู้สึกสักนิดเลยหรือ”
นิ้วมือของซ่งหลิ่วสั่นเทา
นิสัยของนางไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ตรงกันข้ามกลับหยาบกระด้าง ยังมักจะหลงๆ ลืมๆ สำหรับเว่ยไฉโจว นางเห็นเป็นสามีและน้องชาย เพราะมิตรภาพตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน เชื่อใจต่อเขาไม่น้อย บวกกับการดูแลเอาใจใส่ของเขา ไหนเลยตนจะไปสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น
ตามที่ฉินหลิวซีกล่าว เช่นนั้นเป็นนางที่ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีคนอื่นตั้งแต่เมื่อใด ไม่สิ คงมีมาตั้งนานแล้ว
บุตรชายคนโตยามนี้อายุสิบหกใกล้สิบเจ็ด เขาเสแสร้งแสดงละคร แสดงมาได้เกือบยี่สิบปีแล้วอย่างนั้นหรือ
ซ่งหลิ่วอยากกรีดร้องระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ แทบไม่อยากเชื่อ
ใครจะคิด ว่าคนที่นอนอยู่ข้างกาย ที่แท้ก็เป็นงูพิษตัวหนึ่ง เขายังปิดบังได้ลึกเพียงนี้ เช่นนั้นยามนอนหลับ เขาเคยคิดจะพุ่งเข้ามากัดตนบ้างหรือไม่
ซ่งหลิ่วไม่กล้าคิด ร่างกายสั่นระริก ทั้งตกใจทั้งโกรธ
“พี่ใหญ่ ข้าจะทำอย่างไรดี” ซ่งหลิ่วไม่อาจตัดสินใจ ความคิดของนางไม่ได้ซับซ้อน ตอนเด็กหวังพึ่งพี่ชาย ต่อมาแต่งงานก็พึ่งสามีและพี่ชาย ตัวนางเองเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ มิน่าเว่ยไฉโจวถึงได้ปิดบังมานานเพียงนี้ เขาและซ่งเยี่ยเลี้ยงซ่งหลิ่วจนไร้ความสามารถแล้ว เลี้ยงจนนางไม่รู้ถึงความชั่วร้ายในจิตใจคน ยิ่งไม่รู้จักสงสัยคาดเดาสิ่งใดมากมาย
คนเช่นนี้ เอ่ยให้น่าฟังคือใสซื่อ เอ่ยไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือโง่
ซ่งหลิ่วเป็นทั้งสองอย่างแล้ว
[1]รื่อกั้น คือหัวใจของเสาทั้งสี่