คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 346 ตำแหน่งล้ำค่ากลายเป็นสุสาน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 346 ตำแหน่งล้ำค่ากลายเป็นสุสาน

ป้ายสลักนามผู้ตายถูกเอาออกไป ยามที่ของด้านล่างปรากฏขึ้น แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับพอดี ยืนอยู่ในพื้นที่ราบเงยหน้าขึ้นก็มองไม่เห็นแสงอาทิตย์แล้ว เข็มทิศในมือฉินหลิวซีที่เดิมดูปกติ ยามนี้หมุนวนไปมา บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกขึ้นมาด้วย

“นี่มันอะไรกัน ไยจู่ๆ จึงเย็นยะเยือกขึ้นมาเช่นนี้” ทหารคนสนิทลูบแขนเบาๆ

ฉินหลิวซียัดเข็มทิศกลับเข้าในถุงผ้า หยิบกิ่งไม้ออกมา เปิดผ้าสีดำขาดๆ นั้นออก

สีหน้าของซ่งเยี่ยไร้สีคนไปนานแล้ว ตอนย้ายสุสานเขาก็อยู่ ตอนที่ปักป้ายยังคงไม่มีอะไร ตอนนี้มันอะไรกันเล่า

เรื่องนี้ไม่ต้องถามฉินหลิวซีก็ได้ เขาเองยังรู้ว่าสุสานมีสิ่งที่ไม่สมควรเพิ่มขึ้นมา เป็นเรื่องน่าขนลุกยิ่งนัก

ให้ตายเถอะ ช่างน่าตกใจยิ่งนัก

ฉินหลิวซีดึงผ้าสีดำออก ยามมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ชะงักงันทันใด ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง “เป็นร่างเด็กทารก”

ผ้าสีดำห่อเอาไว้ เป็นกระดูกของเด็กทารก ถูกซ่งเยี่ยออกแรงกดป้ายสลักชื่อคนตายลงไปอย่างแรง กระดูกที่เดิมถูกทิ้งมานานจึงแตกหักไปบ้าง

ซ่งเยี่ยและทหารคนสนิทตัวแข็งทื่อ สองขาซวนเซ รู้สึกถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกลงไปอีก

ฉินหลิวซีตวัดมือเป็นสัญลักษณ์ หยิบเครื่องรางออกมาสะบัดออกไป จากนั้นดึงผ้าสีดำออกมาจากหลุมเล็กๆ นั้น เปิดออก ใช้กิ่งไม้เขี่ยกระดูกออก มองเห็นกระโหลกศีรษะ เอ่ย “นี่คือร่างของทารก ยังไม่ถึงหนึ่งขวบ”

นางเป็นหมอในลัทธิเต๋า แยกแยะอายุคนจากกระดูกยังทำได้ ร่างทารกนี้อายุไม่ถึงหนึ่งขวบ คงจะตายหลังจากเกิดมาได้ไม่นาน

ซ่งเยี่ยตัวสั่นเทา จ้องมองกระดูกสีขาวเล็กๆ นั่น เสียงคำรามดังออกมาจากลำคอ กัดฟันกรอดเอ่ย “หรือ หรือว่านี่จะเป็น…น้องหลิ่ว”

ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด นางพลิกดูต่อไป มองเห็นว่าในกองกระดูกมียันต์หนึ่งแผ่น ขาดวิ่นแล้ว เกรงว่าคงห่อร่างทารกนี้เอาไว้ ที่ซุกอยู่ในกองกระดูกนั้นยังมีก้อนหินมันวาวหนึ่งก้อน

ดวงตาของฉินหลิวซีแสดงความประหลาดใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน หลับตาลงช้าๆ และลืมตาขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศเปลี่ยนไปแล้ว

เดิมทีนี่คือผืนดินล้ำค่าทางฮวงจุ้ย ซ่อนลมรวมชี่[1] แต่เมื่อดวงอาทิตย์ลาลับ ชี่ที่มองเห็นนี้ เปลี่ยนเป็นพลังหยิน ปกคลุมไปทั่วสุสาน ทำให้อุณหภูมิเย็นลงไม่น้อย

บรรยากาศค่อยๆ อึมครึมไปทั่ว ความมืดเข้าปกคลุม

ฉินหลิวซีเงยหน้า ดวงจันทร์ลอยขึ้น แสงจันทร์จางๆ เริ่มสาดแสง

นางมองไปรอบๆ ส่งเสียงหึเบาๆ ดวงตาปรากฏแววตาสนอกสนใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

ใช้สรรพสิ่งหยินดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ห้าธาตุทำให้พื้นที่ล้ำค่าทางฮวงจุ้ยกลายเป็นพื้นที่พลังหยินชั่วร้าย

“อย่านิ่งอึ้งอยู่เลย ดูบริเวณรอบๆ ว่ามีสิ่งใดแปลกไปหรือไม่ นำออกมาให้ข้าให้หมด รวมทั้งบนต้นไม้ด้วย” ฉินหลิวซีออกคำสั่งกับคนสองคนที่อ้าปากค้าง

หันไปหาสองคนที่มีใบหน้าซีดคล้ำเพราะพลังหยินปกคลุม จึงยื่นเครื่องรางไปให้คนละหนึ่งชิ้น “นำติดตัวเอาไว้”

ทั้งสองรีบรับมา เมื่อได้รับเครื่องราง พลังหยินเยือกเย็นบนร่างกายพลันสลายหายไป มือเท้าก็กลับมาอบอุ่น รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างเสียไม่ได้ นำเครื่องรางเก็บไว้ที่หน้าอก ออกตามหาสิ่งของตามที่ได้รับคำสั่ง

ของทุกชิ้นถูกนำออกมาวางไว้ด้านข้างร่างของทารก ฉินหลิวซีมองทีละชิ้น มีกระจกทองแดงสีเลือดกระดำกระด่าง ยังมีงูสองหัวราวกับมีชีวิตที่ถูกแกะสลักจากไม้หลิวเป็นต้น ทุกอย่างถูกพันด้วยเครื่องรางดึงดูดหยิน พลังหยินเข้มคนจนกลายเป็นความชั่วร้าย

ท้องฟ้ามืดสนิท ลมพัดยอดไม้เสียงดังซอกแซ่ก ไม่รู้เสียงนกฮูกดังมาจากที่ใด ทำให้ซ่งเยี่ยและเหล่าทหารคนสนิทต่างพากันสะดุ้ง ลำคอแห้งผาก

อึมครึมเกินไปแล้ว

“ท่านอาจารย์ หาทั่วแล้ว นี่ นี่ได้แล้วหรือไม่” ซ่งเยี่ยกำเครื่องราง รู้สึกถึงความมั่นคงและอบอุ่นจากด้านใน

ฉินหลิวซีส่งเสียงอืมตอบรับ ให้ทหารคนสนิทหยิบผ้าคลุมออกมาสองผืน ห่อร่างเด็กทารกเอาไว้ จากนั้นใช้อีกแผ่นหยิบสิ่งหยินที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาทั้งหมด จากนั่นนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น สองมือทำสัญลักษณ์ ปากร่ายมนต์คาถาปัดเป่าความชั่วร้าย

“พระราชโองการ ดวงอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออก เราให้เครื่องราง ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย…ราชโองการจากเบื้องบนเร็วไวดั่งกฎหมายและบัญญัตินี้”

ตามคาถาที่ร่ายออกมา ยันต์ห้าสายฟ้าสยบสิ่งชั่วร้ายหนึ่งแผ่นลอยออกไป ชนเข้ากับของหยินเหล่านั้นแล้วมีไฟลุกไหม้ขึ้นมา

ฉินหลิวซีลืมตา เอ่ย “มนต์ดำถูกทำลายแล้ว แต่จะทำให้พื้นที่หายากตรงนี้กลับมาเป็นพื้นที่ล้ำค่าอีกครั้งยังต้องจัดการใหม่อีกรอบ ยามนี้ฟ้ามืดแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่”

ซ่งเยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เอ่ย “เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเล่า”

“ทำลายสุสานบรรพบุรุษคนอื่น เป็นความชั่วร้ายขั้นสูงสุด และสูญสิ้นบุญกุศล เมื่อมนต์ดำถูกทำลาย จะสะท้อนกลับคืน” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็น “นี่เป็นผลกรรม”

เห็นสายตาของนางมองไปยังความว่างเปล่า ราวกับสามารถมองทะลุไปเห็นถึงวิชามารนั้น

และในถ้ำบนหุบเขาของอารามแห่งหนึ่ง นักพรตเต๋าชราคนหนึ่งกำลังบำเพ็ญฌาณพลันจิตใจปั่นป่วน กระอักเลือดออกมาบนพื้น ต่อมาผมสีดำของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวทันใด ผิวหนังเริ่มแห้งเหี่ยว ร่างทั้งร่างราวกับแก่ลงไปอีกสิบปี ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

นักพรตเต๋าตื่นตกใจไม่น้อย ดวงตาสามเหลี่ยมคู่นั้นเผยสายตามาดร้ายออกมา ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “ครั้งนี้เป็นผู้ใดอีกเล่า”

ผู้ใดมาทำลายมนต์ของเขาอีกแล้ว

นักพรตชรายกนิ้วขึ้นมานับคำนวณ ตกใจขึ้นมาทันใด “แย่แล้ว”

เขาไม่คิดว่าเป็นเพราะมนต์ดำสะท้อนกลับทำให้พลังไม่สงบ กุมหน้าอกเดินออกมาจากถ้ำบนเขา เมื่อลงมาจากเขา กลับพบว่าไฟในอารามนั้นส่องสว่าง มีคนมาล้อมรอบอารามไว่

นักพรตชราเห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้เส้นทางเล็กลงเขาไป ตรงดิ่งไปยังบ้านของบุตรสาว

ช่วงนี้เว่ยไฉโจวมักรู้สึกจิตใจไม่สงบ โดยเฉพาะตอนกลางคืน มักฝันถึงบุตรชายที่จากไปตัวเปียกมาเกาะที่แขนของตน ตัวสั่นเทาบอกกับเขาว่าหนาว หนาวมาก อยากให้เขาห่มผ้าให้

อย่างเช่นตอนนี้ เขาเพียงหลับไปได้เพียงชั่วครู่ก็ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าหล่อเหลาสุขุมซีดเซียวไร้สีสัน

“พี่ชาย เป็นอะไรหรือเจ้าคะ” หญิงสาวขยับเข้ามาออดอ้อนราวกับไร้กระดูก

“ข้าฝันถึงฉั่งเอ๋อร์อีกแล้ว” เว่ยไฉโจวเอ่ยพึมพำ

หญิงสาวชะงัก ยู่ริมฝีปากแดง เอ่ยอย่างไม่ปิดบัง “คนตายไปแล้ว ท่านยังคิดถึงเขาทำไมอีก มีพวกเราแม่ลูกไม่กี่คนยังไม่พออีกหรือ”

นางยืดตัวออกไปด้วยความโกรธ

เว่ยไฉโจวเห็นนางโกรธ รีบเข้าไปปลอบโยน เอ่ย “น้องหญิง ในใจข้ามีเพียงพวกเจ้าแม่ลูกเท่านั้น ไยจะไม่พอเล่า เจ้าคลำดูสิ หัวใจข้าบอกเช่นนั้นใช่หรือไม่”

เขาจับมือของนาง หญิงสาวสะบัดมือเขาออก สะอึกสะอื้น “เมื่อไรจะจบสิ้นกันเล่า ข้าเลี้ยงดูพวกเจียวเจียวตัวคนเดียว ไม่เห็นแสงดาวแสงเดือนด้วยซ้ำ”

“ใกล้แล้ว ท่านลุงบอกว่าใกล้แล้วมิใช่หรือ”

“ทำให้ภรรยาผู้นั้นตรอมใจตายก็ยังมีซ่งเยี่ย ข้ารอไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวเอ่ยด้วยความโกรธ “อย่างไรเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด จัดการเลยเป็นอย่างไร”

สีหน้าของเว่ยไฉโจวพลันเปลี่ยน “ซ่งหลิ่วก็ช่างเถิด ซ่งเยี่ยเป็นขุนนางของราชสำนัก ไม่อาจลงมือง่ายๆ ได้ เพียงถูกสืบเจอ ผู้ใหญ่อย่างเรานั้นไม่เป็นไร เด็กๆ คงลำบากแล้ว”

“เช่นนั้นต้องทำอย่างไรเล่า ต้องรอโดยไร้จุดหมายเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือ” หญิงสาวเอ่ยน้อยอกน้อยใจ

เว่ยไฉโจวครุ่นคิด เอ่ย “คงต้องรอท่านลุง วิชาเขาแข็งแกร่งมิใช่หรือ จะต้องมีวิธีสังหารโดยไม่รู้ตัวไม่สามารถสืบได้อย่างแน่นอน”

หญิงสาวเหลือบตามองเขา ส่งเสียงหยัน “ท่านพ่อทำได้แน่นอน แต่ท่านเองไม่ลองคิดดู หากทำแล้วจริงๆ กรรมใดๆ ก็เป็นท่านพ่อที่รับไปคนเดียว”

เว่ยไฉโจวแสดงสีหน้าหม่นหมองขึ้นมา เอ่ย “แน่นอนว่าข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านลุงต้องเป็นอะไรแม้เพียงนิด น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้อะไรจึงต้องทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก”

ความโกรธของหญิงสาวคลายลงเล็กน้อย กำลังอยากเอ่ยบางสิ่ง ประตูพลันมีเสียงเคาะรัวเร็ว สาวใช้รีบเอ่ย “คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ บ้านของเราถูกคนล้อมเอาไว้แล้ว”

[1] ชี่ พลังในร่างกาย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน