Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 998 ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพยากร

ตอนที่ 998 ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพยากร

  ขณะนั้นเกาช้าวฮุ่ยยืนหลบออกมาจากทั้งสี่ทีมที่ตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ บนหลังนั้นแบกของขนาดใหญ่ที่ดูมีน้ำหนักไม่น้อย…ซึ่งก็คือเนื้อเสียบไม้ย่างทั้งหลายที่ยังคงมีควันลอยโขมงและกลิ่นไหม้ลอยออกมา ตรงกันข้ามกับเหล่าทหารทั้งสามร้อยคนที่ยืนเรียงแถวด้วยท่าระเบียบพักทหาร

  เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ชูฮันก็บิดยิ้มมุมปาก  ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปกินข้าวและพักผ่อนกันซะ 

   อะไรน่ะ? เกาช้าวฮุ่ยตะลึง สมองพลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาชูฮัน  ฉันอุดส่าห์เชื่อฟังและทำตามคำสั่งทุกอย่าง แล้วเมื่อกี้จะทำให้ทุกคนกลัวเพื่ออะไร? คนกำลังกินข้าวอยู่ดีๆ แล้วมาขัดจังหวะโดยที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย รู้มั้ยว่าเวลาขัดคนกำลังกินมันน่าโมโหขนาดไหน? 

  ตอนแรกทุกคนคิดว่าศัตรูคงกำลังเข้ามาใกล้เป็นแน่โดยไม่รู้ว่าพวกเขาต้องตั้งรับหรือเป็นฝ่ายบุก มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทุกเมื่อ แต่ชูฮันกลับทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตลกรึไง?

  เมื่อได้เห็นชูฮันที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลยไม่แม้แต่จะชายตามองเกาช้าวฮุ่ยด้วยซ้ำ เกาช้าวฮุ่ยจึงอดไม่ได้นอกจากปล่อยผ่านมันไป  ช่างมันเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ 

  ในเมื่อโวยวายแล้วไม่ได้ผลเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ เห็นได้ชัดว่ารัศมีออร่าของชูฮันที่แผ่ออกมามันน่ากลัวเกินไป เกาช้าวฮุ่ยไม่สามารถต่อกรได้ไหว

  ทหารทั้งสามร้อยคนที่ได้ยินคำพูดของชูฮันก็ต่างนิ่วหน้าและไม่พอใจขึ้นมาหากพวกเขาก็รีบสลัดอารมณ์พวกนั้นทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทยอยนั่งลง คว้าเปิดกระเป๋าเป้ที่หลังมาหยิบอาหารและเริ่มลงมือกิน ไม่นานก็เริ่มมีเสียงพูดคุยและก็ค่อยๆเข้าสู่บรรยากาศครื้นเครง  เพราะพวกเขา…

  ชินแล้ว

  เมื่อครั้งในอดีตที่พวกเขาเข้ารับการฝึกจากหัวหน้าชูฮันเพื่อฝึกฝนให้พวกเขามีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ชูฮันมักจะมาในรูปแบบเช่นนี้และก็เปลี่ยนแปลงในวินาทีสุดท้าย

  ซูเฟิงเหลือบมองชูฮันด้วยความสงสัยที่อัดแน่นในแววตาตอนที่เขาอยู่กับชูฮันก่อนหน้านี้ มันเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ทว่าตอนนี้ชูฮันกลับพูดว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแค่เขาเปลี่ยนใจแล้ว

  ดังนั้นซูเฟิงจึงไม่ถามอะไรให้มากความเพราะในความคิดของเขา การที่ความคิดของชูฮันเปลี่ยนไปแสดงว่ามันต้องมีเหตุผล บนสนามรบซูเฟิงรู้และเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เขาควรทำและไม่ควรทำ

  เมื่อเห็นว่าชูฮันเองก็ตามกลับมาภายในไม่กี่นาทีแสดงว่ามันคงอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ  ชูฮันเดินเข้าไปหาเกาช้าวฮุ่ยและวางมือลงที่ไหล่

   อะไร? เกาช้าวฮุ่ยยังคงยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

  ชูฮันเอื้อมเข้ามาเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ครั้งนี้ ฉันจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากนายจริงๆ 

  เกาช้าวฮุ่ยสบตากับนัยน์ตาสีเหลืองอำพันเผลอแสดงความไม่ไว้ใจออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะตัวเขาถูกชูฮันปั่นหัวมาหลายครั้งแล้ว แม้ตอนนี้สีหน้าของชูฮันจะดูจริงใจและความกลัวในใจเกาช้าวฮุ่ยนั้นมีมากจนกลบทุกอย่างมิด

  ชูฮันไม่สนใจท่าทางของเกาช้าวฮุ่ย เราเดินทางมาจนถึงภูเขานี้และก็อยู่ในนี้มาหลายวันแล้ว และนายก็รวดเร็วกว่าทุกคนในกองทัพของฉันเป็นสิบเท่า 

   คิดจะพูดอะไรกันแน่? เกาช้าวฮุ่ยนิ่วหน้าและสังเกตเห็นถึงความไม่ระวังตัวจากคำพูดของชูฮัน ในที่สุดเขาก็เชื่อว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ! นี้มันบ้าอะไรกัน?

   ไม่จำเป็นต้องถาม ชูฮันไม่อยากจะบอกความจริงให้ใครรู้ ยิ่งคนรู้น้อยมากเท่าไหร่ ความสงสัยที่มู๋เย๋จะจับผิดได้ก็จะน้อยมากเท่านั้น เขารีบออกคำสั่งแก่เกาช้าวฮุ่ย  รีบกลับไปที่ไปที่ค่ายตั้งรบ บอกเหอเฟิงให้เร่งมือขึ้นกว่ากำหนดการเดิม ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการร่วมต่อสู้ของทหารใหม่และทหารผ่านศึก ให้รีบเร่งลงมือจัดการซอมบี้ในภูเขาให้หมดโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงเรื่องรักษาทรัพยากรอะไรทั้งนั้น ความช่วยเหลือที่ค่ายทั้งหลายส่งมาบอกให้ทุกคนสามารถใช้ได้เต็มที่ 

  ค่ายตั้งรบซึ่งเป็นจุดรวมพลของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้องเร่งมือในการกำจัดซอมบี้ภายในภูเขาเพราะชูฮันไม่สามารถรับรองได้ว่ากองทัพลูกผสมลับนั้นจะปรากฏขึ้นมาตอนไหนและก็ไม่รู้ว่าระดับพลังอำนาจที่พวกมันมีในครอบครองนั้นสูงมากขนาดไหน

  ปัญหาครั้งนี้ร้ายแรง…   ตอนนี้พวกเขาคือฝ่ายเสียเปรียบมันมีข้อมูลที่ไม่รู้และตัวแปรมากมายเกินไป ชูฮันรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้อาจจะมีผลลัพธ์แย่ตามมา แต่เขาจะทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น

  ในกรณีนี้ถ้าทหารของเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพลูกผสมลับๆ ผลลัพธ์คือมีแต่ความพ่ายแพ้ แม้เหอเฟิงจะนำกองทัพทหารขนาดใหญ่ตามมาช่วยสนับสนุนมันก็ไม่ทัน แถมยังอันตรายอย่างมากด้วย

   ทำให้สุดฝีมืองั้นเหรอ? เกาช้าวฮุ่ยทวนคำสั่งของชูฮันด้วยความประหลาดใจ

  อย่างที่รู้ว่าชูฮันมักจะเป็นคนตระหนี่ไม่ใช่ต่อทหารของเขาแต่สำหรับการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างมีเหตุผลเพื่อให้เกิดการเสียเปล่าที่น้อยที่สุด ท้ายที่สุดแล้วค่ายเขี้ยวหมาป่ายังไม่ใช่ค่ายที่พัฒนาแล้ว ทรัพยากรนั้นมีค่อนข้างจำกัด ส่วนใหญ่ที่มีก็ได้รับมาจากค่ายร่ำรวยที่ส่งมาสนับสนุน ทว่ามันจะมีแต่หมดลงไปเรื่อยๆเมื่อนำมาใช้  ชูฮันรู้ดีว่าเกาช้าวฮุ่ยกำลังสงสัยหากเขาเพียงแค่ส่งยิ้มเย็นๆ  ฉันเคยบอกเหอเฟิงไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีจนหมดฉันก็ไม่ว่า แต่ต้องจัดการปัญหาซอมบี้ให้ได้หมด! 

  เกาช้าวฮุ่ยพยักหน้า เข้าใจแล้ว 

   หลังจากแก้ไขปัญหาซอมบี้เรียบร้อยให้เหอเฟิงพาทุกคนเดินทางมาหาฉันพร้อมกับทำเครื่องหมายไว้ทุกสถานที่ที่เดินผ่าน ย้ำให้พวกเขาจำรายละเอียดของแต่ละจุดในป่าที่เดินผ่าน  ชูฮันไม่ยอมปล่อยผ่านรายละเอียดย่อย เขาตบมือย้ำลงที่บ่าของเกาช้าวฮุ่ย  รบกวนนายด้วย 

  เกาช้าวฮุ่ยจ้องตากับชูฮันที่ยังคงวางมือบนไหล่เขาอยู่บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันแปลกๆเพราะว่าสงครามครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเกาช้าวฮุ่ยเลย เขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเขี้ยวหมาป่าจะถูกทำลายล้างหรือไม่ แต่ชูฮันกลับทำตัวเหมือนปกติ ทันทีที่มาถึงก็มอบหมายภารกิตกับเกาช้าวฮุ่ยราวกับเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

  เกาช้าวฮุ่ยแม้จะไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ในตอนนี้เท่าไร่นักเพราะเขาเติบโตมาในตระกูลลึกลับที่ซึ่งมีแต่เรื่องของผลประโยชน์และภารกิจของตระกูล หน้าที่ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เขาไม่เคยสัมผัสกับคำว่ามิตรภาพที่แท้จริง

  ไม่นานเกาช้าวฮุ่ยก็จากไปและมันเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามร้อยคนได้มองเห็นความเร็วขนาดนี้ มันรวดเร็วราวกับหายตัวไปได้ ร่างของเกาช้าวฮุ่ยหายวับไปทันทีภายในพริบตาทิ้งไว้แต่เพียงพลังงานรุนแรงที่ถูกปล่อยออกมาในอากาศ แม้แต่ซูเฟิงก็อดอึ้งไม่ได้กับสิ่งที่ได้เห็น

  เขารู้ว่าเกาช้าวฮุ่ยรวดเร็วแต่ไม่คิดว่าจะรวดถึงขนาดนี้ เขาคิดว่าเกาช้าวฮุ่ยน่าจะเป็นพรสวรรค์ที่มีความสามารถพิเศษด้านความเร็วโดยเฉพาะ แต่นี้มันเกินความคาดหมายไปมาก

  คนที่เหลือเองก็ไม่คิดว่าเกาช้าวฮุ่ยจะมีความสามารถมากถึงเพียงนี้เพราะตอนที่ซูเฟิงบอกให้พวกเขารีบเก็บกวาดทุกอย่างและเตรียมพร้อมต่อสู้ เกาช้าวฮุ่ยยังเอาแต่โวยวายและไม่ยอมทำตามคำสั่ง ไม่ยอมยืนเป็นระเบียบแถวเหมือนคนอื่น

  แต่กลับกลายเป็นว่าคนคนนี้มีพละกำลังแกร่งกล้าอย่างไม่น่าเชื่อ!

  ไม่แปลกใจที่ทำไมเกาช้าวฮุ่ยถึงเมินเฉยต่อกฏระเบียบทหารของกองทัพไม่แม้แต่จะทำตัวเคารพใครเลย เอาแต่คอยเกาะติดชูฮันและสร้างความวุ่นวายในบางที

  ไม่แปลกใจที่ชูฮันซึ่งมักจะอยู่คนเดียวเสมอถึงได้พาเกาช้าวฮุยมาอยู่ข้างกายแบบนี้

  เพราะว่าเกาช้าวฮุ่ยมีความจำเป็น!

  ราวสายฟ้าของเกาช้าวฮุ่ย

  เป็นเวลาครู่หนึ่งที่สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่ชูฮันเป็นตาเดียว…คนที่อยู่ข้างกายหัวหน้าชูฮันได้ ไม่มีใครธรรมดาทั้งนั้น

  ��

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท