คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 348 ท่านอาจารย์ ไม่เคยกล่าวเท็จ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 348 ท่านอาจารย์ ไม่เคยกล่าวเท็จ

เมื่อจัดการเรื่องสุสานบรรพบุรุษเรียบร้อย กลุ่มคนจึงรีบกลับเมืองหลี

“ท่านอาจารย์ เว่ยไฉโจวถูกข้าจับตัวมาแล้ว ท่านจะไปดูก็ได้ การตายของฉั่งเอ๋อร์ หากไม่ชัดเจน ข้าคงกังวลอยู่ในใจ” ซ่งเยี่ยเอ่ย

ฉินหลิวซีมองฟ้ายังเช้าอยู่ จึงพยักหน้า

เว่ยไฉโจวถูกจับตัวมายังสถานที่แปลกตา งุนงงไปทั้งร่าง กระทั่งซ่งเยี่ยและซ่งหลิ่วปรากฏตัว เขาจึงตัวแข็งทื่อ

แย่แล้ว

แต่เขากลับเผยสายตาน่าสงสารออกมา “พี่ใหญ่ ภรรยา พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

“ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว เรื่องของเจ้าข้ารู้หมดแล้ว” ซ่งเยี่ยสายตาเย็นชา สะบัดมือ “เอาตัวมา”

เว่ยไฉโจวดวงตาหดเกร็ง น้องหญิงหลานและคู่แฝดชายหญิงมาปรากฏอยู่ตรงหน้า

ญาติผู้น้องเมื่อมองเห็นเขา จึงกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา “พี่ชาย”

เว่ยไฉโจวดวงตาไหววูบ ไม่กล้าตอบรับนาง

ซ่งหลิ่วดันมือสาวใช้ใหญ่ออกไป ก้าวเดินขึ้นมาข้างหน้า ใบหน้าซีดขาว เอ่ยถาม “ทำไมหรือ”

“ภรรยา เจ้าฟังข้าพูดก่อน”

“หวาเอ๋อร์เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเจ้า ไยเจ้าจึงทำได้เด็ดเดี่ยวเพียงนั้น” ซ่งหลิ่วได้เห็นเถ้ากระดูกของบุตรชายคนโตที่แท้จริงแล้ว และได้ฟังที่พี่ใหญ่พูด ตัวสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างจนแทบบ้า

เว่ยไฉโจวเอ่ย “ภรรยา ข้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”

ฉินหลิวซีหาว น่าเบื่อจริงๆ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ซ่งเยี่ยเอ่ย “หวาเอ๋อร์ตายตั้งแต่เพิ่งคลอดออกมา หรือพวกเจ้าทำให้ตาย อีกทั้งฉั่งเอ๋อร์ แกตั้งใจทำให้ตายใช่หรือไม่”

“ไม่ต้องถามแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง เขาก็อยากที่จะเลี่ยงกรรมจากการสังหารนี้ เขารับรู้ทุกอย่าง สนใจแต่หลักคุณธรรมจริยธรรมไม่สนใจความรู้สึกของคนใกล้ชิด มีกรรมติดตัวมานานแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “เขาจะตายโหง ตายอย่างทุกข์ทรมานท้องไส้ทะลุอย่างนั้น”

เว่ยไฉโจวหัวใจกระตุก จ้องมองฉินหลิวซี “เจ้าเป็นใคร ไยเจ้าจึงโหดร้ายเยี่ยงนี้ กล้าเอ่ยสาปแช่งออกมาเช่นนี้เลยหรือ ภรรยา พี่ใหญ่ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ข้าติดตามพวกท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเป็นคนอย่างไรพวกท่านไม่รู้เลยหรือ แม้แต่กระต่ายข้ายังไม่กล้าสังหาร ไหนเลยจะกล้าสังหารผู้ใดได้”

เขาเอ่ยพร้อมน้ำตาร่วงลงมา เอ่ย “ภรรยา ข้ารู้ว่าเจ้าโทษข้า โทษข้าที่ไม่ได้ดูแลฉั่งเอ๋อร์ให้ดี ข้าสมควรตาย ข้าสมควรชดใช้ด้วยความตาย เจ้าสังหารข้าเถิด”

ฉินหลิวซีกลอกตาไปมา “ถุยๆ ปกติเจ้าเติบโตมาเป็นน้ำชาเขียวหรือ” เขียว[1]ได้เพียงนี้

เว่ยไฉโจวไม่ตอบนาง ทำเพียงร้องไห้

“ข้าต้องการเพียงความจริง ทำไมหรือ พวกเราทำผิดอะไรต่อเจ้า” ซ่งหลิ่วเดินขึ้นมา

“ภรรยา” เว่ยไฉโจวเชยดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

ฉินหลิวซียิ้มเย็น นิ้วหัวแม่มือจรดข้อนิ้ว ปากร่ายบทสวด ดีดนิ้วออกไป

“ทำไมน่ะหรือ แน่นอนว่าเพราะซ่งเยี่ยสังหารท่านพ่อของข้า ท่านพ่อเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อข้ารับเอาไว้ พวกเจ้าคงหิวตายไปนานแล้ว ความดีความชอบของเจ้า เดิมก็เป็นของท่านพ่อข้า แต่เจ้ากลับสังหารเขา เอาร่างของท่านพ่อข้าไปสวามิภักดิ์” เว่ยไฉโจวหวาดกลัวอยู่ในใจ เป็นไปได้อย่างไรกัน ปากของเขา

“ความแค้นการสังหารบิดาไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ หากไม่ใช่เพราะท่านลุงตามหาตัวข้าเจอ บอกความจริงกับข้า ข้าก็คงถูกพวกเจ้าปั่นหัวเล่นเป็นคนโง่กระมัง ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลซ่ง ควรต้องคืนมาให้ตระกูลเว่ยของข้า” เว่ยไฉโจวอยากอุดปากไว้ ทว่าถูกซ่งเยี่ยจับข้อมือเอาไว้ จำต้องเอ่ยต่อ “ท่านลุงของข้าออกบวชเป็นนักพรตตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าทำลายสุสานบรรพบุรุษตระกูลซ่ง ตัดรากเหง้าตระกูลซ่ง แน่นอนว่าทุกอย่างก็จะเป็นของตระกูลเว่ยของข้า หวาเอ๋อร์คลอดออกมานั้นยังไม่ตาย เขาตายเพราะหิวต่างหาก ท่านลุงบอกว่าเพื่อสร้างผีที่มีความแค้นฝังเอาไว้ที่สุสาน ยังมีฉั่งเอ๋อร์ ฝีดาษติดมาจากเสื้อผ้าที่ญาติผู้น้องเอามาจากคนป่วย ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ข้าเพียงเอาผ้าห่มออก ปล่อยให้เขาตายไปเพราะมีไข้สูง อย่างไรข้าก็ยังมีบุตรชาย…”

ซ่งหลิ่วส่งเสียงกรีดร้อง คว้ากริชที่เอวของซ่งเยี่ยแทงเข้าไปที่บริเวณเอวของเว่ยไฉโจว แทง กรีด คว้าน

น้องหญิงหลันผู้นั้นกรีดร้องด้วยความตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างกลอกขึ้นเป็นลมสลบไป

ฉินหลิวซียืนอยู่ด้านข้างซ่งเยี่ย ส่งเสียงว้าขึ้นมา “สมกับเป็นลูกหลานมือสังหารหมู คว้านเอวยังง่ายและคล่องแคล่วว่องไวอีกด้วย”

ซ่งเยี่ยมึนงง “!”

ฉินหลิวซีเดินออกมาจากในเรือน ได้ยินเสียงร้องโหยหวนราวกับฆ่าหมูจากด้านใน มุมปากยกรอยยิ้มเย็นขึ้นมา

อยู่ตรงหน้าผลประโยชน์ คนมักจะไม่ทันได้ไตร่ตรอง เพียงทำให้ด้านที่บิดเบี้ยวนั้นออกมาให้ดีที่สุด

จิตใจคนไม่อาจคาดคะเนได้

“ท่านอาจารย์” ซ่งเยี่ยตามออกมา

ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านแม่ทัพซ่ง เป็นเรื่องราวทางโลกแล้ว อีกสิบวันท่านค่อยกลับมาฝังเข็ม ยาของน้องสาวท่านกินไปอีกสี่ชุด ค่อยมาเปลี่ยนใบสั่งยา”

ซ่งเยี่ยได้ยินวาจานี้ ก็รู้ว่านางไม่อยากยุ่งเรื่องทางโลกมากนัก จึงตอบรับอย่างรู้ความ เอ่ย “ขอบคุณท่านอาจารย์ ข้าจะส่งค่าตอบแทนไปที่ร้านของท่านอย่างแน่นอน”

ฉินหลิวซีพยักหน้า เดินออกไปโดยไม่แม้จะหันกลับไปมอง

นางไม่ถามถึงค่าตอบแทนเท่าใด และไม่กลัวซ่งเยี่ยจะหนีหาย เพราะเขารู้ว่าผลที่จะตามมาต้องหนักกว่าตอนนี้แน่นอน

ซ่งเยี่ยมองส่งเขากลับไป เมื่อกลับเข้ามาในเรือนอีกครั้ง เห็นซ่งหลิ่วถือกริชจะแทงอีก สาวเท้ายาวเข้าไปใกล้ จับมือนางเอาไว้ ส่ายศีรษะ “น้องหลิ่ว ไยเจ้าต้องทำให้มือของตนต้องแปดเปื้อนเล่า ลืมคำของท่านอาจารย์แล้วหรือ เขาจะต้องได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน”

ซ่งหลิ่วชะงัก

ซ่งเยี่ยย่อตัวลงมา มองเว่ยไฉโจวพร้อมแสยะยิ้มเย็น “ข้าจะคอยดู เจ้าจะตายโหงอย่างทุกข์ทรมานแบบนั้นจริงหรือไม่”

เว่ยไฉโจวแทบสลบไปด้วยความเจ็บปวด แต่ยังเห็นภาพของตนสะท้อนชัดเจนในดวงตาของพี่ชายภรรยาผู้นี้

ซ่งเยี่ยลุกขึ้นยืน ก้มมองต่ำไปที่เขา สองนิ้วยกขึ้นกล่าวสาบาน “เว่ยไฉโจว บิดาของเจ้าเป็นทุกข์จากโรคตับมานาน ตอนนั้นเขาผอมอย่างไรตัวเจ้ารู้อยู่แก่ใจ เขายอมสละชีวิตของตนด้วยตนเอง ให้ข้านำศพของเขาไปสวามิภักดิ์ สิ่งเดียวที่เขาร้องขอก็คือ ให้น้องหลิ่วแต่งงานกับเจ้า ให้เจ้าได้มีชีวิตสุขสบายและมั่นคงปลอดภัยตลอดไป การตายของเขา ไม่เกี่ยวกับข้าซ่งเยี่ย ข้าสาบานกับสวรรค์ได้ หากข้ากล่าวเท็จแม้เพียงครึ่งประโยค ขอให้ข้าไร้ลูกหลานสืบเชื้อสาย ตายอย่างทุกข์ทรมาน”

“เจ้ามีความผิดสังหารบุตรชาย ข้าเห็นแก่หน้าของพี่ใหญ่ ข้าจะไม่สังหารเจ้า เจ้าจะได้รับผลกรรมด้วยตนเอง เมื่อเจ้าลงไปถึงโลกเบื้องล่าง ถามบิดาของเจ้าให้ดีว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นคนโง่เขลาผู้นั้น”

เขาเอ่ยจบก็จูงมือซ่งหลิ่ว “พวกเราไปกันเถิด” หันไปเอ่ยกับทหารคนสนิท “โยนเขาออกไป”

ดวงตาของเว่ยไฉโจวหดเกร็งเย็นยะเยือก ปล่อยเขาออกไปครั้งนี้ ไม่สิ แล้วแต่เขาจะเป็นจะตายอย่างนั้นหรือ

ตายโหงอย่างทุกข์ทรมาน

ท่านลุง เขาต้องไปขอให้ท่านลุงช่วยชีวิต

เว่ยไฉโจวถูกโยนออกไป นอนราบอยู่กับพื้นราวกับโคลนสกปรก กุมช่วงเอวที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เดินโซเซไปข้างหน้า

ตอนนั้นเอง เขาลืมแม้กระทั่งญาติผู้น้องของเขา ในสมองมีเพียงประโยคน่ากลัวนั้น

ความหวาดกลัวที่สุดต่อความตายไม่ใช่แก่ตาย แต่เป็นการตายโหง ที่น่ากลัวก็คือเจ้ารู้ว่ามันจะมา แต่ไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อใด มาด้วยวิธีการใด

เว่ยไฉโจวต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวนั้น ใช่ว่าเขาไม่เชื่อ เขาเชื่อเป็นอย่างมาก อย่างไรท่านลุงของเขาก็ทำเรื่องเหล่านี้

เขาฝืนทนเดินออกมาจากตรอก ยืนอยู่บนถนนใหญ่ จู่ๆ ร่างกายพลันนิ่งค้าง หันกลับไป

“ท่านพ่อ ข้าหนาว ข้าหนาวมาก กอดข้า” เขาราวกับมองเห็นบุตรชายคนเล็กที่ดูแข็งแรงกำลังอ้าแขนพุ่งตัวเข้ามาหาเขา ตุ่มบนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด น่าหวาดกลัวเป็นที่สุด

เว่ยไฉโจวตกใจล้มลงกับพื้น “ไป ไสหัวไป”

“หลบไป รีบหลบไปสิ ม้าตกใจแล้ว สวรรค์”

เว่ยไฉโจวหันกลับไป ดวงตาเบิกโพลง บางอย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อมาถึงตรงหน้า กีบม้าก็เหยียบลงมาแล้ว

พลัก

เกือกม้าเหยียบลงบนท้องของเขา ลากเอาไส้ออกมา ดึงออกไป

“สวรรค์ คนตายแล้ว”

เว่ยไฉโจวกระอักเลือดออกมาไม่หยุด สมองอื้ออึง มีเพียงประโยคนั้นที่วนอยู่ในหัวเขา “ตายอย่างทุกข์ทรมานท้องไส้ทะลุ”

เมื่อพวกซ่งเยี่ยได้รับข่าวก็รีบไป มองเห็นภาพน่าเวทนาตรงหน้า สันหลังเย็นวาบ

ท่านอาจารย์ปู้ฉิว ไม่เคยกล่าวเท็จ

[1] เขียว ในที่นี่แปลว่าตอแหล ปลิ้นปล้อน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท