คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 359 อาศัยความสามารถของข้า ข้าจะรีดไถเจ้าให้ตาย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 359 อาศัยความสามารถของข้า ข้าจะรีดไถเจ้าให้ตาย

เถ้าแก่จี้อุ้มต้านต้านกลับร้านไปด้วยความซาบซึ้ง บอกเอาไว้ว่าอีกชั่วครู่จะส่งเงินมาให้

ฉินหลิวซีโบกมือ ไม่โกรธทั้งยิ่งไม่ใส่ใจ อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากเถ้าแก่จี้คิดว่าทุกคนเป็นคนคุ้นเคยไม่จำเป็นต้องให้ของเหล่านี้ ต่อไปก็ไม่ต้องคุ้นเคยกันแล้ว

คนทำการค้า หากไม่มีความฉลาดบ้างเช่นนั้นก็ทำการค้าไม่ได้ เถ้าแก่จี้ทำการค้ามากมายมานานเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมรู้วิธีจัดการ รู้ว่าผู้ใดควรเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้

เสียมิตรอย่างฉินหลิวซีเพราะเงินค่ารักษาเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ เขาโง่หรือถึงจะทำอย่างนั้น

กลุ่มคนเข้ามาเร็วออกไปเร็วเช่นกัน มีเพียงพ่อบ้านที่เดิมคิดว่าฉินหลิวซีเป็นนักต้มตุ๋นผู้นั้น มองเห็นทั้งหมดแล้ว สายตาที่มองฉินหลิวซีเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เห็นว่าอายุน้อย ไม่คิดว่าจะรู้วิชาการแพทย์จริงๆ

ดวงตาพ่อบ้านมองสอดส่ายไปมา ก้าวมาหาด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “ผู้นี้…”

“ฉายาทางเต๋าข้าปู้ฉิว” ฉินหลิวซียิ้มเอ่ย “เป็นนักพรตเต๋าในอารามชิงผิง มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ”

“ท่านอาจารย์ปู้ฉิว” พ่อบ้านยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “เมื่อครู่เห็นฝีมือของท่าน วิชาการแพทย์ไม่ธรรมดา ช่วงนี้ร่างกายของข้าไม่ค่อยปกตินัก ไม่รู้ว่า”

“เชิญนั่งเถิด เอาแขนมา” ฉินหลิวซีชี้ไปยังเก้าอี้

พ่อบ้านนั่งลง ยื่นแขนออกไป เห็นนิ้วเรียวสวยสองนิ้วทาบลงกับข้อมือของตน นึกในใจว่ามือนักต้มตุ๋นน้อยช่างสวยงามจริงๆ

ฉินหลิวซีเปลี่ยนมือข้างใหม่อย่างรวดเร็ว เอ่ยกับเขา “แลบลิ้นออกมาดูสักหน่อย”

พ่อบ้านแลบลิ้นออกมา เพียงรอดูว่าอีกฝ่ายจะแต่งเรื่องอะไรออกมา

เขาบอกว่าร่างกายไม่ปกติแน่นอนว่าเป็นข้ออ้าง เพียงอยากทดสอบว่าฉินหลิวซีมีความสามารถมากเพียงใดเท่านั้น

ฉินหลิวซีดึงมือกลับ ให้เขานอนราบไปกับเตียงเล็กๆ ที่วางอยู่ในร้าน

พ่อบ้านไม่เข้าใจ แต่ก็ยังนอนลงไป

ฉินหลิวซีเข้ามา มือกดอยู่บริเวณท้องของเขา “เจ็บหรือไม่”

พ่อบ้านส่ายศีรษะ

ฉินหลิวซีกดไปหลายจุด กระทั่งมาถึงสะดือ ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม พ่อบ้านก็ร้องขึ้นมา “โอ๊ย เจ็บๆๆ”

ไม่รู้ว่านักพรตน้อยผู้นี้กดอะไร เพียงสัมผัสท้องน้อยก็ตึงขึ้นมาอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดลามไปถึงกลางสะดือ ส่วนเอวก็เจ็บขึ้นมา

สายตาของพ่อบ้านที่มองฉินหลิวซีมีความโกรธแฝงอยู่ เขาทำอะไรกับตน

ฉินหลิวซีมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำสิ่งใด ทว่าไม่ใส่ใจ เอ่ยถาม “ช่วงนี้ท่านปัสสาวะฝืด รู้สึกเจ็บด้วยใช่หรือไม่”

พ่อบ้านรีบลุกขึ้นนั่ง รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมา มองไปที่นาง เอ่ยถาม “หมายความอย่างไรหรือ”

“ท่านบอกมาเพียงใช่หรือไม่ใช่ แต่ท่านไม่บอกข้าก็รู้ ไม่เพียงมีความรู้สึกเจ็บ ยังปัสสาวะบ่อย มีสีเหลืองขุ่น” ฉินหลิวซีนั่งกลับลงไปที่โต๊ะ เอ่ย “ข้าเห็นว่าชีพจรของท่านจมลึกเต้นอ่อน ลิ้นมีฝ้า เจ็บบริเวณเอว เกิดความเจ็บมาจากสะดือ นี่เป็นอาการของโรคสือหลิน[1]”

พ่อบ้านงุนงง เอ่ยถาม “ส สือหลิน อะไรนะ”

“หมายความว่า ไตของท่านทั้งสองข้างนี้ มีก้อนหินเล็กๆ เกิดขึ้น” ฉินหลิวซีชี้ไปยังส่วนเอวสองข้าง

พ่อบ้านกระโดดขึ้น “นี่นักพรตน้อย เอ่ยวาจาเหลวไหล คนจะมีก้อนหินเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เจ้าหลอกข้าหรือ”

ฉินหลิวซี “ท่านไม่ใช่ผู้รักษา ยังร่ำเรียนมาน้อยความรู้ไม่กว้างขวาง แน่นอนไม่รู้ ไตควบคุมน้ำ น้ำเกาะตัวเป็นหิน นานวันกลายเป็นกรวดทราย ไตพร่องเนื่องจากความร้อน ความร้อนกลายเป็นหลิน ดังนั้นจึงเรียกว่าสือหลิน เป็นเพราะไตน้ำแข็งตัวเป็นหิน เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ค่อยเข้ามาในช่องปัสสาวะ ยามขับถ่ายขูดกับผนัง จะไม่เจ็บได้หรือ”

พ่อบ้านฟังจนมึนงง พูดภาษาคนได้หรือไม่

เป็นเฉินผีที่ติดตามฉินหลิวซีมาหลายปี ผ่านหูผ่านตามามากจึงฟังเข้าใจแล้ว เขากระแอมไอหนึ่งครั้ง เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เอ่ย “นี่คือนายท่านของข้า เป็นหมอ ทำการรักษาไม่แบ่งแยกชายหญิง

ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ปกติท่านชอบกินอาหารรสจัดกินของเผ็ดร้อน น้ำแกงประเภทถั่วเข้มข้น ดื่มเหล้าเป็นชีวิตแต่ไม่ชอบดื่มน้ำใช่หรือไม่”

พ่อบ้านตกใจ เอ่ยตรงเผงอีกแล้ว

“ของมันของเผ็ดร้อนเค็ม ถั่วเต้าหู้ต่างๆ อีกทั้งน้ำแกงที่ตุ๋นเข้มข้นเป็นเวลานาน ง่ายที่จะทำให้ไตน้ำจับตัวเป็นก้อน ท่านยังไม่ชอบดื่มน้ำ แน่นอนว่าไม่มีทางกำจัดออก เมื่อนานไป แน่นอนว่ากลายเป็นสือหลิน” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านเองไม่ได้ใส่ใจ ในเมื่อมีความรู้สึกเจ็บ คิดว่าน้ำปัสสาวะคงมีเลือดผสมอยู่บ้างแล้ว”

พ่อบ้านหน้าซีดขาว เอ่ย “ไม่ใช่เกิดจากการพร่องไฟถึงเป็นอย่างนี้หรือ”

“ท่านไม่เชื่อ ไปดูเองก็ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยกับเฉินผี “พาเขาไปปัสสาวะข้างหลัง ใช้อ่างใสรองสักหน่อย”

“ขอรับ” เฉินผีนำพ่อบ้านไปด้านหลัง หยิบอ่างสีขาวไปด้วยเพื่อให้เขาปัสสาวะ อธิบายสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ยเมื่อครู่กับเขา อะไรถึงการขูดกับผนัง

อย่าว่า เดิมก็ไม่รู้สึกอะไร ฉินหลิวซีและเฉินผีเอ่ยถึง พ่อบ้านพลันเข้าใจขึ้นมา ยามขับถ่ายจึงสังเกตในสิ่งที่ฉินหลิวซีบอก รู้สึกว่าชีวิตเริ่มยุ่งยากขึ้นมาแล้วจริงๆ

เขาเพียงต้องการทดสอบความสามารถของนักพรตน้อยผู้นั้น ไยจึงทดสอบจนตนเองมีปัญหาขึ้นมาได้เล่า

ความจริงฉินหลิวซีเอ่ยไม่ผิด อาหารที่เขากินล้วนมีรสเผ็ดร้อน เนื้อมันๆ ทั้งชอบดื่มเหล้า ยามดื่มเหล้ามักมีถั่วเหลืองผัดเกลือมาคู่กัน และเขาเป็นพ่อบ้านดูแลบ่าวรับใช้ ออกไปข้างนอกทั้งวันทั้งยังต้องดูแลบ่าวรับใช้ เมื่อยุ่งขึ้นมาก็ไม่มีเวลาดื่มน้ำ

สิ่งเหล่านี้ จนทำให้ต้องป่วยเป็นสือหลินอะไรนั่นอย่างนั้นหรือ

เมื่อพ่อบ้านมายังห้องโถงกลางในร้านอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างพลันเหี่ยวเฉา สายตาที่มองไปยังฉินหลิวซีขลาดกลัวไปแล้ว

ฉินหลิวซีเองก็เหลือบมองน้ำปัสสาวะเล็กน้อย หัวคิ้วไม่ขมวดและไม่มีความรังเกียจ เอ่ย “เป็นดังที่ข้าเอ่ย”

พ่อบ้านเห็นเขาไม่รังเกียจก็หน้าแดงขณะเดียวกันก็รู้สึกนับถือ เอ่ย “เช่นนั้น ท่านอาจารย์ อาการป่วยนี้”

เพราะเชื่อเขาแล้ว แน่นอนจึงเปลี่ยนคำเรียกขาน

“แน่นอนว่าเป็นอาการป่วย ยามนี้ท่านเริ่มขับถ่ายมีเลือดออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีก้อนแข็ง แต่ยังเล็กอยู่เท่านั้น หากไม่ขับออก เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะปัสสาวะออกมา ความเจ็บปวดเช่นนั้นก็คือความเจ็บปวดในตอนนี้ ทว่าไม่อาจลงจากเตียงได้ก็เท่านั้น ยืดตัวไม่ได้ เจ็บจนยืดเอวไม่ได้แล้ว”

พ่อบ้านฟังที่ยกตัวอย่างมา เหงื่อเย็นพลันซึมออกมา “ท่าน ไม่ได้ขู่ข้ากระมัง”

“ต่างก็ว่าอาการป่วยเริ่มจากอาการเล็กๆ น้อยๆ ข้าจะขู่ท่านไปไยเล่า นี่กินไม่ได้สักหน่อย” ฉินหลิวซียิ้มหยัน เอ่ยต่อ “อาการป่วยของท่านนี้มาจากการกินอาหารรสจัด บวกกับเลือดคั่งจากชี่ติดขัด จึงกลายเป็นสือหลิน ท่านดูสิ ก้อนหินเป็นสิ่งมีรูปร่าง สิ่งนี้อยู่ในร่างกายของท่าน ไม่เจ็บก็ต้องเจ็บ ดังนั้นยามขับถ่ายท่านจึงเจ็บแสบ หากก้อนหินใหญ่ขึ้น การไหลเวียนขัดข้อง ถึงตอนนั้นจะยิ่งเจ็บจนยากจะรับไหว กินยารักษา ขับเคลื่อนชี่ ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับหินเหล่านั้นออกมา อาการป่วยก็จะดีขึ้น”

ฉินหลิวซีหยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งก้อนขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมอธิบาย จากนั้นหยิบพู่กันและกระดาษ เขียนใบสั่งยา วัตถุดิบยาที่ออกก็ไม่ได้มีชื่อเสียงราคาแพง ไม่มีอะไรเช่น ไฮกิมซา กิมจี่เช่า โกยไลกิม เชียไจ่จี้ หินลื่น ทงเช่า กำจัดความร้อนและความชื้นเหล่านี้

พ่อบ้านมองก้อนหิน จินตนาการว่าของแบบนี้มาเติบโตอยู่ในร่างกาย เข้ามาในท่อปัสสาวะ ให้ตายสิ เส้นทั้งสองข้างสั่นเจ็บขึ้นมาทันใด

ฉินหลิวซียื่นใบสั่งยาให้เขา “ร้านสมุนไพรร้านใดก็จ่ายยาได้ เป็นประโยชน์แก่ท่าน ค่าตรวจสิบตำลึง”

พ่อบ้าน “!”

ฉินหลิวซียกใบสั่งยาขึ้น อยากทดสอบความสามารถข้า ข้าจะรีดไถเจ้าให้ตายเลย

[1] โรคสือหลิน เป็นโรคในกลุ่มอาการทางเดินปัสสาวะแสบขัด แพทย์แผนจีนจำแนกกลุ่มเป็นการรักษา เป็นดังนี้ เร่อหลิน สือหลิน เสวี่ยหลิน ชี่หลิน เกาหลิน และเหลาหลิน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท