คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 380 เอาคืน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 380 เอาคืน?

เมื่อเห็นฉินหลิวซีและซือเหลิ่งเย่ว์ปรากฏตัว สยงเอ้อร์เกือบคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน เมื่อขยี้ตาดู ปรากฏว่าไม่ใช่ภาพหลอน พวกนางยังโบกมือทักทายเขาอีกด้วย

สยงเอ้อร์มองไปยังจิ่งเสี่ยวซื่อ เอ่ยขึ้นมาก่อนที่เขาจะโกรธ “เสี่ยวซื่อ พวกนางมาที่นี่ก่อนนะ”

บอกได้ว่าไม่ได้ตามพวกเขามา เพราะพวกนางมาถึงก่อน

จิ่งเสี่ยวซื่อจ้องเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี สายตาที่มองไปยังฉินหลิวซีและซือเหลิ่งเย่ว์ยังมีความระมัดระวัง แต่ก็มีความละอายเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายได้มีการวางแผนมาก่อน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ?

เมื่ออูหยางเห็นว่าพวกเขารู้จักกัน จึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พวกท่านรู้จักกันหรือ”

“ระหว่างทางที่มาที่นี่ได้ติดรถไปกับพวกเขาอยู่พักหนึ่ง” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยอธิบาย

อูหยางเข้าใจแล้ว มองไปยังจิ่งเสี่ยวซื่อและคนอื่นๆ แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกท่านพลาดแล้ว หากตอนนั้นให้สหายเต๋าฉินรักษาให้ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่แล้ว”

จิ่งเสี่ยวซื่อลมหายใจติดขัดเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มแดงขึ้น

เขานึกถึงสิ่งที่ฉินหลิวซีบอกว่านางพอมีความรู้วิชาแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง สามารถช่วยจับชีพจรให้เขาได้ แต่ตัวเองคิดว่าอีกฝ่ายมีเจตนาจะเข้าใกล้ จึงหลีกเลี่ยงราวกับเห็นเป็นตัวกาลกิณี

สยงเอ้อร์อุทานด้วยความประหลาดใจใจ “ที่ท่านหัวหน้าเผ่าบอกว่าจะเชิญผู้มีฝีมือมาช่วยรักษาให้เสี่ยวซื่อ ก็คือแม่นางฉินผู้นี้หรือขอรับ”

คงไม่ใช่หรอกกระมัง นางพึ่งจะอายุเท่าไหร่เอง คงจะพึ่งถึงวัยปักปิ่นกระมัง แต่อูหยางกลับนับถือนางเป็นอย่างมาก ซ้ำยังบอกว่าวิชาแพทย์ของนางเหนือกว่าเขา

อูหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว แม้ว่าสหายเต๋าฉินจะอายุน้อย แต่ทักษะวิชาแพทย์ล้ำเลิศ มีนางช่วยรักษา การกำจัดพิษแมลงของคุณชายจะได้ผลดีอย่างแน่นอน”

“สหายเต๋า?” จิ่งเสี่ยวซื่อสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

อูหยางเอ่ย “สหายเต๋าฉินเป็นนักพรตหญิงอารามชิงผิงในเมืองหลีที่หนิงโจว เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ชื่อหยวน เชี่ยวชาญวิชาทั้งห้าของลัทธิเต๋า โดดเด่นเป็นอย่างมาก”

จิ่งเสี่ยวซื่อยิ่งรู้สึกละอายกว่าเดิม อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ใช่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ซ้ำยังเป็นนักพรตหญิง ผู้ที่ออกบวชฝึกบำเพ็ญ

ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านยอข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้ดีอย่างที่ท่านกล่าวเช่นนั้น” จากนั้นนางก็มองไปยังจิ่งเสี่ยวซื่อแล้วเอ่ยว่า “ข้าบอกแล้วว่าพวกเราจะได้พบกันอีก คราวนี้คุณชายจิ่งคงไม่คิดว่าพวกเราตั้งใจตามท่านแล้วกระมัง”

ใบหน้าจิ่งเสี่ยวซื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม รู้สึกอายใจ

สยงเอ้อร์รีบก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นประสานแล้วกล่าวว่า “แม่นางฉิน ไม่ใช่สิ สหายเต๋าฉิน หรือว่าท่านนักพรต?”

“ก็แค่คำเรียก อยากเรียกอะไรก็เรียกเถิด”

สยงเอ้อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าเรียกแม่นางฉินดีกว่า ท่านเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง อย่าได้ถือสาน้องชายของข้าผู้นี้เลย โรคของเขาเกิดจากการถูกสตรีทำร้าย ดังนั้นจึงได้มีความระมัดระวังต่อสตรี เขาเป็นคนที่เจ็บแล้วจำฝังใจ”

“ถึงกระนั้นก็ไม่ควรตัดสินผู้อื่นเหมือนกันหมด การระมัดระวังและป้องกันตัวนั้นเป็นเรื่องดี แต่การปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนเป็นคนไม่ดีอยู่เสมอ ในภายภาคหน้าเพราะความหวาดระแวงเช่นนี้จะสร้างความเข้าใจผิดมากมายให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย” ฉินหลิวซีเอ่ย

สีหน้าของจิ่งเสี่ยวซื่อเปลี่ยนไป ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นประสานแล้วจึงเอ่ย “ข้าต้องขอโทษด้วย”

ฉินหลิวซีมองดูสีหน้าของเขา แล้วจึงเอ่ย “ถูกพิษแมลงหรือ”

อูหยางรีบบอกเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองวินิจฉัยไว้

ฉินหลิวซีให้จิ่งเสี่ยวซื่อนั่งลงแล้วให้เขายื่นข้อมือออกมา

จิ่งเสี่ยวซื่อลังเล สยงเอ้อร์จึงกดมือของเขาลงบนโต๊ะ

ศักดิ์ศรีหรือจะสำคัญเท่าชีวิต

ฉินหลิวซีวางสองนิ้วลงบนข้อมือเขา ตรวจชีพจรอย่างละเอียด หลังจากเงียบไปนานก็เอ่ยขึ้น “ชีพจรอ่อนแรง การเคลื่อนไหวของพลังชี่ไม่ลื่นไหล ปากแห้ง ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับใช่หรือไม่”

จิ่งเสี่ยวซื่อเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้า

ฉินหลิวซีเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของเขา ทำเอาเขาเอนตัวไปข้างหลังด้วยความตกใจ “ท่านทำอะไร”

“หมอยึดหลักการมอง ดม ถาม สัมผัส โปรดอย่าทำหน้าเหมือนข้าอยากจะรังแกท่าน”

จิ่งเสี่ยวซื่อ “…”

มือของฉินหลิวซีกดลงที่หน้าท้องของเขา “เจ็บหรือไม่”

จิ่งเสี่ยวซื่อส่ายหน้า ในใจสงสัยว่านางเป็นหมอจริงๆ หรือ แม้แต่หัวหน้าเผ่าอูหยางก็ยังไม่ทำเช่นนี้

กระทั่งฉินหลิวซีกดลงที่บริเวณลำไส้ส่วนล่าง กดไปยังจุดฝังเข็มจุดหนึ่ง เขาร้องออกมาเบาๆ จากนั้นก็ผายลมออกมา

จิ่งเสี่ยวซื่อ “!”

มีใครเห็นหรือไม่ เขาอยากตาย

สยงเอ้อร์ร้องอุทานพลางเอามือปิดจมูก ถอยหลังไปสองสามก้าว เอ่ยด้วยความรังเกียจ “จิ่งเสี่ยวซื่อ เจ้าไปกินของเน่าอะไรมา!”

สีหน้าของจิ่งเสี่ยวซื่อดูสิ้นหวัง

“ไม่ได้ขับถ่ายมากี่วันแล้ว” ฉินหลิวซีสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

จิ่งเสี่ยวซื่อใบหน้าแดงก่ำ ตอบพึมพำ “ห้าวัน”

ฉินหลิวซีดึงมือกลับคืน ใช้เข็มเงินเจาะเลือดมาหนึ่งหยด วางไว้ที่ปลายนิ้วแล้วสัมผัสดู จากนั้นเอาไว้ที่ปลายจมูกเพื่อดมกลิ่น เลือดมีกลิ่นเหม็นคาวราวกับผสมกับกลิ่นซากแมลงเน่า

“หัวหน้าเผ่าคิดว่าแมลงพิษตายแล้วหรือไม่” ฉินหลิวซีถามอูหยาง

อูหยางวางแมลงยาไว้ตรงหน้านาง เอ่ยตอบ “แมลงยาไม่มีปฏิกิริยา คิดว่าคงจะตายแล้ว แต่แมลงพิษถูกขับออกแล้วหรือไม่ ยากที่จะรู้ได้”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “หากแมลงพิษเหล่านั้นตายในหลอดเลือดก็จะขับออกมาได้ยาก เดิมทีแมลงพิษก็ถูกหล่อเลี้ยงด้วยยาพิษต่างๆ เมื่อเข้าสู่อวัยวะภายในผ่านทางเลือด พิษก็จะสะสมทีละน้อย แม้ว่าแมลงพิษจะตายแล้ว แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้อย่างรุนแรง ทำให้อวัยวะภายในเสื่อมถอยลง โอกาสรอดก็ลดลง”

“เป็นอย่างที่ท่านเอ่ย”

“ข้าเห็นว่าพลังชี่ของเขาเคลื่อนไหวไม่ลื่นไหล ในลำไส้มีลม ท้องอืด แน่นท้อง ทำให้ขับถ่ายลำบาก และยิ่งทำให้ขับสารพิษออกได้ยาก เกรงว่าเมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน ไม่เพียงแต่จะขับพิษออกมาไม่ได้ แต่เขาจะเสียชีวิตเพราะการอุดตันของลำไส้ใหญ่เสียก่อน”

ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ที่ว่าอุดตันนั้นค่อนข้างร้ายแรง ควรจะจัดการให้ถ่ายท้อง ความเห็นของข้าคือใช้ยาในการระบายพิษ ให้ออกมาให้หมด?”

อูหยางยิ้มพลางเอ่ย “ข้าก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่ทักษะการฝังเข็มของข้านั้นอยู่ในระดับทั่วไป ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาสหายเต๋าฉิน ฝังเข็มเปิดเส้นลมปราณ เปลี่ยนถ่ายเลือดกำจัดพิษ และส่วนยาสามารถใช้ชาดแดง ไฉหู[1] หลงเจวี๋ย[2] หู่พั่ว[3] หนิวหวง[4]…”

“พิษแมลงเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องใช้ยาพิเศษ” ฉินหลิวซีมองจิ่งเสี่ยวซื่อพลางยิ้มด้วยใบหน้านิ่ง “เพียงแต่เกรงว่าคุณชายจิ่งจะรับไม่ได้”

เมื่อจิ่งเสี่ยวซื่อเห็นสายตาเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“การรักษามีอะไรที่รับไม่ได้ด้วยหรือ ขอแค่ได้ผลก็พอ ต่อให้เป็นยาพิษ ข้าก็จะกรอกใส่ปากเขา แม่นางฉินกับท่านหัวหน้าเผ่าเขียนใบสั่งยามาได้เลย” สยงเอ้อร์ตัดสินใจเอง

ฉินหลิวซีจึงหันไปมองอูหยาง เอ่ยว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า เพิ่มระดูแมวดำ หมาดำ และลาดำไปด้วย แล้วเสริมด้วยยาปลุกเสกหนึ่งอย่าง จะช่วยขับแมลงพิษเหล่านั้นออกมา”

อูหยางดวงตาเป็นประกาย “ข้านึกไม่ถึงเลยจริงๆ”

“บังเอิญเสียจริง เมื่อครู่ตอนที่ข้าอ่านตำราลับกับเสี่ยวเย่ว์ ข้าบังเอิญเห็นพ่อมดใช้วิธีนี้ในการกำจัดแมลงพิษ ซ้ำยังมีชีวิตอยู่”

จิ่งเสี่ยวซื่อตัวสั่นเทา เป็นวิธีที่พึ่งอ่านพบเมื่อครู่นี้ และเดิมทีอูหยางก็ไม่ได้จะใช้วิธีนี้ ยาต้มที่ทำมาจากระดูอะไรนั่น เพียงแค่คิดก็ทำเอาเขาท้องไส้ปั่นป่วน

แหวะ

เขามองไปยังฉินหลิวซี อยากจะเห็นสายตาที่แฝงไว้ด้วยความอยากเอาคืนของอีกฝ่าย แต่กลับไม่มี นางสีหน้าจริงจังมากจนดูเหมือนกำลังบอกว่า ‘หนุ่มน้อย เจ้าช่างโชคดีจริงๆ!’

“ไม่ควรรอช้า หัวหน้าเผ่าไปเตรียมยาต้มเถิด จากนั้นก็หาสถานที่ ข้าจะฝังเข็มให้เขา” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

จิ่งเสี่ยวซื่อสีหน้าซีด มองไปยังสยงเอ้อร์

เมื่อสยงเอ้อร์เห็นท่าทางอ่อนแอและน่าสงสารของเขาก็ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วเอ่ยปลอบโยน “พวกเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรักษาได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดเจ้าก็ต้องอดทน เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”

ใครบ้างไม่อยากมีชีวิตอยู่

[1] ไฉหู บำรุงตับ ปรับสมดุลหยาง ขับพิษร้อน

[2] หลงเจวี๋ย เป็นพืชในสกุลเฟิร์น

[3] หูพั่ว คืออำพัน เป็นซากดึกดำบรรพ์ของยางไม้

[4] หนิวหวง เป็นนิ่วแห้งของวัวที่ใช้ในสมุนไพรจีน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท