คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 381 ฆ่าข้าไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเจ็บแสบ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 381 ฆ่าข้าไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเจ็บแสบ

เพื่อทำการฝังเข็ม จะต้องถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อด้านในและกางเกง จิ่งเสี่ยวซื่อเขินจนหน้าแดง หันไปมองที่ฉินหลิวซีกำลังจิบชาแล้วเหลือบมองมาอย่างไม่สนใจความเขินอายของเขาเลย

สยงเอ้อร์อดไม่ไหวจึงลงมือเอง เอ่ยต่อว่า “เก้ๆ กังๆ อยู่นั่นแหละ ทำราวกับเป็นสตรี”

จิ่งเสี่ยวซื่อไม่ได้ตัวใหญ่เท่าเขา ผ่านไปไม่นานก็ถูกเขาถอดเสื้อผ้าออก ซ้ำยังถูกผลักขึ้นไปบนเตียง

จากนั้นสยงเอ้อร์ก็มองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ต้องถอดเสื้อด้านในออกด้วยหรือไม่ขอรับ”

“เท่านี้ก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีวางถ้วยชาลง นางมีเข็มเงินอยู่แล้ว ส่วนสิ่งอื่นที่เหลือก็ใช้ของท่านหัวหน้าเผ่าได้

นางทำความสะอาดมือ ใช้ผ้าซับให้แห้ง ให้สยงเอ้อร์ถืออ่างรออยู่ด้านข้าง จากนั้นก็หยิบขวดยาออกมาจากถุงผ้า เทยาเม็ดสีแดงออกมาแล้วป้อนจิ่งเสี่ยวซื่อ

จิ่งเสี่ยวซื่อ “นี่คือ?”

“ไม่ตายหรอก จะช่วยล้างพิษและทำให้ชี่[1]เคลื่อนไหวได้สะดวก” ฉินหลิวซียัดใส่ปากเขา

เม็ดยาไหลลงคอ เอ่ยได้ว่ายังไม่ทันได้ขัดขืน เม็ดยาก็ละลายแล้ว

หากเป็นยาพิษ เขาก็คงตายไปแล้ว

จิ่งเสี่ยวซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ฉินหลิวซีกลับไม่ได้สนใจเขา เปิดกระเป๋าเข็มออก

นางหาจุดฝังเข็มก่อน เมื่อเห็นว่าจิ่งเสี่ยวซื่อเกร็งไปทั้งตัว จึงเอ่ยว่า “ผ่อนคลาย เพียงแค่การฝังเข็มเท่านั้นไม่ต้องเกร็ง”

จิ่งเสี่ยวซื่อก็อยากจะผ่อนคลาย แต่โรคที่เขาเป็นอยู่นั้นเกิดจากฝีมือโหดร้ายของแม่เลี้ยงเขา ดังนั้นเขาจึงมีการต่อต้านและป้องกันตัวต่อสตรีโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะสาวงาม ในใจมักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีแผนร้าย

เขาหลับตาลง พยายามละสายตาจากฉินหลิวซีเพื่อจะได้ผ่อนคลายลง แต่ยิ่งพยายามไม่ใส่ใจมากเท่าใด เมื่อได้กลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ จากการที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็ยิ่งเพิกเฉยได้ยากขึ้นเท่านั้น

จิ่งเสี่ยวซื่อกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงสวดบทพระสูตรก็ดังขึ้นข้างหูของเขา เป็นเสียงเรียบง่ายราวกับดังมาจากสวรรค์ ก้องอยู่ข้างหู เขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“คุณชายจิ่ง ข้าจะฝังเข็มให้ท่านแล้ว จะเจ็บอยู่สักหน่อย เพียงผ่อนคลายก็พอ” ก่อนที่ฉินหลิวซีจะเอ่ยจบ เข็มในมือได้แทงลงไปที่จุดไป่ฮุ่ยของเขาเรียบร้อยแล้ว

จิ่งเสี่ยวซื่อ “?”

เมื่อครู่นางเอ่ยอะไรนะ

เขารู้สึกว่าเสื้อของเขาถูกเปิดออก นิ้วอุ่นของฉินหลิวซีแตะที่หน้าอกของเขา จากนั้นเข็มก็แทงเข้าไปที่จุดเสินฉัง

ไม่รู้สึกเจ็บเลย

จิ่งเสี่ยวซื่อผ่อนคลายลงได้แล้ว

สยงเอ้อร์ที่จ้องดูอยู่ข้างๆ มาตลอดมองไปยังมือของฉินหลิวซี ยังไม่ทันเห็นว่านางแทงเข็มลงไปอย่างไร เข็มก็ได้ฝังลงไปบนจุดฝังเข็มบนร่างกายของเสี่ยวซื่อ รวดเร็วเกินไปแล้ว

เดิมทีเขายังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นฉินหลิวซีลงเข็มอย่างมั่นคงและรวดเร็ว ความสงสัยก็หายไปพลันถูกทดแทนด้วยความประหลาดใจ อายุน้อยเช่นนี้แต่กลับฝังเข็มได้อย่างมั่นคงและแม่นยำ หรือว่าเมื่อเริ่มเรียนตำราก็เรียนรู้วิชาแพทย์เลยงั้นหรือ

ฉินหลิวซีไม่รู้ถึงความคิดของสยงเอ้อร์ นางแทงเข็มที่จุดเหลียงเหมิน ซย่าหวั่น สุ่ยเฟิ่น ต้าเหิง และจุดอื่นๆ หมุนเข็มเบาๆ ดึงขึ้นมาแล้วแทงลงไปอีกครั้ง

จิ่งเสี่ยวซื่อร้องครวญคราง เขาเริ่มรู้สึกเจ็บแล้ว

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจ ฝังเข็มลงบนจุดเซินเหมิน ชวีเฉวียน และจุดซานหยินเจียวต่อ และเข็มสุดท้ายฝังลงไปที่จุดชี่ไห่

การฝังเข็มในแต่ละจุด นางจะหมุนที่ปลายเข็มเบาๆ เมื่อเข็มทั้งหมดปักลงไปแล้ว จิ่งเสี่ยวซื่อก็ตัวสั่นเทาเล็กน้อย

“แม่นางฉิน ไยเข็มจึงขยับเองได้หรือ” สยงเอ้อร์เอ่ยถาม

ฉินหลิวซีตอบ “ร่างกายของเขาป่วยเป็นโรคแทรกซ้อนเรื้อรังเนื่องจากการสะสมของพิษแมลง ดังนั้นเขาจึงมีอาการท้องอืด ลำไส้อุดตัน ส่งผลให้ไม่สามารถขับถ่ายได้ การฝังเข็มให้เขาในตอนนี้เป็นวิธีที่ช่วยปรับและระบาย ชะล้างสิ่งสกปรกแล้วค่อยบำรุงชี่ ปรับสมดุลหยินหยาง และกระตุ้นเส้นลมปราณให้ไหลลื่น”

สยงเอ้อร์ยิ้มเจื่อนๆ “ที่ท่านกล่าวมาข้าไม่เข้าใจแม้แต่นิด”

จิ่งเสี่ยวซื่อรู้สึกถึงลมปราณที่ไหลจากฝ่าเท้าไปยังแขนขา จากนั้นก็ขึ้นไปยังศีรษะ แล้วกลับลงมาอีกครั้ง รู้สึกชาวูบวาบ ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหลิวซี เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปมอง

ฉินหลิวซีเอ่ย “ฟังเข้าใจหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แค่เป็นเรื่องดีก็พอแล้ว”

นางเหลือบมองจิ่งเสี่ยวซื่อ เอ่ยด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ “อย่างไรเสียต่อไปก็ไม่ต้องตายเพราะอึอุดตันลำไส้แล้ว”

จิ่งเสี่ยวซื่อหลับตา จะฆ่าข้าก็ทำอย่างเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเจ็บแสบเช่นนี้

สยงเอ้อร์อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นฉินหลิวซีถอยหลังสองสามก้าวและเอามือปิดจมูก จึงชะงักไปครู่หนึ่ง

ปรู๊ด

สยงเอ้อร์ “!”

เขารีบกระโดดหนีออกไปสองสามก้าว เอ่ยเสียงดังลั่น “เหม็นมาก จิ่งเสี่ยวซื่อ เจ้าจะผายลมก็ไม่บอกกันก่อนล่วงหน้าสักหน่อย”

จิ่งเสี่ยวซื่อที่ใบหน้าแดงก่ำ ‘ข้าหลับไปแล้ว ไม่รู้อะไรทั้งนั้น’

หลังจากทิ้งเข็มไว้หนึ่งเค่อ ฉินหลิวซีก็ดึงเข็มออก สยงเอ้อร์ถืออ่างรออยู่ด้านข้าง

สยงเอ้อร์ไม่เข้าใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจแล้ว

ทันทีที่ดึงเข็มออก จิ่งเสี่ยวซื่อก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน มีบางอย่างดันขึ้นมา ทำให้เขาอยากจะอาเจียน

ฉินหลิวซีผลักสยงเอ้อร์เข้าไป “เขาจะอ้วกแล้ว”

พรวด

จิ่งเสี่ยวซื่อหันศีรษะมาแล้วอาเจียนเลือดสีดำลงไปในอ่าง รอบแรกยังไม่ทันเสร็จดี ก็พุ่งออกมาอีก

สยงเอ้อร์ตกใจจนมือที่ถืออ่างสั่นไหว มองฉินหลิวซี “แม่นางฉิน เขาเป็นอะไรหรือ”

“เลือดเช่นนี้ อ้วกออกมาแล้วจะดีขึ้น” ฉินหลิวซีมองดูเลือดสีเข้มหนืดในอ่าง เอ่ย “ไม่ต้องกังวล อ้วกออกมาเดี๋ยวก็หมดแล้ว”

สยงเอ้อร์ “…”

ตามที่คาดไว้ จิ่งเสี่ยวซื่ออาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายครั้งจนหมด มีร่องรอยเลือดเหนียวๆ ติดที่มุมปาก เขารู้สึกอ่อนแรง แต่ที่น่าแปลกก็คือร่างกายของเขาไม่ได้หนักอึ้งเช่นนั้นแล้ว เขารู้สึกไปเองหรือ

เขาลุกขึ้นนั่ง สัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกเบาลงมากจริงๆ

เขามองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หัวหน้าเผ่าก็มาพร้อมกับชามยาต้มอุ่นๆ

“แม่เจ้า นี่มันอะไรกัน ทั้งคาวทั้งเหม็น” สยงเอ้อร์เหลือบมอง สีหน้าซีดทันที ปิดจมูกแล้วเดินหนี

ยาต้มในชามขนาดใหญ่มีสีดำสนิท กลิ่นคาวฟุ้งออกมาอย่างรุนแรง

จิ่งเสียวซื่อนึกถึงที่ฉินหลิวซีบอกว่าเป็นระดูสัตว์เหล่านั้น เดิมทีสีหน้าก็ซีดเซียวอยู่แล้ว ยิ่งซีดลงไปกว่าเดิม ไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะอาเจียนออกมาอีกรอบ

อูหยางยื่นมาให้ “คุณชายจิ่ง ยาดีมีรสขมเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรค เพียงแค่ดื่มแล้วปลดปล่อยออกมาก็พอ”

จิ่งเสี่ยวซื่อมือสั่น

สยงเอ้อร์เห็นดังนั้นก็รับยาต้มมา ก้าวไปข้างหน้า “พี่จะกรอกปากเจ้าเอง”

“ไม่ต้อง” จิ่งเสี่ยวซื่อจับมือเขา หลับตาแล้วกระดกลงคอ

รสชาติที่ทั้งคาว เหม็น และขมได้ผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะ จิ่งเสี่ยวซื่อสาบานว่าจากนี้ไปเขาจะไม่ขอลิ้มรสชาตินี้อีก

หลังจากดื่มหมดชามแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายจนไอออกมา รวมถึงอยากจะอาเจียน ทั้งยังมีน้ำมูกน้ำตาไหลออกมาด้วย

เมื่อสยงเอ้อร์เห็นท่าทางน่าสงสารของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ ตบไหล่เขาเบาๆ “ผ่านด่านนี้ไปได้ก็ดีขึ้นแล้ว”

ก่อนที่จิ่งเสี่ยวซื่อจะเอ่ยอะไร ท้องไส้ของเขาก็ปั่นป่วนและปวดบิด ราวกับมีบางอย่างวิ่งไปที่ทวารหนักของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที รีบกระโดดลงจากเตียง แต่เกือบสะดุดล้มเพราะขาที่อ่อนแรง

“เกิดอะไรขึ้น”

ฉินหลิวซียิ้ม เอ่ยว่า “พยุงเขาไปด้านหลังเถิด”

จิ่งเสี่ยวซื่อเอามือปิดก้น เอ่ยเสียงเบาว่า “เร็วเข้า”

สยงเอ้อร์กึ่งพยุงกึ่งลากพาเขาไปทางด้านหลัง ที่นั่นมีถังชำระที่เตรียมไว้นานแล้ว

จิ่งเสียวซื่อแทบรอปลดกางเกงออกไม่ไหว ออกแรงกลั้นจนใบหน้าแดง พรวด แพร่ดดด

สยงเอ้อร์รีบวิ่งออกมาจากห้องโถงด้านในพลางส่งเสียงร้อง

[1] ชี่ เป็นสสารที่เล็กที่สุดในร่างกาย มีการเคลื่อนไหวขึ้นบนลงล่างตลอดเวลา ขับดันและควบคุมการทำงานของร่างกาย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท