คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 386 อาจารย์ ท่านกำลังแก้ตัวอยู่หรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 386 อาจารย์ ท่านกำลังแก้ตัวอยู่หรือ

วัดอู๋เซียงอยู่ไม่ไกลจากอารามชิงผิง ตั้งอยู่ที่เนินเขาถัดไป ผู้ศรัทธามีมากกว่าอารามชิงผิงไม่น้อย ช่วยไม่ได้ ลัทธิเต๋าเคยถูกปราบปรามอย่างรุนแรง หลังจากเหตุการณ์ที่บรรพกษัตริย์กินยาอมฤทธิ์เมื่อห้าสิบปีก่อน หลายปีมานี้ เมื่อเทียบกับศาสนาพุทธก็ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย

ดังนั้นผู้ศรัทธาจึงนับถือศาสนาพุทธมากกว่า

ฉินหลิวซีมองดูควันธูปที่ตลบอบอวล ในใจรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แม้ว่าในตอนนี้อารามชิงผิงของพวกเขาก็มีผู้ศรัทธาไม่น้อยแล้ว แต่เมื่อเทียบกับวัดอู๋เซียงก็ยังคงด้อยกว่าหนึ่งขั้น

ดูเหมือนว่าเถิงเจาจะรู้ถึงความคิดของนาง จึงเอ่ย “อารามชิงผิงของพวกเราก็ไม่แย่เลย ในภายภาคหน้าจะกลายเป็นอารามอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างแน่นอน” เขามองไปยังกระถางธูปใหญ่ในจัตุรัสเล็กๆ กล่าวว่า “กระถางธูปที่ใหญ่กว่านั้น สร้างวิหารแห่งศรัทธา ต้อนรับผู้ศรัทธานับไม่ถ้วน”

ฉินหลิวซีรู้สึกมีความสุข ตบไหล่เขาอย่างแรง “ข้ามีความสุขมาก เราต้องรักษาความทะเยอทะยานนี้ไว้ จากนี้ไปมรดกและความรุ่งเรืองของอารามชิงผิงต้องอาศัยเจ้าแล้ว”

เถิงเจาพยักหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง อาศัยเขา แล้วนางล่ะ

เขากำลังจะตอบอะไรบางอย่าง ท่านอาจารย์ฮุ่ยเหนิงเจ้าอาวาสวัดอู๋เซียงก็ออกมา เมื่อเห็นพวกเขาก็เอ่ยว่า “อมิตาพุทธ”

ฉินหลิวซียกมือขึ้นประสานพลางเอ่ย “ปู้ฉิวคารวะท่านอาจารย์ฮุ่ยเหนิง”

อาจารย์ฮุ่ยเหนิงสีหน้าเมตตาอ่อนโยน มองไปยังห่อผ้าที่อยู่ตรงเท้านาง เอ่ยว่า “สหายน้อยปู้ฉิวมีเรื่องให้ช่วยหรือ”

“ไม่อาจซ่อนสายตาท่านอาจารย์ได้จริงๆ”

อาจารย์ฮุ่ยเหนิง “ตามข้ามา”

อาจารย์ฮุ่ยเหนิงพาพวกเขาไปที่เรือนตี้ฉัง ให้ฉินหลิวซีนำลูกกรอกใส่โกศ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิแล้วท่องบทสวดส่งวิญญาณของพุทธศาสนา

จากนั้นเขาก็เอ่ยกับฉินหลิวซี “เก็บสิ่งชั่วร้ายนี้ไว้ที่นี่ อาตมาจะมาสวดส่งวิญญาณด้วยตัวเองทุกวัน เพียงแต่ว่าคำสาปแค้นร้อยปีจะสามารถขจัดความขุ่นเคืองได้มากเพียงใดนั้นก็คงขึ้นอยู่กับบุญกรรม”

“รบกวนท่านอาจารย์แล้ว” ฉินหลิวซีเผยให้เห็นรอยยิ้ม

อาจารย์ฮุ่ยเหนิงมองไปที่โกศ ถอนหายใจ “ข้าแค่พยายามอย่างเต็มที่ เพียงแต่สหายน้อยปู้ฉิว…”

ฉินหลิวซีมองเขาพลางรอฟังคำพูดของเขา

อาจารย์ฮุ่ยเหนิงยิ้ม ประนมมือแล้วเอ่ย “ต่อจากนี้ไปเมื่อพบเจอภิกษุข้างนอกอย่าได้เป็นแม่สื่อจับคู่ให้”

ฉินหลิวซียิ้มอย่างลำบากใจ “ข้ามิกล้า คือว่า ข้าไม่รบกวนการฝึกบำเพ็ญของอาจารย์แล้ว ขอตัวก่อน”

อาจารย์ฮุ่ยเหนิงพยักหน้า มองดูนางจากไป หันไปมองโกศอีกครั้ง กล่าวพึมพำว่า “เจ้าลองคิดดูให้ดี ไฟนรกเจิดจ้านั้นไม่ได้แผดเผาผู้อื่นเลย แต่แผดเผาตัวเจ้าเอง อมิตาพุทธ”

ฉินหลิวซีพาลูกศิษย์ทั้งสองออกจากวัดอู๋เซียงอย่างไหลลื่นรวดเร็ว จ้างรถม้าหนึ่งคันให้ไปส่งเข้าเมือง

เฉินผีกำลังพาวั่นเช่อดูแลร้าน ในช่วงที่ฉินหลิวซีไม่อยู่ ก็ยังคงทำกิจการหลายรายการ ล้วนเป็นการซื้อขายยันต์และเครื่องราง และยังมีอยู่สองสามคนที่ต้องการมาขอรับการรักษา เป็นคนที่ซ่งเยี่ยแนะนำมา เพียงแต่ฉินหลิวซีไม่อยู่จึงต้องให้พวกเขากลับมาใหม่ภายหลัง รวมถึงซ่งเยี่ยเองก็เช่นกัน เขากับน้องสาวอยากจะมาฝังเข็ม แต่ก็มาเสียเที่ยว

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคน

เฉินผีมองไปยังบ่าวรับใช้ผู้นั้นที่นั่งยองๆ อยู่หน้าประตู ยกมุมปากขึ้น ช่างรอเก่งเสียจริง

ใช่แล้ว ผู้นี้คือบ่าวรับใช้ที่ตามผู้ดูแลมาทดสอบร้านในวันนั้น บอกว่าเจ้านายอยากจะขอรับการรักษา แต่ฉินหลิวซีไม่อยู่ จึงทำได้เพียงแค่รออยู่ตรงนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว

วั่นเช่อกำลังถือหนังสือพระสูตรแพทย์อ่านอยู่ ในขณะที่ทำงานในร้าน เขาได้ยินเฉินผีเล่าเรื่องราวของฉินหลิวซีให้ฟังมากมาย ซ้ำยังถูกเขาพาไปเดินเล่นที่สุสานร้างเพื่อสัมผัสว่าอะไรคือผีคร่ำครวญหมาหอน

ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องน่าอายที่เขาตกใจกลัวจนฉี่ราดกางเกง ซ้ำยังได้ความรู้มากขึ้นและเข้าใจการมีอยู่ของร้านนี้

เฉินผีรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง วิ่งไปที่หน้าประตู เอ่ยขึ้นว่า “นายท่านกลับมาแล้ว”

วั่นเช่อตกตะลึง เดินไปที่ประตูร้านเช่นกัน มองไปที่หน้าตรอก ไม่มีใครนี่นา

แต่ครู่ต่อมา ฉินหลิวซีก็ได้พาเด็กทั้งสองเดินเข้ามาในสายตา ซึ่งกำลังเดินมาอย่างช้าๆ

วั่นเช่อดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเถิงเจาชัดเจนจึงวิ่งไปหาพลางเรียกอย่างตื่นเต้น “คุณชาย”

เถิงเจาขมวดคิ้ว มองดูเขาราวกับสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้

ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “ก่อนหน้านี้วั่นเช่อพักอยู่ที่ห้องข้างประตูในจวนมาตลอด ข้าคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของเจ้า ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้ จึงให้เขามาอยู่ที่ร้านกับเฉินผี นับว่าเป็นคนงานในร้าน”

“อ้อ” เถิงเจาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าเข้าสู่ลัทธิเต๋าแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีบ่าวรับใช้ข้างกาย เจ้ากลับไปทำงานอยู่ข้างกายท่านพ่อเถิด”

วั่นเช่อสีหน้าซีด

“คุณชาย…”

“เรียกนามเต๋าข้า”

วั่นเช่อขอบตาแดง เม้มริมฝีปาก “นักพรตเสวียนอี”

ฉินหลิวซียิ้ม เอ่ยว่า “จะให้แก้คำเรียกในทันทีคงไม่ได้ เรียกว่าเจ้านายก็ได้ อย่างไรเสียก็เป็นคนของเจ้า”

เถิงเจากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ลัทธิเต๋าก็มีกฎเกณฑ์ของลัทธิเต๋า ข้าเองก็ปรับตัวได้แล้ว”

“คุณชาย ไม่ใช่ ท่านนักพรตน้อย ข้าไม่อยากกลับไปอยู่ข้างกายใต้เท้า ข้าอยู่เป็นคนงานในร้านนี้ได้ หรือเป็นเด็กเต๋าก็ได้ขอรับ” วั่นเช่อเอ่ย

เถิงเจาขมวดคิ้ว

ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเขาอยากอยู่ก็ให้อยู่เถิด ร้านก็ต้องการคนเช่นกัน อาศัยเฉินผีทำคนเดียวไม่ได้”

เถิงเจามองไปยังวั่นเช่อ เห็นความหวังในดวงตาของเขา จึงกล่าวว่า “แล้วแต่เจ้า”

กลุ่มคนเดินมาที่ร้าน เมื่อบ่าวรับใช้ผู้นั้นเห็นฉินหลิวซีก็ตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านเจ้าของร้านกลับมาแล้วหรือขอรับ”

เมื่อฉินหลิวซีเห็นเขาก็เลิกคิ้ว เอ่ยว่า “มาขอรับการรักษาหรือ กลับไปรายงานให้เจ้านายของเจ้ามาได้เลย”

ดวงตาของบ่าวรับใช้เป็นประกายขึ้นมา ยกมือประสานให้ฉินหลิวซีแล้วรีบจากไป

เฉินผียิ้มพลางเอ่ย “หนุ่มน้อยผู้นั้นรอมาหลายวันแล้ว เจ้านาย การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นหรือไม่ขอรับ”

“จะว่าราบรื่นก็ไม่ราบรื่น” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ต่อไปข้าจะใช้กระดาษยันต์ศักดิ์สิทธิ์ เฉินผี เจ้าเตรียมวัสดุให้เรียบร้อยที”

เฉินผีตกตะลึง “จะต้องใช้กับผู้ศรัทธาซือหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “หากจะทำลายคำสาป มันค่อนข้างอันตราย จะต้องเตรียมให้พร้อมทุกด้าน”

นางมองไปยังลูกศิษย์ทั้งสอง เอ่ยว่า “กระดาษยันต์ศักดิ์สิทธิ์นี้แตกต่างจากกระดาษสีเหลืองธรรมดาทั่วไป มันทำจากวัสดุพิเศษและหายาก ยันต์ที่วาดออกมาจะมีจิตวิญญาณและประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับยาปลุกเสก จริงๆ แล้วยาปลุกเสกไม่ใช่เป็นเพียงการวาดอักขระ โดยทั่วไปหมอผีจะใช้น้ำมนต์เพื่อหลอกรักษาโรคให้ผู้คน หากจะให้มันได้ผล ต้องแช่กระดาษยันต์ในวัตถุดิบยา แล้วค่อยวาดอักขระยันต์ ด้วยวิธีนี้ยันต์ก็จะมีฤทธิ์ยา เมื่อกินเข้าไปก็จะไม่เสียหายหรือเสียชีวิต หากโชคดีถูกกับโรค ก็จะกลายเป็น ‘เทพเจ้า’ ในสายตาผู้อื่น”

เถิงเจา ‘กำลังสอนข้าให้หลอกคนหรือ’

“ที่อาจารย์บอกพวกเจ้าในเรื่องนี้ ไม่ได้ให้พวกเจ้าไปหลอกคนด้วยวิธีนี้ บางครั้งเมื่อได้พบกับคนที่ค่อนข้างดื้อรั้น ที่เชื่อเพียงว่าการดื่มน้ำมนต์เท่านั้นจึงจะได้ผล ก็สามารถทำเช่นนี้ได้” ฉินหลิวซียิ้มอย่างมีเลศนัย “พวกเราในฐานะนักพรต โดยเฉพาะสำนักของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราสามารถปรับใช้ได้ตามสถานการณ์จริงเพื่อที่จะได้บรรเทาความกังวลของผู้ศรัทธาให้ดีขึ้นไม่ใช่หรือ”

วั่งชวนปรบมือเล็กๆ ของนาง “ท่านอาจารย์เก่งมาก”

เถิงเจาและวั่นเช่อ ‘ทำอย่างไรดี ข้ารู้สึกเหมือนกำลังแก้ตัว’

ฉินหลิวซีเอ่ย “วั่งชวนไปบำเพ็ญเต๋าที่ห้องเต๋า พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม มีแขกมาแล้ว”

ทันทีที่นางเอ่ยจบก็มีคนปรากฏตัวที่หน้าประตูร้าน เป็นพี่ชายและน้องสาวที่เคยพบกันก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งที่หอจุ้ยเซียน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท