คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 393 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 393 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

ฉินหลิวซียืนอยู่ข้างร้าน ฟังพวกอันธพาลปากร้ายท่าทางเย่อหยิ่งตรงหน้าที่เอาแต่พูดจาหยาบคายด้วยสีหน้ามืดครึ้มราวกับหมึก

“พวกเจ้าทั้งหลาย ร้านหรูอี้ของพวกเราได้จ่ายค่าบำรุงทางการตั้งแต่ตอนเปิดร้านแล้ว ไม่กี่วันต่อมาพวกเจ้าก็มาเก็บค่าน้ำชาอะไรนั่นอีก พวกเราก็ให้ไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้ายังจะมาขัดขวางการทำธุรกิจร้านหรูอี้ของข้าอีก หรือว่ากำลังดูหมิ่นกฎหมายของทางการ” นี่คือเสียงของแม่ใหญ่ สะใภ้หวัง

ฉินหลิวซียืนฟังพลางเอามือไขว้หลัง เริ่มไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

วั่งชวนขยับเข้าไปใกล้เถิงเจาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกกลัวเล็กน้อย

ท่านอาจารย์โกรธแล้ว

เถิงเจาก็โกรธเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะอยู่ในจวนทั้งวันไม่ออกไปไหน แต่เขาก็มีท่านอาจารย์ตู้ผู้ที่มีความรู้เรื่องบทกวีและทางโลกเป็นอย่างดีคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา และท่านอาจารย์ตู้ก็เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับความดีและความชั่วของผู้คนให้ฟังไม่น้อย หากไม่ได้รับการสนับสนุน คนชนชั้นธรรมดาที่ดิ้นรนทำกิจการอย่างยากลำบากมักจะถูกกดขี่ จิตใจเยือกเย็นเกินไปแล้ว ถูกสิ่งที่เรียกว่าค่าบำรุงทางการต่างๆ เหล่านั้นบังคับให้ต้องจำใจปิดกิจการอย่างไม่เต็มใจ และร้านของตระกูลฉินในตอนนี้ก็คือร้านของคนชนชั้นธรรมดาทั่วไปเหล่านั้น

เพราะตระกูลฉินถูกฝ่าบาทเกลียดชังแล้ว และคนที่ถูกส่งกลับมา ไม่เพียงแต่เป็นนักโทษ ซ้ำยังไม่มีคนหนุนหลัง และเป็นร้านค้าที่พึ่งเปิดใหม่ ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายของการถูกกดขี่

แต่เถิงเจากลับไม่ได้เป็นกังวล มีท่านอาจารย์อยู่ตรงนี้

ความสัมพันธ์ของท่านอาจารย์กับคนในครอบครัวนั้นเปราะบางราวกับต่างคนต่างอยู่ ไม่ล้ำเส้นกัน แต่นางแซ่ฉิน ในตระกูลฉินนี้ย่อมมีคนที่นางรู้สึกห่วงใย และสะใภ้หวังคือคนที่ท่านอาจารย์ปกป้องมากที่สุด

ดังนั้นพวกอันธพาลเหล่านี้ได้ถูกกำหนดให้เตะแผ่นเหล็กใหญ่แล้ว

“กฎทางการ? บริเวณนี้เป็นอาณาเขตของข้าหลี่เจียง ข้าก็คือกฎ ทำไมหรือ พวกเจ้าไม่อยากให้ หรือว่าไม่อยากเปิดร้านนี้แล้ว ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าให้ บริเวณนี้ แค่พวกอันธพาลก็มีเป็นร้อยคนแล้ว ในแต่ละวันนั้นไม่จำเป็นต้องมาก เพียงแค่มาไม่กี่คนช่วยเฝ้าหน้าร้านของพวกเจ้า ไม่เกินห้าวัน ร้านของเจ้าก็จะต้องปิดลง”

ผู้นำตัวสูงใหญ่ซึ่งเป็นนักเลงที่ร่ำรวย ท่าทางบ้ากามที่เรียกตัวเองว่าหลี่เจียงมองไปยังสะใภ้หวังด้วยสายตาหื่นกาม เอ่ย “ไม่อย่างนั้น เจ้าก็มอบร้านนี้กับวิธีทำผลไม้แช่อิ่มให้ข้าดูแลกิจการ ติดตามข้า เป็นอนุมาบำเรอข้า เสพสุขจะดีกว่า”

ทุกคนหัวเราะด้วยท่าทางชั่วร้าย เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “หัวหน้าช่างโชคดีจริงๆ”

สะใภ้หวังโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

นางมาจากตระกูลมีชื่อเสียง ยึดในการปฏิบัติตามมารยาทและกฎเกณฑ์ แม้ว่าจะแต่งเข้าตระกูลฉินสิ่งที่ได้รับก็คือความรุ่งโรจน์และมั่งคั่ง เป็นฮูหยินระดับสูง หากเป็นเมื่อก่อน คนอย่างหลี่เจียงไม่มีทางได้ปรากฏตัวภายในระยะห้าสิบก้าวของนางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกดูถูกด้วยวาจาเช่นนี้

หลายวันมานี้นางออกสู่สายตาสาธารณชนเพื่อทำกิจการ นางรู้ว่าไม่ง่ายเลยที่สตรีจะทำกิจการ และได้เติบโตขึ้นท่ามกลางอุปสรรคทุกประเภทในทันที แต่เมื่อได้ยินคำพูดสกปรกเช่นนี้ก็ยังคงโกรธจนแววตามืดครึ้ม

“พวกเจ้าบังอาจ!” ฉินเหมยเหนียงเองก็โกรธจนตัวสั่นเช่นกัน เอ่ยด้วยความโมโห “หากพวกเจ้ายังไม่ไปอีก พวกเราจะไปฟ้องทางการ”

“ตายจริง หรือแม่นางน้อยคิดว่าเสียเปรียบ เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนพี่น้องปรนนิบัติข้าด้วยกัน ข้าก็ไม่มีปัญหา…อัก” ก่อนที่หลี่เจียงจะเอ่ยจบ ก็ถูกพลังมหาศาลจับโยนทิ้งไป

ทุกคนรู้สึกตาพล่ามัว ตกตะลึงไปชั่วขณะ

เมื่อครู่นี้มีอะไรบางอย่างลอยออกไปหรือไม่

และสิ่งที่ถูกโยนออกไปคือหลี่เจียง นอนตะแคงข้างอาเจียนออกมาเป็นเลือด

ทุกคนตกใจ รีบวิ่งไปหาแล้วพยุงเขาขึ้นมา “หัวหน้า เป็นอะไรหรือไม่”

เป็น เป็นเยอะด้วย

หลี่เจียงอาเจียนเป็นเลือดออกมาอีกครั้ง กุมหน้าอกที่ปวดร้าวพลางเอ่ยด้วยความโมโห “ใคร ใครแอบลอบทำร้ายข้า แน่จริงก็โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้”

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ก็ทำให้สะใภ้หวังกับฉินเหมยเหนียงตกใจด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนรีบเดินออกมา กลับเห็นฉินหลิวซีเดินออกมาจากด้านข้าง อดหรี่ตามองไม่ได้

“ซี ซีเอ๋อร์?” สะใภ้หวังกะพริบตา

เจ้าเด็กคนนี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉินหลิวซีส่งสายตาปลอบใจไปให้ ชำเลืองมองหลี่เจียง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมาเพื่อเงินหรือมาเพราะได้รับคำสั่งของใคร ร้านหรูอี้นี้ หากใครกล้ามาก่อเรื่อง ข้าจะทำให้มันผู้นั้นได้รับบทเรียน”

สะใภ้หวังตกตะลึง รีบเดินไปหานาง ขวางนางไว้ข้างหลัง หันศีรษะไปหาเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าเข้าไปในร้าน”

ฉินหลิวซีเห็นว่านางยืนขวางอยู่ตรงหน้าตัวเองราวกับแม่ไก่ ดวงตาเริ่มอุ่นเล็กน้อย ตบมือนางเบาๆ “ไม่เป็นไร”

เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก ที่แท้เด็กคนนี้ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เป็นคนของร้านนี้

หลี่เจียงโกรธมาก เอ่ยว่า “ไปจับเจ้าเด็กนั่นมาให้ข้า หากข้าไม่ได้อัดมันให้น่วม ให้ถือว่าข้าเป็นหลานมัน”

สะใภ้หวังโกรธมาก ดันฉินหลิวซีเข้าไปในร้าน

แต่ฉินหลิวซีกลับหลบมือของนางอย่างว่องไว ยิ้มพลางเอ่ย “ไม่เป็นไร ท่านรอดูว่าข้าจะสั่งสอนพวกคนเหล่านี้ที่ปากเต็มไปด้วยขี้อย่างไร หลบไปยืนด้านข้างสักหน่อย ระวังท่านจะโดนลูกหลง”

ก่อนที่สะใภ้หวังจะได้เอ่ยอะไรก็รู้สึกถึงลมกระโชกแรง ราวกับผลักนางเข้าไปในร้าน นางรู้สึกตกตะลึงทันที

ส่วนอันธพาลเหล่านั้นพุ่งเข้าไปหาฉินหลิวซี นางไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เตะอัดเข้ากำแพงทีละคน และไปโดนหลี่เจียงที่พึ่งลุกขึ้นยืนพอดี

ทั้งสองคนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ฉินหลิวซียังเตะอีกคนหนึ่งไปทับบนตัวของพวกเขา

ในเวลานี้มีคนมาดูความครึกครื้น ได้พากันล้อมวงเข้ามาดูพลางชี้ไม้ชี้มือ

ฉินหลิวซีเตะอันธพาลเหล่านั้นคนแล้วคนเล่าซ้อนกันห้าคนราวกับคนต่อตัวกันเป็นพีระมิด

หลี่เจียงที่อยู่ด้านล่างสุดเกือบจะถูกบดเป็นเนื้อแผ่นแล้ว ร้องด้วยความเจ็บปวด “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน บอกชื่อเสียงเรียงนามมา ข้า…อืออือ”

ทันใดนั้นปากของเขาราวกับถูกบางสิ่งยัดไว้ ลำคอไม่สามารถเปล่งคำพูดหรืออ้าปากได้

“ไม่รู้จักพูดก็ไม่ต้องพูด” ฉินหลิวซียิ้มตาหยี ร่ายคาถาใส่ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย

นางได้เห็นชะตาชีวิตและพฤติกรรมของคนเหล่านี้แล้ว ล้วนเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีสองคนที่ยังเป็นฆาตกรอีกด้วยก็คือหลี่เจียงกับคนบนหลังเขาที่มีหูดอยู่ที่หลัง ทั้งสองคนล้วนติดชีวิตคนอยู่

พวกเขาล้วนไม่ใช่คนดี เช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

หลี่เจียงตกใจกลัว ตบปากตัวเองไม่หยุด พยายามจะเอาคนที่อยู่บนตัวออก แต่ดูเหมือนว่าลูกน้องทั้งหลายเหล่านี้ติดอยู่บนตัวของเขาและไม่สามารถหลุดออกไปได้ เขาออกแรงดิ้นรน แต่ถูกกดทับจนรู้สึกเวียนหัวเป็นพักๆ

เมื่อเขาเห็นฉินหลิวซีเดินเข้ามาใกล้ ก็กรีดร้องในใจ ปีศาจที่ไหนกัน ไปให้พ้น ไสหัวไปให้พ้น!

ฉินหลิวซีก้มลงมองเขา เอ่ย “แค้นย่อมมีคนทวงคืน หนี้ก็ย่อมมีเจ้าหนี้ หวังว่าเจ้าจะรอดจากการแก้แค้นจากคนที่เคยถูกเจ้าทำร้ายเหล่านั้น”

อะไรนะ

ทันใดนั้นหลี่เจียงก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย ราวกับว่ามีบางอย่างจ้องมาที่เขา

มีเสียงกีบม้าดังมาแต่ไกล มาหยุดอยู่หน้าร้าน

“คงเป็นที่นี่กระมัง” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังฉินหลิวซี “นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร”

ฉินหลิวซีหันกลับไปมองคนผู้นั้น ช่างบังเอิญเสียจริง

“ใต้เท้าอวี๋”

“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่” เมื่ออวี๋ชิวไฉเห็นฉินหลิวซีก็รีบเดินมาหาทันที ยกมือขึ้นประสาน จากนั้นก็มองไปยังพีระมิดนั่น หรี่ตาลงพลางเอ่ยว่า “ทำไมหรือ พวกคนไม่ดูตาม้าตาเรือเหล่านี้ทำให้อาจารย์ขุ่นเคืองหรือ”

หาเรื่องจริงๆ กล้าดีอย่างไรมายั่วโมโหฉินหลิวซี ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท