ตอนที่ 399 นางเป็นสุนัขเจ้าเล่ห์ที่แท้จริง
ฉินหลิวซีรับสมบัติจากราชาผีทั้งสอง และไม่ได้ตระหนี่เพียงนั้น นางขุดไหสุราที่ตัวเองหมักไว้มาเซ่นไหว้ให้พวกเขา แล้วเริ่มสนทนา
ควงซานดื่มสุราหมักของฉินหลิวซีเป็นครั้งแรก เดิมทีเพียงแค่จะชิมเล็กน้อย แต่เมื่อได้ชิมแล้วก็หยุดไม่ได้ น่าแปลก ดูเหมือนว่าเหล้านี้จะมีกลิ่นอายจิตวิญญาณจางๆ
ทันใดนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นราชาผีตงฟางหยิบเหยือกสุราที่ไม่รู้ว่าพกมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเริ่มเทสุรา
จอมวางแผนเต็มตัว
ควงซาน “…”
เขากลอกตาอย่างดูหมิ่น จากนั้นก็หยิบเหยือกหยกออกมาอย่างเงียบๆ จะปล่อยให้เสียเปรียบไม่ได้
ฉินหลิวซีมองผีทั้งสอง กระแอมแล้วเอ่ยกับควงซาน “ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ เพราะอาณาเขตทางเหนือเป็นของเจ้า อยากจะถามว่าช่วยเป็นธุระให้ได้หรือไม่ นำสารไปส่งที่เป่ยชวนให้ข้าสักหน่อย”
ควงซาน “?”
อะไรนะ ส่งสาร นี่ข้าเป็นแรงงานผีหรือ เป็นผู้ส่งสาร?
“นายท่านจะส่งสารให้ใครหรือ”
“ให้ปีศาจจิ้งจอกขี้อวดตัวหนึ่ง”
ปีศาจจิ้งจอก?
หลังจากควงซานได้ยินเช่นนี้ ในหัวก็ผุดภาพสาวงามที่มีเสนห์ยั่วยวนขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเกียรติของข้าที่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารให้ใต้เท้า ไม่ทราบว่าต้องการส่งข้อความอะไรหรือ”
“เจ้ามานี่” ฉินหลิวซีให้เขาโน้มตัวลง เอามือวางบนศีรษะของเขาแล้วหลับตาเล็กน้อย จากนั้นก็เอามือออกหลังจากที่ส่งข้อความไปทางความคิดแล้ว
สีหน้าของควงซานยากที่จะอธิบายได้
ท่านด่าคน เกรงว่าจะดูไม่ค่อยมีศักดิ์ศรีกระมัง
เขากระแอม “นายท่าน แค่นี้หรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้าก่อนจะอ่ย “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวข้องกับอดีตราชาผีโจวเล่อ อยากจะถามเจ้าสักหน่อย”
“เชิญนายท่านถามได้เลยขอรับ”
“ก่อนที่โจวเล่อจะหายตัวไป เขาได้เอาอะไรแปลกๆ ขึ้นไปบนภูเขาด้วยหรือไม่”
ควงซานตกตะลึง มองไปยังราชาผีตงฟาง เขาไม่เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไร
“ท่านก็รู้ว่าข้ามีความคิดที่อยากได้ตำแหน่งของเขา แต่ก็กลัวเขาเช่นกัน ไหนเลยจะกล้าเข้าใกล้ ย่อมไม่ได้ใส่ใจว่าเขาเอาอะไรมา” ควงซานอธิบายอย่างลำบากใจ จากนั้นก็ลองถามดูว่า “หรือว่าโจวเล่อขโมยสมบัติของนายท่านไป”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “เขาไม่กล้าหรอก สมบัติทั้งหมดในถ้ำของโจวเล่อที่เหลือไว้ล้วนอยู่ในกระเป๋าของเจ้าหมดแล้ว เจ้าพบสิ่งผิดปกติในหมู่สมบัติของเขาหรือไม่”
“ไม่มีขอรับ ล้วนเป็นเครื่องประดับทองและเงินธรรมดาทั่วไป ของหายากและของโบราณ” ควงซานยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าโจวเล่อผู้นั้นได้ทำอะไรบางอย่างจริงๆ แล้วถูกเทพอสูรผู้นี้รู้เข้า ตอนนี้จึงต้องการจะคิดบัญชีภายหลัง
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจะไม่เป็นแพะรับบาปโดยสมบูรณ์หรอกหรือ
ราชาผีตงฟางทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ย “นายท่าน จู่ๆ ท่านก็ถามถึงโจวเล่อ นึกเรื่องอะไรบางอย่างออกหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น” ฉินหลิวซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สองมือร่ายคาถาสร้างม่านอาคมขนาดเล็กขึ้นมา จากนั้นก็หยิบกล่องที่คลุมด้วยอักขระออกมาจากในห้อง
ผีทั้งสองมองหน้ากัน นั่นคืออักขระต้องห้ามไม่ใช่หรือ
สิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร จึงได้ระมัดระวังเช่นนี้
ลางสังหรณ์บอกพวกเขาว่าสิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยกล่องอักขระต้องห้ามนั้นมีสิ่งที่ล่อใจพวกเขาอยู่
เป็นไปตามคาด เมื่อฉินหลิวซีเปิดกล่องเพื่อเผยให้เห็นสิ่งของข้างใน และลบยันต์อักขระต้องห้ามออก วิญญาณของผีทั้งสองตนก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย
มันเป็นกระดูกนิ้วที่ขาวสะอาด ซึ่งดูเหมือนมีพลังมหาศาล ทำให้พวกเขาไม่สามารถละสายตาไปได้
“นี่คือ?”
ฉินหลิวซีถือกระดูกพุทธะเล่นในมือ กล่าวเสียงเบา “หากเป็นอย่างที่คิดไว้ นี่คือกระดูกพุทธะของมารเอ้อฝูซื่อหลัว แน่นอนว่าข้าไม่มีหลักฐานแน่ชัด ข้าเพียงคาดเดา!”
“อะไรนะ” ราชาผีตงฟางดีดตัวขึ้นมา จ้องไปที่กระดูกนิ้วข้อนั้น
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ช่วยไล่วิญญาณชั่วร้ายให้แม่นางน้อยผู้หนึ่ง ผีที่เข้าสิงแม่นางน้อยผู้นั้นเป็นผีใหม่ที่ได้กระดูกพุทธะนี้มาโดยบังเอิญ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผีทั้งสองมองนางด้วยดวงตาเป็นประกาย พวกเขาไม่ได้โง่ การปิดผนึกด้วยกล่องต้องห้ามพิสูจน์ได้ว่าของสิ่งนี้มีพลังที่ร้ายกาจ เกรงว่าผีใหม่ตนนั้นจะได้รับพลังมหาศาลจากมัน
“ข้าถูกมันตลบหลังจนได้รับบาดเจ็บ” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
นางปลดอักขระต้องห้ามออกอีกชั้นหนึ่ง กระดูกชิ้นนั้นแผ่กระจายพลังพุทธะขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้าย
ผีทั้งสองสูดลมหายใจ ดวงตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดง
พลังของกระดูกพุทธะเล็กๆ เช่นนี้ทำร้ายเทพอสูรฉินหลิวซีได้จริงๆ
หากหลอมรวมกับตัวเองล่ะ
ผีทั้งสองนับว่าเป็นผีเก่าแก่ที่ฝึกบำเพ็ญมานานกว่าพันปี การแสวงหาพลังอำนาจของพวกเขาไม่เคยน้อยลง กระทั่งอยากจะพัฒนาไปอีกขั้น อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ใช่ราชาของใต้หล้านี้ มักจะมีผู้ที่มีอำนาจมากกว่ามาปราบปรามพวกเขา อย่างเช่นเทพอสูรที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้
ขนาดผีใหม่ที่ได้กระดูกพุทธะชิ้นนี้มายังสามารถทำร้ายฉินหลิวซีได้ หากพวกเขาหลอมเข้ากับกระดูกพุทธะนี้จะไม่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนอาจกลายเป็นผีอมตะหรือกระทั่งเทพแห่งผีได้เลยหรือ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาสีแดงของผีทั้งสองก็เผยให้เห็นถึงความโลภและความกระหาย
อยากได้ อยากแข็งแกร่งขึ้น!
เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าพลังของผีทั้งสองเริ่มผันผวน ก็อดสบถอย่างเย็นชาไม่ได้
“อยากได้หรือ อย่าลืมว่านี่เป็นของซื่อหลัวสุนัขเจ้าเล่ห์ตนนั้น และเขาก็หนีออกมาจากการคุมขังของนรก” ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ว่ากันว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว กระดูกพุทธะเก้าชิ้นก็กระจัดกระจายไปทั่ว พวกเจ้าว่าหากเขาหนีออกมาได้ จะต้องการหาร่างที่เต็มไปด้วยพลังพุทธะนี้กลับคืนมาใหม่หรือไม่”
ทันใดนั้นผีทั้งสองก็ได้สติกลับมา
“สุนัขเจ้าเล่ห์ตนนั้นกังวลว่าจะไม่มีใครช่วยหล่อเลี้ยงกระดูกพุทธะเหล่านี้ได้ หากพวกเจ้าเต็มใจเช่นนั้นก็ดีเลย ราชาผีที่มีพลังผีอันล้ำลึกจะผสานและหล่อเลี้ยงมันได้ดีขึ้น ในภายภาคหน้าเมื่อเขากลับมาก็จะกลืนกินพวกเจ้าเข้าไปด้วย ไม่เพียงแต่ได้กระดูกพุทธะกลับมา ซ้ำยังมีพลังผีของพวกเจ้าเป็นยาบำรุงชั้นยอด ซึ่งมีส่วนช่วยต่อซื่อหลัวเป็นอย่างมากจริงๆ” ฉินหลิวซีกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางยื่นกระดูกไปให้ “มาสิ พวกเจ้าใครอยากจะเป็นเตาสามขาหล่อเลี้ยงกระดูกชิ้นนี้”
ผีทั้งสองก้าวถอยหลัง มองฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว พวกเราไม่ใช่คน แต่เจ้าคือสุนัขเจ้าเล่ห์ที่แท้จริง!
การมีพลังที่แข็งแกร่งนั้นไม่ผิด แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อดื่มด่ำกับสิ่งนั้น หากได้รับสิ่งนี้มาก็เท่ากับถูกซื่อหลัวตราเอาไว้ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ทำไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ
“ทำไม ไม่อยากได้แล้วหรือ” ฉินหลิวซียิ้มใบหน้านิ่งพลางเหลือบมองพวกเขา
ราชาผีตงฟางฝืนยิ้มพลางเอ่ย “นายท่านล่อเล้นแล้ว พวกเราจะเป็นผีที่โลภมากจนไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร”
ควงซาน ‘เจ้าตบหน้าเจ้าคนเดียวก็พอ ยังไม่ลืมมาตบหน้าข้าอีก เกินไปแล้ว’
ฉินหลิวซีสบถเบาๆ โยนกระดูกพุทธะกลับเข้าไปในกล่องแล้วร่ายคาถาต้องห้ามใหม่อีกครั้ง เอ่ยว่า “รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรก็พอ แม้ว่ากระดูกพุทธะนี้จะมีพลังพุทธะแต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้าย หากพวกเจ้าได้รับมันแล้วนำอันตรายมาสู่โลกมนุษย์ ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์”
คำขู่นี้ทำให้ผีทั้งสองตัวสั่น รีบกล่าวอย่างเป็นทางการว่า “นายท่าน สิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ ทำลายไปเสียจะดีกว่า”
“เอาล่ะ ข้าจะพิจารณาเองว่าจะจัดการอย่างไร ที่บอกพวกเจ้าก็เพราะอยากให้พวกเจ้าช่วยเฝ้าระวังเอาไว้ว่ายังมีกระดูกพุทธะชิ้นอื่นตกหล่นอยู่หรือไม่ หากรู้ก็ให้แจ้งกับเสวียนเหมินหรือคนของศาสนาพุทธ มารเอ้อฝูตนนั้นหนีออกมาไม่มีทางที่จะอยากจะหลบซ่อนตัวเงียบๆ อย่างเชื่อฟัง จะต้องคิดหาวิธีนำกระดูกเหล่านี้กลับคืนไปอย่างแน่นอน”
“ขอรับนายท่าน”
ขณะที่เมื่อฉินหลิวซีปิดกล่องแล้วร่ายคาถาต้องห้ามใหม่อีกครั้ง ณ ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยศพแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ เงาสีดำยืนอยู่ข้างเด็กที่ถูกฆ่าผ่าท้อง ถือซี่โครงที่เปื้อนเลือดอยู่ในมือ หล่อหลอมเข้ากับร่างกายของตัวเอง
เงาดำสัมผัสที่ซี่โครงช่วงอกพลางถอนหายใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง อุทานด้วยความประหลาดใจ มองออกไปไกล มันปรากฏตัวแล้วก็หายไป
“ของของข้า มันผู้ใดเอาไป มันผู้นั้นต้องตาย!”
เงานั้นหัวเราะแล้วหายไปในความมืดมิด