คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 409 ถูกเจ้าอาวาสน้อยโอ้อวดเข้าให้แล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 409 ถูกเจ้าอาวาสน้อยโอ้อวดเข้าให้แล้ว

ตงหยางโหวที่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร จะสามารถอยู่ให้หมอรักษาในที่เพิงกระท่อมที่ทั้งเล็กทั้งเรียบง่าย และยังรับการบริจาคการรักษาฝังเข็ม เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เขายังถูกใช้เป็นกรณีตัวอย่างในการศึกษาอีก

ไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตจริงๆ

เดิมทีในใจของเขาค่อนข้างแปลกใจ กังวลว่าฉินหลิวซีที่กำลังฝังเข็มอยู่จะมือไม่นิ่งพอ แทงผิดจุดฝังเข็มไป ในที่สุดอีกฝ่ายก็ทั้งแทงเข็มเข้าไป ทั้งตอบคำถามเหล่าหมอหลายคนที่อยู่รอบข้างไปด้วย

วิธีการฝังเข็มแบบเชาซานหั่วนั้นมีความซับซ้อน ประกอบไปด้วยวิธีการระบายแบบช้าแบบเร็ว การซอยเข็ม การแทงเข็มแบบเก้าหยางหกหยิน การปั่นเข็ม การกระตุ้นเข็มตามจังหวะการหายใจ และการปิดเพื่อเปิดจุด ในการฝังเข็มนั้นทักษะการลงเข็มการยึดเข็มนั้นต้องให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายได้เอ่ยตอนนี้ วิธีการแทงลึกตื้น อีกทั้งการนวดก่อนการแทงเข็มตื้นต้องทำอย่างไร จำเป็นต้องซอยเข็มกี่ครั้งค่อยยึดไว้ ยังต้องระวังเรื่องอะไรอีก ฟังแล้วเขารู้สึกเบลอและสับสน ทว่าหมอเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เหมือนทำให้ได้ตรัสรู้ว่า เส้นลมปราณเหริ่นและเส้นลมปราณตูทะลุหากัน นึกออกอย่างฉับพลัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในมือหยิบเข็มเงินหนึ่งเล่ม จ้องไปยังวิธีการของฉินหลิวซี ขณะที่กำลังเรียนการซอยเข็มไปด้วย

ตงหยางโหวมองการแสดงออกว่าขยันขันแข็งตั้งใจเรียนของคนเหล่านี้ ก็นึกคำพูดของฉินหลิวซีที่ว่า ยิ่งเรียนรู้ได้มากเท่าไรก็ยิ่งสามารถช่วยคนได้มากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ได้พูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว

ช่างเถิด ได้ยกให้เป็นกรณีตัวอย่างในการศึกษา การที่เขาได้รับเกียรตินี้ ก็ถือว่าเป็นกุศลแล้ว

แต่การใช้เข็มแทงลงไปในจุดฝังเข็ม มือของฉินหลิวซีกลับไม่สั่นและไม่มีความลังเลเลย เป็นเพราะว่าคุ้นเคยมานานแล้วนั่นเอง

ตงหยางโหวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองฉินหลิวซีที่กำลังลงเข็มอยู่ที่ขาของตนเอง ปากก็ไม่ได้หยุดเอ่ยเรื่องตำราการฝังเข็มพวกประเภทคำศัพท์เฉพาะ จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

อายุยังน้อย ทว่าความสามารถมากมายนัก แล้วอาจารย์ของนางอีก ไม่รู้ว่าจะเก่งขนาดไหน

“…ส่วนใหญ่แล้วใช้เชาซานหั่วกับอาการเจ็บปวดข้อที่เกิดจากความเย็นและอาการชา ภาวะเย็นพร่องและโรคอื่นๆ ในขั้นตอนการฝังเข็ม หากจำเป็นต้องใช้วิธีการกระตุ้นเข็มแบบบำรุงและระบายที่สัมพันธ์กับจังหวะการหายใจ ต้องบอกกับผู้ป่วยก่อนล่วงหน้า เพื่อขอความร่วมมือ และเมื่อพวกเราต้องลงเข็ม จะต้องให้เข็มไม่อยู่ห่างจากมือ หัวใจและเข็มจะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง พุ่งสมาธิไปที่จุดเดียว ถึงจะเป็นการลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก” ฉินหลิวซีไม่ได้มองหมออาวุโสท่านใดเลย เพียงแค่ในตอนที่ลงเข็ม ทำเหมือนกับการแจ้งให้รู้ว่าได้ลงนามสลักหลังแล้ว

หลายคนเพียงแค่รู้สึกว่ากำลังถูกโอ้อวด ถึงหัวใจเจ้ากับเข็มจะรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่กลับทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน ในขณะที่กำลังลงเข็มผู้ใดกันจะสามารถสอนได้เช่นเจ้า นอกจากไม่แทงผิดแล้วยังหอบหายใจอีก

พวกเขาทำไม่ได้หรอก!

เมื่อฉินหลิวซีเอ่ยเขาก็รู้สึกว่าเข็มถูกดึงออกมา เมื่อตงหยางหายใจออกทำให้คนด้านหลังรู้สึกว่าความเย็นถูกนำออกไปกับเข็มแล้ว

ฉินหลิวซีฝังเข็มทั้งหมดลงบนจุดฝังเข็ม เมื่อนางดีดปลายนิ้ว คล้ายกับว่าปลายเข็มกำลังส่งเสียงหึ่งๆ และสั่นเล็กน้อย นางมองที่ตงหยางโหวแล้วเอ่ยขึ้น “ถึงแม้ว่าจะเจ็บเหมือนกับหนามตำ แต่ว่าข้าเชื่อว่าความเจ็บนี้จะไม่อยู่ในสายตาท่าน อาการเจ็บ อาการบวม และเข็มร้อนถือเป็นเรื่องปกติ”

“เมื่อเข็มร้อนแล้ว ถึงได้เรียกว่าวิธีการฝังเข็มแบบเชาซานหั่วหรือ” ตงหยางโหวเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีท่านมีภาวะชี่พร่อง การฝังเข็มที่จุดฝังเข็ม ภาวะพร่องทำให้เต็ม เมื่อชี่เต็มแล้วเข็มก็จะยิ่งร้อนขึ้น วิธีการฝังเข็มนี้จะขับชี่และเลือดออก ขึ้นลงเชื่อมต่อกัน สามารถขจัดความหนาวเย็นและความชื้น การไหลเวียนของเส้นลมปราณผ่านชี่และเลือดได้อย่างไม่ติดขัด อาการของโรคก็จะหายไปตามธรรมชาติ ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของท่านจะร้อน มันสบายกว่าเย็นจนเข้ากระดูกใช่หรือไม่”

ตงหยางโหวรู้สึกถึงมันแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ที่จริงก็เป็นเช่นนี้เอง ขาไม่เย็นเข้ากระดูกเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”

หมอเหมาและหมอคนอื่นๆ ที่ได้ฟังแล้ว ล้วนทำตาปริบๆ จ้องไปที่เข็มที่ยึดเอาไว้เหล่านั้น อยากที่จะเข้าไปลองทำแทนเป็นอย่างยิ่ง

ถือโอกาสตอนที่เข็มปักคาไว้ ฉินหลิวซีมีคำถามที่ต้องตอบกับหมอเหมาและคนอื่นๆ และใช้มือในการสอนวิธีการฝังเข็ม อย่างไรก็ตามเมื่อเรียนวิธีการฝังเข็ม การสอดรับกันของข้อมือก็เป็นตัวกำหนดว่าวิธีการฝังเข็มนั้นจะสำเร็จหรือว่าล้มเหลว หมอหวงตื่นเต้นจนเผลอปากเรียกนางว่าอาจารย์

“ข้ามีศิษย์แล้ว ไม่อาจเป็นอาจารย์ของพวกท่านได้ เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนสหายร่วมอาชีพเท่านั้น ไม่มีอะไรไปกว่านี้ ทุกท่านพัฒนาตนให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็เพราะความปรารถนาที่จะช่วยโลกใบนี้ ถือว่าได้สั่งสมบุญมากมาย”

หมอหวงกลับเอ่ย “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนท่าน เช่นนี้ ในเมื่อท่านสอนวิธีการฝังเข็มให้กับข้า ข้าเองก็มีวิธีการรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกของสตรีที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ จึงปรารถนาที่จะทำตามเจ้าอาวาสน้อยเพื่อช่วยโลก”

คนอื่นๆ เองก็มีท่าทีตอบโต้ ทยอยเอ่ยว่าตนนั้นเองนั้นมีความสามารถและมีวิธีการที่ต้องการจะมอบให้ นับว่าเป็นการตอบแทนสิ่งดีๆ ให้กันและกัน

โดยไม่ว่าฉินหลิวซีจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม นางได้แต่ยิ้ม และท่องขอมหาเทพจงอำนวยพร ให้พวกเขาขึ้นไปบนอารามชิงผิงเพื่อรับยันต์ปกป้องคุ้มครองกลับไปอย่างแคล้วคลาดปลอดภัย

ตงหยางโหวและคนของเขาที่กำลังดู เพียงแค่กำลังรู้สึกว่าจิตใจกำลังสับสน เดิมทีพวกเขาแค่ต้องการมาหาหมอ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ราวกับว่าได้แทรกกลางเข้ามาในงานชุมนุมแลกเปลี่ยนในโลกของหมอ

ตงหยางโหวที่อารมณ์พลุ่งพล่าน ยิ่งเมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกว่าขาทั้งคู่ของเขานั้นฟื้นฟูขึ้นอยู่ไม่น้อย ก็ยิ่งดีใจมากขึ้นที่บังเอิญได้เจอ และดีใจที่ตนเองนั้นไม่ดึงดันจะทำตามใจของตนเอง และรับฟังบ่าวรับใช้เฒ่าโน้มน้าว

ท่านอาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้เปิดเผยความลับของสวรรค์แล้วจริงๆ

ฉินหลิวซีที่เหลือบไปเห็นว่าเข็มที่ปักคาไว้นั้นได้ครบเวลาแล้ว จึงได้ถอนเข็มให้ตงหยางโหว และนวดปิดปากเข็มอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกร้อนอยู่ในนั้น

“ฝังเข็มอีกแค่สองครั้ง ก็ดีขึ้นแล้ว เว้นหนึ่งวันแล้วค่อยมาเถิด”

บ่าวรับใช้เฒ่ารับเอ่ยขึ้น “มาที่เพิงกระท่อมนี้เหมือนเดิมหรือขอรับ”

“ในเมืองหลีบนถนนหงไป๋ ในตรอกโซ่วสี่มีร้านค้าร้านหนึ่งที่ชื่อว่าร้านเฟยฉางเต๋า ร้านนั้นเป็นของข้า ท่านแม่ทัพอาวุโสสามารถไปฝังเข็มที่นั่นได้” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ตงหยางโหวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “ท่านไม่ใช่เจ้าอาวาสน้อยของอารามชิงผิงหรอกหรือ เป็นนักพรตแล้วยังเปิดร้านค้าได้หรือ”

“ข้าเป็นนักพรตยังไม่ได้ตัดขาดจากทางโลกโดยสิ้นเชิง ยังดื่มเหล้า กินเนื้อสัตว์ และแต่งงานได้อย่างอิสระ รายได้จากการเปิดร้านค้าทำการค้าขาย ส่วนหนึ่งก็แบ่งให้กับอารามชิงผิงเพื่อทำบุญให้ทานสร้างกุศล” ฉินหลิวซีถอนหายใจ “ช่วยไม่ได้นี่ อารามชิงผิงของเรา ถึงแม้ว่าจะเชี่ยวชาญด้านเบญจศาสตร์แห่งเต๋า แต่ก็เพิ่งที่จะเริ่มเปิดอารามใหม่ได้เพียงสิบปี ยังไม่เรียกว่าเจริญรุ่งเรือง หากต้องการให้มีผู้มีจิตศรัทธาที่มากขึ้น ทำทานมากขึ้น ก็ทำได้เพียงรวมเงินบริจาคให้เยอะๆ”

ทุกคน นักพรตสมัยนี้ ต้องลำบากขนาดนี้เลยเหรอ

ตงหยางโหวหัวเราะเหอๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้น “เจ้าอาวาสน้อยอายุยังน้อย เพื่ออารามเต๋าก็ต้องครุ่นคิดใคร่ครวญอย่างหนัก”

“มันเป็นภารกิจอันหนักหน่วง” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “หากท่านแม่ทัพอาวุโสไม่รีบเดินทาง ก็สามารถขึ้นไปบนอารามเต๋ากราบไหว้สักการะองค์จู่ซือเหยีย ให้ท่านคุ้มครองท่าน”

“เดิมที่ข้าก็จะไป” ตงหยางโหวเหลือบมองบ่าวรับใช้เฒ่าครู่หนึ่ง

บ่าวรับใช้เฒ่ารีบหยิบตั๋วเงินสองสามใบควักออกมาจากในอก และเอ่ยขึ้น “เจ้าอาวาสน้อย นี้คือเงินค่ารักษา ไม่ทราบว่ายาไหเส่าตาน[1]อะไรหรือขอรับ”

“วันนี้เป็นการรักษาเพื่อการกุศล ดังนั้นจึงไม่รับเงินค่ารักษา หากทุกท่านใจดี สามารถขึ้นไปเติมน้ำมันหอมจุดตะเกียงที่อารามของข้า ใบสั่งยาพวกท่านสามารถนำไปที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ภายในสองวันนี้ข้าจะปรุงไหเส่าตานให้กับท่านแม่ทัพอาวุโส วันมะรืนตอนที่ท่านมาฝังเข็ม ค่อยมารับก็ได้ โดยประมาณนี้หลังจากก็จะเป็นการบำรุงร่างกาย” ฉินหลิวซีจึงไม่ได้รับตั๋วเงินมา

บ่าวรับใช้เฒ่าชะงักไปชั่วขณะ และมองไปยังท่านโหวอาวุโส

ตงหยางโหวเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกข้าจะขึ้นไปอารามเต๋าไหว้เทพเจ้ากัน”

ฉินหลิวซีพยักหน้าพร้อมกับอมยิ้ม หลังจากที่นัดหมายเวลาฝังเข็มกับเขาเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

ทันทีที่ตงหยางโหวลุกขึ้น เด็กรับใช้ก็ไปประคองเขาตามความเคยชิน ทว่ามือกลับต้องหยุดชะงักกลางอากาศ “ท่านโหวอาวุโส ท่านสามารถลุกขึ้นยืนด้วยตนเองได้แล้วหรือขอรับ”

บ่าวรับใช้เองก็แปลกใจเช่นกัน หลายวันมานี้เพราะอากาศที่หนาวมากเกินไป ขาทั้งสองข้างของท่านโหวอาวุโสจึงได้ชาและไร้เรี่ยวแรง ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง จะต้องให้คนคอยช่วยประคองตลอด

แต่ตอนนี้ เขากลับสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว

ตงหยางโหวเองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันทีที่ขยับเท้า เขากลับโงนเงนโซเซ

ฉินหลิวซีช่วยประคองเขาไว้ และเอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบร้อน ฝังเข็มอีกสองครั้ง ดื่มยาต้มสมุนไพร อาการชาก็จากหายไป พละกำลังก็จะค่อยๆ กลับคืนมา”

[1]ไหเส่าตาน สมุนไพรจีน ใช้สำหรับอาการปวดเอวและเข่า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท