ตอนที่ 245 พี่น้อง
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้มุ่งหน้าไปถวายบังคมยังตำหนักเว่ยยาง
เมื่อแม่ลูกพบหน้าก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ดวงตาของเถาฮองเฮาแดงก่ำ นางมองพินิจอีกฝ่ายอย่างละเอียด ยากที่จะข่มความรู้สึกตื่นเต้น “กลับมาก็ดี กลับมาก็ดี!”
“ทำให้เสด็จแม่ทรงเป็นกังวล เป็นความผิดของกระหม่อม”
“เพียงแค่กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ”
เถาฮองเฮาบอกให้เขานั่งลง
นางเริ่มถามเรื่องระหว่างทางบรรเทาภัยพิบัติ
เมื่อนางรับรู้ว่าบุตรชายประสบกับอันตรายนับครั้ง สีหน้าของเถาฮองเฮาก็เปลี่ยนไป สายตาเย็นชาอย่างมาก
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดส่งคนมาทำร้ายเจ้า”
“ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ! มือสังหารล้วนเป็นทหารหน่วยกล้าตาย เมื่อเห็นว่าภารกิจล้มเหลว พวกเขาต่างกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง เซวียซินแสบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตระกูลขุนนางในท้องถิ่น แน่นอนว่ามีความเป็นไปที่มีคนในเมืองหลวงไม่ยินดีที่เห็นกระหม่อมบรรเทาภัยพิบัติราบรื่น”
เถาฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็น “บังอาจนัก แม้แต่เจ้ายังกล้าลอบสังหาร เรื่องนี้ข้าจะให้คนสืบให้ชัดเจน แต่ว่าข้าก็ต้องตำหนิเจ้า เรื่องร้ายแรงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่เอ่ยถึงในจดหมายแม้แต่น้อย หากเจ้าเป็นอันใดไป เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”
เซียวเฉิงอี้ยิ้มเก้อ “กระหม่อมไม่อยากให้เสด็จแม่ทรงเป็นกังวล อีกทั้งจดหมายก็ไม่ปลอดภัยนัก หากถูกคนดักขโมยไประหว่างทาง เกรงว่าจะเกิดปัญหา”
เถาฮองเฮาถอนหายใจออกมา “เจ้าใจใหญ่เกินไปแล้ว! คราวนี้ก็แล้วไป หากคราวหน้าประสบสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ย่อมต้องให้คนส่งข่าวกลับวังทันที ไม่ว่าอย่างไร ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”
แม่ลูกทั้งสองพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
ขันทีรายงาน “ทูลฮองเฮา องค์ชายสองเสด็จมาถวายบังคม เวลานี้รออยู่ด้านนอกพระตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”
คิ้วของเถาฮองเฮาขมวดเล็กน้อย
“อากาศหนาวเย็น เขาไม่พักรักษาตัวอยู่ในจวน เหตุใดจึงวิ่งเข้าวังหลวงมา หากเป็นอันใดไปจะทำอย่างไร ไปเชิญหมอหลวงมา รีบเชิญองค์ชายสองเข้ามา ต้มน้ำขิงมาชามหนึ่งด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ขันทีรับคำสั่งถอยลงไป
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้แสดงสีหน้าดีใจ “เสด็จพี่สองมาแล้ว! ไม่พบกว่าครึ่งปี คิดถึงเสด็จพี่สองยิ่งนัก”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปต้อนรับที่ประตูตำหนัก
พี่น้องสองคนพบหน้ากันก็หัวเราะออกมา พวกเขาต่างแสดงท่าทียินดีอย่างยิ่ง
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินตบไหล่ของน้องชาย พูดด้วยความยินดี “คล้ำลง แต่ก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ออกไปฝึกฝนมา มีการพัฒนาเสียจริง”
“ร่างกายของเสด็จพี่สองเป็นอย่างไร อากาศหนาวเย็น เสด็จพี่สองรีบเข้าตำหนักเถิด”
เซียวเฉิงอี้พยุงแขนของเซียวเฉิงเหวินเดินเข้าตำหนักใหญ่
เถาฮองเฮาอมยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสองมาแล้ว! นั่งลงเถิด! เจ้าก็นะ ในเมื่อร่างกายไม่ดีก็พักอยู่ในจวน ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ามาถวายบังคม อากาศเย็นเช่นนี้ยังวิ่งออกมา ไม่กลัวร่างกายเป็นอันใดไปหรือ”
เซียวเฉิงเหวินป้องปากกระแอมไอเสียงเบา สีหน้าอ่อนแออย่างมาก
เขาพูดเสียงเบา “เสด็จแม่ทรงสั่งสอนได้ถูกต้อง กระหม่อมได้ยินว่าน้องสามเข้าวังมาถวายบังคม คิดว่าไม่ได้พบน้องสามเป็นเวลานาน อีกทั้งไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงเดินทางเข้าวังมาเพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”
คำว่า ‘เพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตา’ จริงใจอย่างมาก
เถาฮองเฮาไม่อาจตำหนิเขาได้อีก “ดื่มชาร้อนอบอุ่นร่างกายเสียก่อน ข้าให้ขันทีไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว เมื่อหมอหลวงมา ให้เขาตรวจดูให้เจ้า”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงเป็นกังวล”
ใบหน้าของเซียวเฉิงเหวินเปื้อนยิ้ม เขาดื่มชาร้อนหนึ่งคำก่อนจะวางลง
เถาฮองเฮากวาดตามองมือของเขา ภายในใจยิ้มเย็นยะเยือก
นางอยากพูดกับบุตรชายคนโตเซียวเฉิงเหวิน ข้าไม่ได้วางยาพิษ เจ้าดื่มอย่างวางใจเถิด
หากนางวางยาพิษ บุตรชายคนโตยังจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้หรือ
น่าขันสิ้นดี!
“ร่างกายของเสด็จพี่สองดีขึ้นแล้วหรือไม่” เซียวเฉิงอี้ถามด้วยความห่วงใย
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณน้องสามที่เป็นห่วง ยังเหมือนเดิม ไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ตาย”
“ตายไม่ตายอันใดกัน น้องชายของเจ้าเพิ่งถึงเมืองหลวงเมื่อวาน ระวังคำพูดหน่อย” เถาฮองเฮาตักเตือนเขา
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “เสด็จแม่ตรัสได้ถูกต้อง น้องสามเพิ่งกลับมา กระหม่อมไม่ควรพูดเรื่องไม่ดีเช่นนี้ต่อหน้าน้องสาม”
“ไม่สำคัญ!” เซียวเฉิงอี้รีบแสดงท่าที
บรรยากาศการอยู่ด้วยกันของแม่ลูกสามคนไม่ดีเหมือนก่อนหน้านี้
บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย
เซียวเฉิงอี้แอบสังเกตและคาดเดาภายในใจ
เสด็จแม่ทรงมีความขัดแย้งกับเสด็จพี่สองหรือ
ดูท่าทางความขัดแย้งยังไม่น้อย
เขาอยากจะสืบ ดังนั้นจึงหาข้ออ้างออกจากตำหนักใหญ่ไป
คราวนี้ ภายในตำหนักใหญ่เหลือเพียงเถาฮองเฮาและเซียวเฉิงเหวินสองคน
เถาฮองเฮาไร้ซึ่งความกังวลอีกต่อไป นางตำหนิเสียงเบา “เหตุใดเจ้าจึงเข้าวังในเวลานี้ เจ้าคิดจะทำสิ่งใด”
เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “เสด็จแม่ไม่ต้องทรงกังวล วันนี้กระหม่อมเข้าวังหลวงมาเพื่อน้องสามเท่านั้น”
“เขาเป็นน้องชายของเจ้า เจ้าอย่าคิดทำอันใดเขาเด็ดขาด” เถาฮองเฮากังวลอย่างมาก
เซียวเฉิงเหวินกลับพูด “เสด็จแม่ทรงไม่รู้จักกระหม่อมเอาเสียเลย หากกระหม่อมคิดจะทำอันใดน้องสาม วันนี้ก็จะไม่เข้าวัง เข้าวังมาก็เพื่อดูเท่านั้น ระยะนี้เสด็จแม่ทรงเป็นอย่างไรบ้าง”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย “เสด็จแม่ทรงรู้หรือไม่ หลังจากเสด็จพ่อทรงให้น้องสามออกมา พระองค์ก็ทรงออกพระราชโองการเรียกแม่ทัพกองทัพเหนือเข้าเฝ้า”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว ไม่ตอบโต้
“สิ้นปีแล้ว เสด็จพ่อยังไม่ทรงหยุด พระองค์ยังแสดงท่าทีที่จะปะทะต่อไป ตระกูลเถาเป็นมีดในมือของเสด็จพ่อ ไม่รู้จะอดทนได้ถึงเมื่อใด”
เถาฮองเฮากดเสียงต่ำ “ท่านลุงใหญ่ของเจ้าไม่ออกจากจวนแล้ว อย่าได้พูดจาเหลวไหล”
เซียวเฉิงเหวินโน้มตัวเข้าใกล้พร้อมทั้งกดเสียงต่ำเช่นเดียวกัน “วันนั้นเสด็จแม่ทรงสนับสนุนให้เสด็จพ่อทรงใช้ตระกูลเถาและเชื้อพระวงศ์รับมือกับตระกูลขุนนาง พระองค์ทรงคาดคิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ น้องสามบรรลุภารกิจบรรเทาภัยพิบัติอย่างอยากลำบาก กลับเมืองหลวงมาอย่างปลอดภัย สถานการณ์ในเวลานี้ อย่าว่าแต่ขอรางวัลพระราชทาน แม้แต่เอ่ยก็ยังไม่กล้าเอ่ย งานใหญ่ของเสด็จแม่และน้องสามจะสำเร็จได้เมื่อใดกัน”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าอยากพูดเรื่องใดกันแน่”
“กระหม่อมแค่อยากเตือนเสด็จแม่ด้วยความหวังดี การตัดสินใจในวันนั้นเป็นเรื่องที่ผิด การหยุดในเวลาที่เหมาะสมจึงจะเป็นทางที่ดี หากพระองค์ยังทำตามพระทัยของตนเอง เกรงว่าจะนำมาซึ่งหายนะที่เกินจะจินตนาการ”
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า?”
เถาฮองเฮาโกรธจัด
เซียวเฉิงเหวินกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่! กระหม่อมเพียงแค่เตือนเสด็จแม่ด้วยความหวังดี อาศัยปีใหม่ พระองค์ต้องทรงยับยั้งเสด็จพ่อเสียบ้าง พระองค์เป็นผู้วางเพลิง ย่อมต้องรับผิดชอบในการดับเพลิง แผ่นดินต้าเว่ยต้องการความสงบ พระองค์ก็คงไม่ต้องการให้น้องสามรับช่วงแผ่นดินที่เต็มไปด้วยบาดแผล”
เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “เจ้ายกยออิทธิพลของข้าที่มีต่อเสด็จพ่อของเจ้าเกินไป ข้าไม่ปิดบังเจ้า เวลานี้เสด็จพ่อของเจ้าทรงตื่นเต้นอย่างมาก ไม่ฟังคำโน้มน้าวใดทั้งสิ้น”
“เช่นนั้นก็หาสตรีอ่อนเยาว์ที่งดงามให้เสด็จพ่อสองสามนาง เบี่ยงเบนความสนใจของเสด็จพ่อ เหน็ดเหนื่อยมานานเพียงนี้แล้ว เสด็จพ่อก็ต้องทรงพักผ่อนบ้าง”
น้ำเสียงของเซียวเฉิงเหวินราบเรียบ
มอบสตรีให้เสด็จพ่อของตนเอง เมื่อพูดออกมาจากปากของเขาก็ราวกับพูดว่าวันนี้กินอันใดดี
เถาฮองเฮาไม่เต็มใจที่จะมอบสตรีให้ฮ่องเต้นัก
แต่บางทีเวลานี้ การมอบสตรีหนึ่งนางสามารถเทียบได้กับคำโน้มน้าวเป็นร้อยเป็นพันคำ
นางกัดฟัน “ได้! วันนี้ข้าจะส่งหญิงงามหลายคนไปให้เสด็จพ่อของเจ้า ส่วนเจ้าอย่าได้แทรกแซงราชสำนักอีก น้องชายของเจ้ากลับมาแล้ว หากหลังจากนี้มีเรื่องใด ข้าจะให้น้องชายของเจ้าจัดการ ร่างกายของเจ้าไม่ดีก็พักรักษาร่างกายอยู่ในจวนให้สบาย หากเงินไม่พอใช้ ข้าจะพระราชทานให้เจ้า”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงเป็นกังวล! เวลานี้เงินยังพอใช้ ร่างกายกระหม่อมไม่ดีนัก นั่งนานไม่ได้ กระหม่อมขอทูลลา ไม่รบกวนเวลาแห่งความสุขของเสด็จแม่กับน้องสามแล้ว!”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นจากไป
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้กลับมาพอดี
“เสด็จพี่สองจะไปแล้วหรือ เหตุใดจึงไม่อยู่เสวยอาหารกลางวันก่อน”
เถาฮองเฮาตอบแทนเซียวเฉิงเหวิน “เสด็จพี่สองของเจ้าต้องกลับไปดื่มน้ำสมุนไพร ล่าช้าไม่ได้”
“ข้าไปส่งเสด็จพี่สอง”
“ขอบใจน้องสาม”
พี่น้องทั้งสองเดินออกจากตำหนักเว่ยยางไปด้วยกัน
เซียวเฉิงอี้ถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จพี่สองทรงทะเลาะกับเสด็จแม่หรือ”
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะร่า “สืบเรื่องที่เจ้าอยากรู้ได้แล้วหรือ สู้ข้าบอกเจ้าเองดีกว่า”
เซียวเฉิงอี้ยิ้มเก้อ ดวงตาแพรวพราวเล็กน้อย
เขาพูด “ไม่ว่าเรื่องใดก็ปิดบังเสด็จพี่สองไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโต เสด็จพี่สองมักพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้เสมอ”
เซียวเฉิงเหวินมองเขาด้วยรอยยิ้มรู้ทัน “เสด็จแม่ทรงคาดหวังกับเจ้าอย่างมาก ความมั่งคั่งของนางในครึ่งชีวิตหลัง ความมั่นคงของตระกูลเถาล้วนอยู่บนตัวเจ้า นางไม่อนุญาตให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่อนุญาตให้คนนินทาว่าร้ายเจ้าแม้แต่น้อย เจ้าเข้าใจหรือไม่”
เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “ข้าล้วนเข้าใจ! ข้าไม่มีทางทรยศต่อความคาดหวังของเสด็จแม่”
“เจ้าคิดหรือยังว่าจะทำอย่างไร”
“ขอเสด็จพี่สองทรงชี้แนะ!”
ท่าทีของเซียวเฉิงอี้ถ่อมตนอย่างมาก
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “ข้าไม่สามารถชี้แนะเจ้าได้ ข้างกายเจ้ามีที่ปรึกษามากมาย คิดว่าเจ้าคงมีแผนการอยู่ก่อนแล้ว อากาศหนาว เจ้าไม่ต้องส่งแล้ว ทางเสด็จแม่ยังรอเจ้าอยู่ เจ้ากลับไปเถิด”
“เสด็จพี่สองทรงโกรธหรือ เสด็จพี่สองทรงให้ความสำคัญกับท่าทีของเสด็จแม่อย่างมากใช่หรือไม่”
“เจ้าต้องการรู้เรื่องใด”
“หากวันหนึ่ง ข้าไม่เคยทรยศต่อความคาดหวังของทุกคน ข้าย่อมจะหาหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงที่สุดให้เสด็จพี่สอง รักษาเสด็จพี่สองให้หายดี ข้ายังจะแต่งตั้งเสด็จพี่สองเป็น…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเซียวเฉิงเหวินพูดขัด
“หุบปากเสีย! เจ้าไม่ดูว่าที่นี่คือที่ใดก็กล้าพูดจาเหลวไหล ไม่กลัวส่งไปถึงหูของเสด็จพ่อ ทำให้พระองค์ส่งเจ้าเข้าคุกหลวงหรือ อ่อ ระยะนี้คุกหลวงเต็มแล้ว เจ้าคงต้องไปอยู่ที่วัดจงเจิ้งแทน”
เซียวเฉิงอี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ แต่ว่าเขายังคงเอ่ยขอบคุณ “ขอบพระทัยเสด็จพี่สองที่ทรงตักเตือน ท่านวางพระทัย ข้าไม่มีทางทรยศต่อความคาดหวังของทุกคน”
เซียวเฉิงเหวินโบกมือลาเขา
เมื่อหันหลัง เขาก็เผยยิ้มเสียดสีที่มุมปาก
“ความคาดหวังของทุกคน ทุกคนไหน คิดเองเออเองมากเกินไป”