ตอนที่ 262 ใจร้าย
บ่าวรับใช้นำตำราคัดมือให้เยียนอวิ๋นเกอ ได้เงินรางวัลมาก้อนหนึ่ง ทำให้เขาดีใจอย่างมาก
ในมือมีเงินก็อยากออกไปร่าเริง
เขาไม่รับกลับไปทำงานที่เรือนเล็ก หากแต่วิ่งไปเดินเล่นในตลาดรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปด้วยความสุข
ทันทีที่เขาประตู คนที่เฉื่อช้าอย่างเขาก็พบความผิดปกติของบรรยากาศ
ลุงสวี่ราวกับถูกคนดึงวิญญาณออกจาตัว หลังงอตัวโค้ง ท่าทางชราลง
ทั้งที่เมื่อสองชั่วยามก่อนเขายังกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉงราวกับเด็กหนุ่ม
บ่าวรับใช้กังวลเล็กน้อย “ลุงสวี่ ท่านเป็นอันใดหรือไม่ หรือนายน้อยเกิดเรื่องใดขึ้น”
“อ้อ! เจ้ากลับมาแล้ว นายน้อยไม่เป็นอันใด เจ้าไปรายงานภารกิจเถิด! ไม่ต้องสนใจข้า”
บ่าวรับใช้ไม่เชื่อ ท่าทางเช่นนี้จะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร
เพียงแต่เขาไม่อาจซักถามความจริงออกมาได้อยู่ดี
เซิ่นซูเหวินนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ตั้งใจจดจ่อกับการอ่านตำรา
แสงมืดเล็กน้อย เขาก็ไม่คิดจะจุดเทียน
บ่าวรับใช้รีบจุดเทียน “นายน้อยเป็นห่วงดวงตาของตนเองเสียบ้างขอรับ”
เซิ่นซูเหวินดึงสติกลับมา “ของส่งไปถึงแล้วหรือ”
บ่าวรับใช้รีบพูดด้วบความตื่นเต้น “รายงานรายน้อย บ่าวไม่ทำให้นายน้อยผิดหวัง ได้มอบตำราคัดมือให้กุคุณหนูสี่ตามคำสั่งของนายน้อย นางบอกว่าชอบของขวัญชิ้นนี้อย่างมาก อีกทั้งยังให้ของขวัญตอบแทนกลับมาเป็นสมบัติอันล้ำค่าในห้องตำราทั้งสี่ นอกจากนี้ยังมีใบชาสองจิน
นางให้ข้าน้อยมาบอกนายน้อย ใบชามาจากสวนชาของนาง ไม่ต้องเสียเงิน ให้นายน้อยรับเอาไว้ ส่วนสมบัติอันล้ำค่าในห้องตำราทั้งสี่เป็นของขวัญตอบแทน นายน้อยไม่ต้องเกรงใจ นางยังบอกว่าตอนที่นายน้อยเดินทางออกจากเมืองหลวง นางไม่สามารถเดินทางมาส่งได้ ขอนายน้อยโปรดอภัย!”
พูดจบ บ่าวรับใช้ก็วางตะกร้าลงบนโต๊ะ
ภายในตะกร้าบรรจุของขวัญตอบแทนของเยียนอวิ๋นเกอ
เซิ่นซูเหวินลังเลชั่วครู่ ก่อนจะเปิดฝาตะกร้าออก
ใบชาสองจินบรรจุไว้ในกระบอกไม้ไผ่ ด้านบนเขียนว่าสวนชาหนานเป่ย
สมบัติอันล้ำค่าในห้องตำราทั้งสี่ล้วนมีคุณภาพชั้นดี เกรงว่ามูลค่าคงไม่ต่ำกว่าร้อยก้วน
เขาถอนหายใจออกมา พลันสั่งบ่าวรับใช้ “เก็บเอาไว้เถิด!”
บ่าวรับใช้ลังเลเหมือนต้องการพูดบางอย่าง
เซิ่นซูเหวินมองเขา “ยังมีเรื่องใดอีก”
บ่าวรับใช้จึงพูดขึ้น “ตอนที่บ่าวออกจากจวนท่านหญิง พ่อบ้านภายในจวนให้ป้ายไม้มาอันแผ่น บอกว่าใช้สำหรับแรกชุดสำเร็จรูป ป้ายไม้หนึ่งแผ่นสามารถแลกรับชุดสำเร็จรูปสามชุดกับรองเท้าและถุงเท้า นายน้อยปฏิเสธไม่ได้ จึงรับเอาไว้”
พูดจบ เขาก็นำแผ่นไม้ทั้งสามออกมาวางไว้บนโต๊ะ ภายในใจตุ้มๆ ต่อมๆ
เซิ่นซูเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ามั่นใจว่าไม่ใช่คุณหนูสี่ให้เจ้า หากแต่เป็นพ่อบ้านของจวนท่านหญิงให้เจ้า”
บ่าวรับใช้พยักหน้าระรัว “บ่าวไม่กล้าปิดบังนายน้อย พ่อบ้านของจวนท่านหญิงเป็นผู้ให้มาจริง ตอนที่บ่าวใกล้จะออกจากประตูจวน บ่าวได้พบกับพ่อบ้านของจวนท่านหญิง เขาจึงให้ป้ายไม้สามแผ่นแก้ข้าน้อย บอกว่าสามารถไปแลกชุด รองเท้าและถุงเท้าได้ตลอดเวลาภายในปีนี้ เมื่อถึงปีหน้า ป้ายไม้ก็ไม่สามารถใช้ได้แล้ว”
เซิ่นซูเหวินสูดลมหายใจเข้า “ในเมื่อให้เจ้าแล้ว เจ้าก็รับเอาไว้เถิด จะเอาไปแลกหรือจะขายต่อให้ผู้อื่น เจ้าตัดสินใจเอง”
บ่าวรับใช้ส่ายหน้าระรัว “บ่าวรับเอาไว้ไม่ได้ ถึงแม้พ่อบ้านของจวนท่านหญิงไม่ได้พูดสิ่งใด แต่บ่าวก็รู้ว่าป้ายไม้นี้ให้นายน้อย บ่าวจะเอาเปรียบนายน้อยได้อย่างไร”
เซิ่นซูเหวินยิ้ม “ข้าให้แผ่นไม้นี้แก่เจ้า”
บ่าวรับใช้ไม่ยอมรับเอาไว้ อีกทั้งยังวิ่งหลบออกไปไกล
เซิ่นซูเหวินทำหน้าระอา ทำได้เพียงรับแผ่นไม้เอาไว้
…
หลังจากที่องค์หญิงติ้งเถาถูกองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินสั่งสอนแล้ว ถึงแม้นางจะกลับไปถึงจวนองค์หญิง แต่นางก็ยังคงตื่นตระหนก แต่ละวันล้วนมีท่าทีหวาดระแวง
เพียงแค่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็จะทำให้นางหวาดวิตก
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ทรงเป้นห่วงนาง จึงเดินทางมาเยือนจวนองค์หญิงในวันที่พักผ่อน
ก่อนมา เขาไม่ได้รู้สึกว่าอาการของติ้นเถาจะหนักหนานัก
แต่เมื่อพบคน เขาถึงได้รู้ว่าเขาคิดง่ายเกินไป
“เหตุใดน้องหญิงจึงกลายเป็นเช่นนี้”
เซียวเฉิงอี้สงสารอย่างมาก
ติ้งเถาผอมลงอย่างมาก
แก้มที่อวบอิ่มในเดิมทีกลายเป็นซีดเซียว
ลูกตากลอกไปมาแสดงถึงความกังวล
เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงอย่างไม่พอใจ
หลิวเป่าผิงรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก “ตั้งแต่องค์หญิงกลับมาจากวังหลวงก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ปลอบนางมีผลแค่เวลานั้น หลังจากนั้นก็กลายเป็นเช่นนี้เหมือนเดิม”
เซียวเฉิงอี้กัดฟัน พูดกับหลิวเป่าผิง “ข้าอยากคุยกับติ้งเถาส่วนตัว”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงเข้าใจ เขาลุกขึ้นขอทูลา ทิ้งห้องโถงไว้ให้สองพี่น้อง
เซียวเฉิงอี้เข้าใกล้อีกเล็กน้อย เขาสังเกตสีหน้าขององค์หญิงติ้งเถา “น้องหญิง ข้าคือพี่สาม เจ้ามีเรื่องไม่เป็นธรรมใด เจ้าบอกข้า ข้าคิดหาวิธีแทนเจ้า”
องค์หญิงติ้งเถาส่ายหน้าระรัว “พูดไม่ได้ พูดไม่ได้แม้แต่น้อย หากข้ากล้าพูดจาเหลวไหลอีก เสด็จพี่สองจะทรงไม่พอพระทัย”
ตอนที่พูด สายตาของนางล่อกแล่ก แสดงออกถึงความกังวลอย่างมาก
ราวกับสงสัยว่ารอบด้านมีคนกำลังแอบฟัง
สองมือของเซียวเฉิงอี้กดอยู่บนไหล่ของนาง “ติ้งเถา เจ้ามองข้า เจ้าบอกข้า เสด็จพี่สองทรงทำอันใดกับเจ้า”
องค์หญิงติ้งเถาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า “เสด็จพี่สองไม่ได้ทรงทำอันใด เขาเพียงแค่พูดกับข้าด้วยเหตุผล บอกว่าข้าควรโตได้แล้ว เสด็จพี่สาม ท่านอย่าเข้าใจผิด ระยะนี้ข้าแค่กินไม่ได้ จึงผอมลง หลังจากอากาศอบอุ่นขึ้นในฤดูหนาว ข้าจะดีขึ้นเอง”
“เจ้าจะดีขึ้นได้อย่างไร เจ้าบอกข้า เจ้าส่องกระจกครั้งล่าสุดเมื่อใด เจ้าเคยเห็นสภาพตัวเองในเวลานี้หรือไม่ เวลานี้เจ้าย่ำแย่อย่างมาก เจ้ารู้หรือไม่”
เซียวเฉิงอี้สงสารอย่างมาก
ไม่ว่าติ้งเถาจะดื้อเพียงใด จะเอาแต่ใจเพียงใด แต่นางก็เป็นน้องสาวของตนเอง
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าเสด็จพี่สองจะต้องทรงโหดเหี้ยมเพียงใด จึงทรมานติ้งเถาจนกลายเป็นสภาพนี้
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไปหาเสด็จแม่ ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้า”
ติ้งเถาจ้องมองเขา ก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา
นางกอดเสด็จพี่สาม เซียวเฉิงอี้เอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือออก
เซียวเฉิงอี้ตบไหล่ของนางเบาๆ ไม่พูดสิ่งใด
เขาเพียงแค่ต้องอยู่ข้างกายติ้งเถา ฟังนางร้องไห้ ดูนางระบาย
เมื่อติ้งเถาร้องไห้ออกมาอย่างหนักแล้ว ร้องไห้จนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางน่าอนาถ
แต่จิตใจของนางสดใส
เวลาผ่านไปนานเพียงนี้ ในที่สุดนางก็ร้องไห้ออกมา
เซียวเฉิงอี้ถามนาง “รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่”
นางซับน้ำตา พลันพยักหน้าด้วยความเขินอาย “ให้เสด็จพี่สามทรงกังวลเรื่องข้า ไม่สมควรเอาเสียเลย”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้าพูดเช่นนี้ก็ห่างเหินเกินไปแล้ว เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ เสด็จพี่สองทรงทำอันใดเจ้า”
ติ้งเถาส่ายหน้า “ไม่ได้ทำสิ่งใด เขาแค่ขังข้าเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดพูดคุยกับข้า…”
นางก้มหน้าเงียบเสียง
เซียวเฉิงอี้ทำหน้าขุ่นเคือง “เหตุใดเขาจึงทำกับเจ้าเช่นนี้ เจ้าวางใจ เรื่องนี้ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้า”
“ขอบพระทับเสด็จพี่สาม! ท่าน ท่านต้องระวัง อย่าปะทะกับเสด็จพี่สอง เขา…”
ติ้งเถาไม่ได้พูดต่อ
เวลานี้ภายในใจของนางมีแต่ความหวาดกลัว
นางหากพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับเสด็จพี่สอง มันจะไปถึงหูของเสด็จพี่สองหรือไม่ จากนั้นนางจะถูกลงโทษอีกหรือไม่
นางไม่กล้าพูดแล้ว ไม่กล้าพูดสิ่งใดแล้ว
เมื่อเซียวเฉิงอี้เห็นว่าไม่ได้คำตอบ เขาจึงเดินทางเข้าไปในวัง
…
เขาเดินทางมาถึงตำหนักเว่ยยางด้วยไฟโกรธที่คุกรุ่น
เมื่อมองดูตำหนักที่สูงตระหง่าน ทันใดนั้นเขาก็สงบลง
เหตุใดเขาจึงโกรธ
เขาโกรธไม่ได้!
ความโกรธไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่ม
เขาสูดลมหายใจเข้า พลันเดินเข้าตำหนักเว่ยยาง เข้าเฝ้าเสด็จแม่ โน้มตัวถวายบังคม
วันนี้เถาฮองเฮาอารมณ์ดี เรียกให้เขานั่งลง
เขานั่งลงกับพื้น ครุ่นคิดหาคำพูด “วันนี้ข้าไปเยี่ยมติ้งเถา พบว่านางผอมลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังหวาดกลัวอย่างมาก นางราวกับกลัวเสด็จพี่สองอย่างมาก”
วันนี้เถาฮองเฮาต้มชาด้วยตนเองอย่างอารมณ์ดี “วันนี้เจ้าเข้าวังมาเพื่อฟ้องเรื่องพี่สองของเจ้า?”
เขาส่ายหน้า “ข้าไม่ได้มาฟ้อง เพียงแค่เห็นติ้งเถายังมีอาการหวาดกลัวแม้จะอยู่ในจวนองค์หญิงของตนเอง ข้าก็รู้สึกสงสารอย่างมาก นางเป็นสตรี ไม่สามารถแบกรับหน้าที่สำคัญหรือการใหญ่ใดได้ เหตุใดจึงไม่ใจกว้างกับนางเสียบ้าง”
มือของเถาฮองเฮาชะงักไป เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบประโยคนี้
นางพูดเสียงดุ “ข้ายังไม่ใจกว้างกับติ้งเถาอีกหรือ ตั้งแต่เล็กจนโต นางอยากทำสิ่งใดก็ทำ มีองค์หญิงองค์ในวังหลวงไม่เคยถูกนางกลั่นแกล้ง ทุกครั้งที่นางก่อปัญหา ข้าก็เป็นคนจัดการให้นาง ข้ายังไม่ใจกว้างอีกหรือ สาเหตุที่ติ้งเถากลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะข้าใจกว้างกับนางเกินไป
แต่ก่อนข้าสามารถใช้ข้ออ้างว่านางยังเด็ก เวลานี้นางออกเรือนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถตามใจนางได้อีกต่อไป เมื่อทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ ยิ่งรับโทษเร็วยิ่งตื่นรู้เร็ว ภายหลังย่อมทำผิดน้อยลง เจ้าไม่ควรตำหนิพี่สองของเจ้า ในทางกลับกัน เจ้าควรขอบคุณเขา”
เหลวไหล!
ยังให้เขาขอบคุณเสด็จพี่สองอีก
เหลวไหลเสียจริง
เซียวเฉิงอี้ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเถาฮองเฮาแม้แต่น้อย
เขาโต้แย้ง “เสด็จแม่ไม่ทรงสั่งสอนติ้งเถาในช่วงอายุที่นางควรได้รับการสั่งสอน เวลานี้นางออกเรือนแล้ว เสด็จแม่กลับทรงมีความคิดที่จะสั่งสอนนาง เสด็จแม่เคยทรงคิดว่าติ้งเถานางจะรับได้หรือไม่
ถึงแม้จะสั่งสอนก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน หากไม่ใช่ใช้ยาแรงในคราวเดียว เสด็จแม่ทรงรู้หรือไม่ ติ้งเถาถูกเสด็จพี่สองทรงสั่งสอนจนเป็นโรคแล้ว เวลานี้นางพบผู้ใดก็ตื่นตระหนก ติ้งเถาที่สดใสชอบยิ้มนั้นไม่มีอีกแล้ว”
เถาฮองเฮาไม่หวั่นไหว “แล้วอย่างไร คนย่อมต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต ติ้งเถาเพียงแค่โตช้าไปไม่กี่ปีเท่านั้น เจ้าลืมตาดูรอบข้างของเจ้า ผู้ใดสามารถปล่อยเสียงหัวเราะอย่างไร้ความกังวลในช่วงอายุที่เท่ากับติ้งเถา การเติบโตย่อมต้องมีความเจ็บปวด เจ้าก็ข้ามผ่านมันมาเช่นนี้ เจ้าทำได้ เหตุใดติ้งเถาจึงทำไม่ได้
พวกเจ้าล้วนเป็นบุตรของข้า เหตุใดนางจึงต้องถูกปฏิบัติอย่างพิเศษ หากนางย่อมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ควบคุมปากของตนเองให้ดี ข้าย่อมไม่สนใจนาง ให้นางอยู่อย่างไร้เดียงสาไปทั้งชีวิตยังได้ แต่นางไม่สามารถควบคุมปากของตนเองไม่ให้พูดจาเหลวไหลได้ หากไม่สั่งสอนนางในเวลานี้ เจ้าจะรอให้นางสร้างปัญหาก่อนค่อยสั่งสอนหรืออย่างไร เจ้าช่างเหลวไหลเสียจริง! เมตตาเหมือนดั่งสตรี! เจ้าไม่รู้สาเหตุของเรื่องก็อย่าได้ใช้อารมณ์ ยิ่งอย่าได้คิดไปเอง”
เถาฮองเฮาตวาดองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างหาได้ยาก
ภายในดวงตาของนางประกายความโกรธ
บุตรชายของนางต้องมีมโนธรรม แต่ก็ต้องกล้าตัดสินใจ
เวลาที่ควรโหดย่อมต้องโหด
หากใช้เพียงมโนธรรม แต่ไร้ความโหดเหี้ยม ย่อมต้องถูกผู้อื่นกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกในสักวันหนึ่ง