ตอนที่ 274 บีบคั้น
หลิงฉางจื้อยกแก้วชาขึ้น ดื่มอย่างเหม่อลอย
คนอย่างเยียนอวิ๋นเกอยากที่จะคบหาด้วยเสียจริง
ใช้ไม่ได้ทั้งไม้อ่อนและไม่แข็ง คำพูดดีไม่ดีล้วนให้นางพูดจนหมด
ฉลาดราวกับผี เล่ห์เหลี่ยมราวกับจิ้งจอก ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย
แต่เพียงแค่เสนอข้อแลกเปลี่ยนที่มีมูลค่าเพียงพอ นางก็จะกลายเป็นคนที่เจรจาด้วยง่าย อีกทั้งยังใจกว้างอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกว่าการคบหากับคนอย่างนางคุ้มค่าอย่างมาก
นางเป็นคนที่ย้อนแย้งเช่นนี้เสมอ
ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน นางมักจะคิดเล็กคิดน้อย ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ตรายใดที่บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว ทุกเรื่องย่อมสามารถเจรจาต่อรองกันได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลิงฉางจื้อก็หัวเราะเยาะตนเอง
เขาวางแก้วชาลง “หากข้าบอกว่าไม่รู้ความคืบหน้าเรื่องหมั้นหมายของพี่อวิ๋นฉวน เจ้าเชื่อหรือไม่”
เชื่อกับผี!
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่ทันที
หลิงฉางจื้อในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลหลิง เขาเป็นคนที่ตระกูลให้ความสำคัญที่สุด เขาจะไม่รู้การตัดสินใจของตระกูลหรือ
ล้อเล่นหรืออย่างไร
นางไม่ใช่เด็กสามขวบที่ผู้อื่นพูดสิ่งใดก็เชื่อสิ่งนั้น
หลิงฉางจื้อเห็นนางกลอกตา จึงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี
“พวกเราเปลี่ยนเงื่อนไขได้หรือไม่ ตระกูลหลิงมีเสบียงจำนวนมาก เจ้าต้องการเท่าใดข้ามีเท่านั้น ข้าขายให้เจ้าหรือท่านโหวกว่างหนิง บิดาของเจ้าในราคาครึ่งหนึ่งของราคาตลาด”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา “ข้อเสนอไม่เลว แต่เวลานี้ข้าไม่ขาดแคลนเสบียง”
“เสบียงของข้าเป็นเสบียงใหม่ของปีที่แล้ว”
“ปีที่แล้วภัยแล้ง คุณภาพเสบียงก็เท่านั้น”
น้ำเสียงของเยียนอวิ๋นเกอแสดงออกถึงความรังเกียจ
นางเป็นเกษตรกรตัวน้อยที่เชี่ยวชาญในการเพาะปลูก
ปีที่แล้วพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนไร้ผลผลิต แต่ในเวลาเดียวกัน แม้จะมีภัยแล้ง ตระกูลขุนนางส่วนใหญ่ก็ยังมีผลประกอบ
แต่เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ถึงแม้จะมีการรดน้ำที่เพียงพอ คุณภาพของเสบียงก็ยังลดลง
ไม่ว่าอย่างไร ข้าวสาร แป้ง หรือธัญพืชอื่นๆ ของปีที่แล้วล้วนมีคุณภาพที่ไม่ดี
ส่งผลให้คุณภาพของสุราหมัก เครื่องปรุง น้ำมันจากถั่ว…น้ำมันที่ต้องใช้เสบียงในการหมัก รวมทั้งผักดองในปีนี้ล้วนลดต่ำลง
แม้กระทั่งคุณภาพของเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ดก็ลดต่ำลงด้วย
เสบียงเป็นต้นเหตุ!
หากเสบียงมีคุณภาพดี คุณภาพของสินค้าอื่นย่อมจะยกระดับขึ้นตาม
หากปีที่มีสภาพอากาศที่ดีมาก สุราหมัก เครื่องปรุง ผักดอก น้ำมันจากถั่วที่ผลิตออกมาในปีนั้น…ล้วนเป็นสินค้าชั้นดี
แม้กระทั่งผ้าผืนชนิดเดียวกัน ฝีมือเหมือนกัน โรงถักทอเดียวกัน แต่เนื่องจากวัสดุที่ดีกว่า คุณภาพของผ้าผืนก็จะสูงขึ้นอีกหลายระดับ
ไหม ป่าน นุ่นล้วนได้รับผลกระทอบจากสภาพอากาศ
สภาพอากาศดี คุณภาพของด้ายไหม ด้ายป่าน ด้ายนุ่นที่ผลิตออกมาจะดีกว่า ทำให้คุณภาพของผ้าผืนดีกว่าตามไปด้วย
หลิงฉางจื้อใช้เสบียงปีที่แล้วมาขายให้ในครึ่งราคา ทำเหมือนนางจะได้เปรียบอย่างมาก
แต่หารู้ไม่ว่าเสบียงที่ผลิตออกมาของปีที่แล้ว แม้จะลดราคาร้อยละเจ็ดสิบ เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่แม้แต่จะมอง
รังเกียจ!
นางไม่ขาดแคลนเสบียงเท่านั้น
หากหลิงฉางจื้อยอมให้เสบียงนางโดยไม่คิดเงิน เช่นนั้นถึงจะเป็นความจริงใจ
หลิงฉางจื้อนวดคลึงหว่างคิ้ว “เสบียงของปีก่อน เจ้าก็ไม่อยากได้ใช่หรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มแต่ไม่ส่งเสียง
หลิงฉางจื้อพูดอีก “ปีนี้ คุณภาพของใบชาในฤดูใบไม้ผลิของตระกูลหลิงไม่เลว หากเจ้าสนใจ ข้าขายให้เจ้าหนึ่งหมื่นจินในราคาครึ่งหนึ่งของตลาด”
ราคาครึ่งหนึ่งหรือ
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งแสนจิน!”
ใบชาที่ราคาลดเหลือครึ่งหนึ่ง อีกทั้งยังมาจากสวนชาของตระกูลหลิง นางย่อมต้องฉวยโอกาสซื้อในปริมาณมาก
ซื้อได้ย่อมได้กำไร
มุมปากของหลิงฉางจื้อกระตุก “ข้าให้เงินเจ้าก้อนหนึ่งเสียดีกว่า”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะร่า “เช่นนั้นคงเกรงใจแย่! ข้าไม่รังเกียจเงินน้อย แต่ยิ่งไม่รังเกียจเงินมาก”
หลิงฉางจื้อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
เขามั่นใจว่าเยียนอวิ๋นเกอจงใจ แสร้งทำซื่อกับเขา
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ พูดมาตามตรงเสียดีกว่า!”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม “เงื่อนไขของข้าเสนอออกมาแล้ว แต่ใต้เท้าหลิงไม่สามารถทำได้ สู้เชิญเยียนอวิ๋นฉวนออกมา ให้ข้าได้คุยกับเขาเสียก่อน”
หลิงฉางจื้อเคาะโต๊ะเบาๆ เขายังไม่แน่ใจจุดประสงค์ที่แท้จริงในการพบเยียนอวิ๋นฉวนของเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอพูด “หากใต้เท้าหลิงไม่วางใจ สามารถให้คนไปตรวจดูด้านนอก ดูว่ายังมีคนขององครักษ์จินอู่หลงเหลืออยู่หรือไม่ หากพบองครักษ์จินอู่แม้แต่คนเดียว ข้าจะพาคนจากไปทันที หลังจากนี้ไม่ถามเรื่องของเยียนอวิ๋นฉวนอีก”
หลิงฉางจื้อพยักหน้าให้พ่อบ้านใหญ่ หลิงกุ้ย
หลิงกุ้ยรับคำสั่งในทันที เขาส่งคนไปตรวจสอบด้านนอก อีกทั้งยังส่งคนไปจับตาเฝ้าดูที่หน้าประตูสำนักองครักษ์จินอู่
ระหว่างรอคอย เยียนอวิ๋นเกอดื่มชากินของว่างอย่างสบายอารมณ์
หลิงฉางจื้อพูดคุยกับนาง “ข้าสามารถช่วยคุณหนูสี่จัดหาเส้นดายชั้นดีห้าร้อยหาบ ราคาร้อยละเก้าสิบของราคาตลาด ไม่รู้ว่าเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอตั้งสติพลันวางของว่างลงในทันที
โรงถัดทอของนางกำลังกลัดกลุ้มเรื่องวัสดุไม่เพียงพอ แต่ละวันสามารถทำงานได้เพียงครึ่งวัน
ปีที่แล้วภัยแล้ง ขาดทุนทุกด้าน
สุดท้ายอาศัยการขายผ้าผืนชดเชยการขาดทุนของเรือนพักร่ำรวยทั้งหมด
กิจการด้านการถักทอสามารถพัฒนาได้อย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอเตรียมพัฒนาด้านนี้เป็นหลัก
เสียดายเพียงอุณหภูมิและดินในเมืองหลวงไม่เหมาะสมสำหรับการเพาะต้นหม่อนเลี้ยงหนอนไหม ใยไหมจึงต้องซื้อจากทางใต้เท่านั้น
ระยะทางห่างไกล ราคาก็สูง นอกจากนี้เวลาส่วนใหญ่ แม้จะมีเงินก็ยากที่จะหาซื้อใยไหมที่มีคุณภาพดีได้
นางส่งคนลงใต้พื้นหาซื้อที่ดินสำหรับการเพาะต้นหม่อนเลี้ยงหนอนไหม เตรียมตัวเป็นแหล่งทรัพยากรเองแล้ว
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างขึ้นได้ภายในหนึ่งถึงสองปี เวลานี้วัสดุยังคงต้องอาศัยการซื้อ
หลิงฉางจื้อยอมเสนอใยไหมชั้นดีห้าพันหายในราคาร้อยละเก้าสิบนั้นแสดงออกถึงความจริงใจมากกว่าเสบียงครึ่งราคาอย่างมาก
นอกจากนี้สำหรับนางแล้ว ใยไหมเป็นทรัพยากรที่ต้องการเร่งด่วนกว่าใบชา
นางตั้งสติ ไม่แสดงออกถึงความรีบร้อนแม้แต่น้อย
นางเลิกคิ้วยิ้ม “ห้าร้อยหาบ? ใต้เท้าหลิงเห็นข้าเหมือนคนไม่มีเงินหรือ ห้าร้อยหาบเอาไปให้ขอทานเสียดีกว่า อีกทั้งราคาร้อยละสิบช่างไร้ความจริงใจ”
หลิงฉางจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าทางคุณหนูสี่ขายผ้าเมื่อปีที่แล้วได้กำไรมามหาศาล มิน่าถึงมีเงิน แต่ว่าข้าสามารถเค้นออกมาได้ห้าพันหาบก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ใยไหมที่ผลิตจากตระกูลหลิงมีคุณภาพดีเยี่ยม พ่อค้าใหญ่บนแผ่นดินล้วนแย่งชิงกัน
ปริมาณการผลิตใยไหมของปีหน้าถูกกำหนดตั้งแต่เดือนสิบของแต่ละปี ห้าร้อยหาบนี้ล้วนได้มาจากการกดปริมาณของพ่อค้ารายอื่น ด้วยเหตุนี้ยังต้องติดหนี้บุญคุณ คุณหนูสี่อย่าโลภเกินไป
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างรู้ทัน ใยไหมเพียงแค่ไม่กี่ร้อยหาบเทียบกับอนาคตของใต้เท้าหลิง สิ่งใดหนักสิ่งใดเบา? บทสนทนาของท่านแม่กับฝ่าบาทเทียบกับใยไหมเพียงไม่กี่ร้อยหาบ สิ่งใดหนักสิ่งใดเบา? ไม่ว่าจะเป็นเสบียง ใบชา หรือใยไหม ปีนี้ไม่มีแล้ว ปีหน้าก็ยังมีอีก
แต่หากพลาดข่าวไปแล้วก็คือพลาด เมื่อพลาดแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นย่อมไม่อาจชดเชยด้วยใยไหมหรือใบชากี่ร้อยหาบได้ ใต้เท้าหลิงในฐานะผู้มีชื่อเสียงในแวดวงขุนนาง ท่านควรรู้ว่าเลือกทางใดมีผลประโยชน์ต่อท่านที่สุด”
หลิงฉางจื้อเด็ดขาดอย่างมาก “เจ้าต้องการมากน้อยเพียงใด เจ้าบอกมา”
เยียนอวิ๋นเกอเรียกร้องเกินเหตุ “ใบชาห้าหมื่นจิน คุณภาพต้องดีเยี่ยม ครึ่งหนี่งของราคาตลาด ใยไหมสองพันหาบ คุณภาพดี ร้อยละแปดสิบห้าของราคาตลาด”
“ใบชาสามารถให้เจ้าได้ แต่ใยไหมมีแค่หนึ่งพันหาบ ร้อยละเก้าสิบของราคาตลาด”
“สองพันหาย ร้อยละเก้าสิบ”
“หนึ่งพันสองร้อยหาบ ร้อยละเก้าสิบ”
“หนึ่งพันห้าร้อยหาบ ร้อยละเก้าสิบ”
“ตกลง!”
เยียนอวิ๋นเกอเบิกบานใจ
ไม่คิดว่าวันนี้นางจะได้ใยไหมหนึ่งพันห้าร้อยหาบเป็นผลประกอบการที่ไม่คาดคิดมาก่อน
นางฉวยโอกาสในเวลานี้เอ่ยขึ้น “เรือนพักร่ำรวยของข้าก็อยากเข้าร่วมพันธมิตรใยไหมของตระกูลหลิง เข้าร่มการกระจายปริมาณใยไหมในเดือนสิบของทุกปี ขอใต้เท้าหลิงอำนวยความสะดวก”
หลิงฉางจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม “มันขึ้นอยู่กับข่าวที่เจ้าพูดมีมูลค่ามากน้อยเพียงใด จะเป็นการซื้อขายเพียงครั้งเดียว หรือสามารถร่วมมือในระยะยาว ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าในชั่วขณะ”
เยียนอวิ๋นเกอแอบกลอกตา
ตระกูลขุนนางแนวหน้าอย่างตระกูลหลิง ทรัพยากรในมือถือว่าไม่ขาดสาย ต้องการสิ่งใดก็มีสิ่งนั้น นอกจากนี้ยังมีปริมาณมากและราคาดี
ตระกูลเยียนก็เป็นตระกูลขุนนาง
เสียดายที่ตระกูลเยียนปักหลักอยู่ในโยวโจวซึ่งเป็นพื้นที่ยากลำบาก ผลผลิตมีจำกัด
นอกจากมีเหมืองและกองกำลังที่แข็งแกร่งแล้ว ทรัพยากรอื่นเรียกได้ว่าขาดแคลน
เทียบกับตระกูลใหญ่ทางใต้ที่ครอบครองพื้นดินอุดมสมบูรณ์ไม่ได้ ผลผลิตที่ได้นั้นล้วนมีปริมาณมากและคุณภาพดี
แปลงนาแต่ละแห่งล้วนเปรียบเสมือนแม่ไก่ที่ออกไข่ทองคำ
หลังจากนั้นนำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า สำหรับตระกูลขุนนางแล้ว การหาเงินเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เยียนอวิ๋นเกอเรียกร้องต่อ “ข้ายังต้องการป่านและนุ่น หากใต้เท้าหลิงยอมช่วยเหลือ ข้าซาบซึ้งอย่างยิ่ง”
หลิงฉางจื้อหัวเราะ “คุณหนูสี่เรียกร้องมากเสียจนทำให้คนตกตะลึง”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ใต้เท้าหลิงวางใจ ข้าไม่เคยติดหนี้ทางการค้า”
หลิงฉางจื้อชี้ตัวเอง “คำพูดของคุณหนูสี่ ข้าคือให้เจ้า…เจ้าดูข้าเหมือนคนไม่มีเงินหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “แต่ท่านขาดแคลนข่าวสาร! อีกทั้งยังเป็นข่าวที่สำคัญอย่างมาก”
“ข่าวของเจ้าราคาสูงไปหน่อยหรือไม่” หลิงฉางจื้อระอาอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอทำท่าเหมือนจะบีบคั้นมูลค่าของข่าวจนหยดสุดท้าย นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “นุ่น หนึ่งพันหาบ ป่าน สองพันหาม ราคาตามตลาด”
หลิงฉางจื้อกลอกตาทันที เขาโกรธจนแทบจะหัวเราะออกมา
เยียนอวิ๋นเกอกล้าเอ่ยปากเสียจริง
เหตุใดนางจึงคิดว่าตนเองจะรับปากนาง
เขาปฏิเสธทันควัน “ไม่มี!”
เยียนอวิ๋นเกอใช้มือแตะน้ำชา ลงมือวาดภาพหนึ่งลงบนโต๊ะ จากนั้นใช้แขนเสื้อเช็ดทิ้ง
นางมองหลิงฉางจื้อด้วยรอยยิ้ม
หลิงฉางจื้อถลึงตา ราวกับพบเรื่องน่าเหลือเชื่อที่สุดบนโลกนี้
“เจ้า เจ้าวาดแผนที่ของแคว้นหงหนง?”
แผนที่เป็นทรัพยกรหายากที่ขาดแคลนยิ่งกว่าตำราความรู้ในยุคสมัยนี้
บัณฑิตทั่วไปแทบจะไม่ได้สัมผัสกับแผนที่ นอกจากนี้ก็ดูไม่รู้เรื่อง
มีเพียงบุตรหลานในตระกูลขุนนางถึงจะมีโอกาสสัมผัสกับแผนที่ ศึกษาแผนที่
แผนที่ถือเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ หากเป็นผู้ที่รู้คุณค่าย่อมจะแย่งชิงเพื่อให้ได้มันมา
เยียนอวิ๋นเกอไม่ตอบ เพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้ม
หลิงฉางจื้อสูดลมให้หายเข้าเพื่อตั้งสติ
“พูดมาเถิด เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก! เขียนรายการสิ่งที่เจ้าต้องการลงมา ข้าจะพยายามหาให้ เพียงแต่นอกจากข่าวแล้ว ข้ายังตองการแผนที่อีกหนึ่งชุด เจ้าคงจะรู้ว่าข้าต้องการแผนที่ของที่ใด”
เยียนอวิ๋นเกอยังคงไม่ส่งเสียง นางใช้นิ้วเขียนลงบนโต๊ะ “ไม่!”
——————-