ตอนที่ 790 อยากทำธุรกิจถุงน่อง
ในเวลาตีสี่ของวันรุ่งขึ้น ทังอี้นำทีมไปยังชานเมืองเพื่อซื้อผักเรือนกระจกเป็นการส่วนตัว
ราคาที่เขาเสนอนั้นยุติธรรมและสมเหตุสมผล และเกษตรกรก็รีบขายผักในเรือนกระจกให้กับเขา
รถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันเต็มไปด้วยพืชผักในโรงเรือนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเกษตรกรคนอื่น ๆ ทราบข่าว ทังอี้ก็ได้เก็บเกี่ยวผักทั้งหมดในเรือนกระจกในวันนี้จนเพียงพอ และจะไม่เก็บเกี่ยวอีกต่อไป
เกษตรกรเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังอย่างมาก พวกเขายังคงอยู่ต่อหน้าทังอี้และคนอื่น ๆ ไม่ยอมจากไป
ทังอี้หยิบโทรโข่งขึ้นมาและพูดกับฝูงชน “อย่าใจร้อน พวกเราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรับผักเรือนกระจกทั้งหมดที่พวกคุณปลูก สำหรับเกษตรกรท่านใดที่ยังไม่ได้ทำการขายผักในวันนี้สามารถนำไปขายให้กับเราที่หมู่บ้านถัดไปในวันพรุ่งนี้”
เกษตรกรเหล่านั้นที่ยังไม่ได้ทำการขายผักในเรือนกระจกให้ทังอี้ต่างก็หมดความโศกเศร้าบนใบหน้า
เสียงของบุคคลหนึ่งเอ่ยถามขึ้น “พรุ่งนี้จะไปรับซื้อที่หมู่บ้านไหน?”
ทังอี้บอกทุกคนถึงลำดับการซื้อผักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และกำลังจะนำทีมออกเดินทาง
ในเวลานี้ เกษตรกรกลุ่มใหญ่ก็มาจากระยะไกลและหยุดขบวนของทังอี้
ทังอี้กระโดดลงจากรถและถามอย่างไม่พอใจ “พวกคุณกำลังทำอะไร?”
ชายมีหนวดมีเคราวัยกลางคนที่ดูเหมือนผู้นำชี้ไปในทิศทางหนึ่ง “เราเป็นชาวสวนผักในเมืองหูลู่ เราขอให้คุณซื้อผักเรือนกระจกจากเรา”
จู่ ๆ ใบหน้าของทังอี้ก็เย็นชา “ตลาดฝูตัวตัวของเราจะไม่ซื้อผักเรือนกระจกจากเมืองหูลู่ พวกคุณทุกคนรู้เหตุผลอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่ต้องพูดอะไรอีก ไปให้พ้น ไม่งั้นอย่าหาว่าผมหยาบคาย!”
เกษตรกรในเมืองหูลู่ต่างกังวลเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ไม่เพียงพวกเขาไม่หลีกทางให้ แต่ยังขู่ทังอี้ด้วยว่า หากไม่ซื้อผักในเรือนกระจก พวกเขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปในวันนี้
ชาวบ้านในเมืองหูลู่กล้าขู่ทำร้ายพวกเขาเพราะเห็นว่าพวกเขามีกันเพียงไม่กี่คนใช่หรือไม่?
เขามองไปยังชาวบ้านในท้องถิ่นที่กำลังจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางเอ่ยถาม “คุณยังต้องการให้เราตลาดฝูตัวตัวมาซื้อผักในเรือนกระจกและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ของคุณในอนาคตหรือไม่?”
“ต้องการ!” ชาวบ้านพูดพร้อมกัน
การขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้กับตลาดฝูตัวตัวสามารถช่วยพวกเขาได้อย่างมาก
ทังอี้ชี้ไปยังเกษตรกรในเมืองหูลู่ซึ่งหยุดอยู่หน้าขบวนของเขา
“แต่ด้วยคนเหล่านี้ที่สร้างปัญหา เราคงไม่กล้ามาที่นี่อีกในอนาคต”
เมื่อได้ยินดังนั้น เกษตรกรในท้องถิ่นเหล่านี้ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
เกษตรกรในเมืองหูลู่ทำให้ทังอี้ลำบาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของพวกเขา
ทุกคนช่วยกันขับไล่เกษตรกรทั้งหมดในเมืองหูลู่ซึ่งอยู่ด้านหน้าขบวนรถของทังอี้ลงไปในคูน้ำข้างถนน
แม้ว่าตอนนี้จะกลางเดือนมีนาคมตามปฏิทินสุริยคติ แต่ในกรุงปักกิ่งยังมีอุณหภูมิไม่สูงนัก เพียงเจ็ดหรือแปดองศาเท่านั้น และทุกคนยังคงสวมเสื้อกันหนาวหนา
ชาวบ้านในเมืองหูลู่ถูกโยนลงไปในคูน้ำ และพวกเขาทั้งหมดตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น
พวกเขาต้องการเอาคืนชาวบ้านในท้องถิ่น
แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นมีจำนวนมากกว่าพวกเขามาก และหากมีการวิวาท พวกเขาก็จะมีแต่ผลเสีย ดังนั้นจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากสาปแช่ง
ทังอี้รายงานเรื่องนี้กับหลินม่ายเมื่อเขากลับไป
หลินม่ายชมว่าเขาทำงานได้ดี
หากไม่จัดการกับเกษตรกรในเมืองหูลู่ เกษตรกรในหมู่บ้านอื่น ๆ ก็จะปฏิบัติตาม
หากต้องผิดสัญญา ก็จงผิดสัญญา เพราะการผิดสัญญาจะไม่ส่งผลร้ายใด ๆ แก่พวกเขา
และตอนนี้เกษตรกรในเมืองหูลู่ผิดสัญญากับพวกเขา แน่นอนว่าชาวบ้านเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้!
……
ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นเสี่ยวผิงก็ยังไม่พบบ้านที่เหมาะสมสำหรับคุณอวี๋
ประสิทธิภาพของงานนี้ต่ำจนหลินม่ายอดไม่ได้ที่จะโทรไปถาม
เสิ่นเสี่ยวผิงบอกเธอว่า เนื่องจากคุณอวี๋ต้องทำงานเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเมื่อเขามาถึงเมืองหลวงในครั้งนี้
ภรรยาของเขาเป็นห่วงเขาและอยากจะมากับเขาจึงขอที่อยู่ด้วย
หล่อนต้องการมีห้องนอนอยู่ที่ชั้นหนึ่งและบ้ายต้องมีสภาพแวดล้อมเงียบสงบ ต้องมีอย่างน้อยสองห้องนอนเพื่อที่ลูกหลานของพวกเขามาที่เมืองหลวงก็จะได้มีที่อยู่อาศัย
ต้องมีห้องน้ำและห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน
คุณนายอวี๋ไม่ต้องการใช้ห้องน้ำและห้องครัวร่วมกับคนที่หล่อนไม่รู้จัก
ไม่มีใครในตลาดให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ที่มีลักษณะเช่นนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่หล่อนยังไม่ได้ที่พักอาศัยให้อวี๋หมิงจนถึงตอนนี้
แม้หญิงชราจะเสนอเงื่อนไขมากมาย แต่ก็ยังไม่ถือว่ามากเกินไป
สามีของนางเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูง และเขาสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณไปดูว่ามีบ้านหลังเล็กขายไหม หากมีก็จงซื้อพร้อมทำการต่อเติมห้องน้ำและห้องครัวเพื่อให้ตรงตามความต้องการของคุณนายอวี๋ แบบนั้นดีไหม?”
ตามที่เธอบอก เสิ่นเสี่ยวผิงใช้เวลาเพียงสองวันในการทำงานอย่างหนักเพื่อหาซื้อบ้าน
หลินม่ายไปเยี่ยมชมและเห็นว่าเรือนสี่ประสานนั้นดีกว่าหลังที่เธอซื้อให้พ่อไป๋อยู่เสียอีก
เรือนนั้นมีทั้งหมดห้าห้องนอน เมื่อลูกชายและลูกสาวของคุณอวี๋จะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ห้องเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะอยู่ได้
หลินม่ายทำการจ่ายเงินซื้อบ้านหลังนี้ทันที
จากนั้นจึงทำการสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในชีวิตประจำวันอื่น ๆ… และส่งมอบทั้งหมดให้กับเสิ่นเสี่ยวผิง
ไม่นานเวลาก็ผ่านมาถึงปลายเดือนมีนาคมโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดอากาศทางตอนเหนือก็อบอุ่นขึ้น
บรรดาสาวสวยอดใจรอไม่ไหวที่จะถอดเสื้อผ้าฤดูหนาวหนา ๆ ออกแล้วสวมเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ
หญิงสาวมากมายสวมกระโปรงหรือเสื้อผ้าประจำฤดูใบไม้ผลิที่เปิดตัวโดยห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
เสื้อผ้าประจำฤดูที่เปิดตัวโดยห้องเสื้อจิ่นซิ่วคำนึงถึงอุณหภูมิทางตอนเหนือ ทำจากผ้าวูลและผ้าแคชเมียร์ ผ้าเหล่านี้จะไม่เย็นเมื่อสวมใส่บนร่างกาย แต่ขาจะยังคงเย็นอยู่
ทุกวันนี้ ถุงน่องผ้าไหมกำลังเป็นที่นิยม ผู้หญิงหลายคนจึงสวมถุงน่องผ้าไหมเมื่อสวมกระโปรง
แต่ถุงน่องนั้นบางเกินไปและไม่กันความเย็น
แม้ว่าหลินม่ายจะมีสุขภาพดี แต่เธอก็ไม่กล้าสวมกระโปรงฤดูใบไม้ผลิเพื่อความสวยงาม
เธอกลัวที่จะเป็นโรคไขข้ออักเสบจากความหนาวเย็น และจะทรมานเมื่อแก่ตัวลง
เธอจะใส่นาน ๆ ครั้งเท่านั้น
คงจะดีไม่น้อยหากมีเลกกิ้งหรือถุงน่องขนแกะสำหรับสวมใส่ในฤดูหนาว
การสวมกางเกงเลกกิ้งหรือถุงน่องขนแกะแล้วสวมใส่กระโปรงทับจะช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้
หลินม่ายต้องการไปยังกว่างโจวเพื่อคุยกับผู้ผลิตถุงน่อง และดูว่าพวกเขาสามารถผลิตเลกกิ้งและกางเกงรัดรูปแบบหนาได้หรือไม่
หากสามารถผลิตได้ เธอจะนำมาขายในท้องตลาดเพื่อทำเงิน
แต่ตอนนี้สายไปเสียแล้ว อากาศทางใต้เริ่มอบอุ่นมากแล้ว เพียงสวมใส่ถุงน่องธรรมดาและสวมกระโปรงทับก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
ใครจะซื้อเลกกิ้งและถุงน่องขนแกะที่มีราคาสูงกว่าถุงน่องทั่วไป?
หากนำออกมาจำหน่ายจริง แน่นอนว่าถุงน่องขนแกะของเธอจะไม่สามารถขายได้ในทางตอนใต้
ควรรอจนถึงฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วจึงไปยังกวางโจวเพื่อค้นหาผู้ผลิตเพื่อผลิตเลกกิ้งและถุงน่องแบบหนา
ตอนนี้สิ่งที่เธอสมควรตามหาคือ ผู้ผลิตถุงน่องที่เหมาะสมสำหรับฤดูกาลนี้
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของถุงน่องคือ ส่วนบนของถุงน่องมักจะม้วนขึ้น จำเป็นต้องใช้มือในการจัดระเบียบ และนั่นทำให้ดูไม่ดีอย่างยิ่ง
เธอต้องขจัดปัญหานี้ออกไปให้ได้
ในยุคนี้ไม่มีถุงน่องเช่นนี้ และหลินม่ายต้องการฉวยโอกาสนี้เพื่อทำเงิน
เธอวางแผนที่จะพาผู้จัดการทั่วไปซุนไปยังกว่างโจวในวันอาทิตย์นี้ และหาโรงงานถุงน่องหลายแห่งเพื่อผลิตถุงน่องให้เธอ
ในบ่ายวันเสาร์ หลินม่ายขับรถกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน
ทันทีที่เธอเข้าประตู โต้วโต้วก็วิ่งมาหาและตะโกนว่าอาของเธอมาแล้ว ทั้งยังนำรถไถคันเล็กมาให้เธอด้วย
เพียงใส่น้ำมันก็ทำให้รถไถคันเล็กของหล่อนวิ่งไปข้างหน้าพร้อมพ่นควันสีดำ
โต้วโต้วจับมือหลินม่ายและไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อเยี่ยมชมรถแทรกเตอร์ขนาดเล็กของเธอ
หลินม่ายไม่คิดจะวางกระเป๋าหนังสือ เธอเดินตามหลังลูกสาวไปทันทีที่ถูกลากไปยังห้องนั่งเล่น
ฟางจั๋วเยวี่ยกำลังสนทนากับคุณปู่ฟาง เมื่อเห็นเธอเข้ามา เขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงดัง “พี่สะใภ้”
หลินม่ายวางกระเป๋านักเรียนลงบนพื้นข้างโซฟา
บ้านหลังนี้มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดทุกวัน แน่นอนว่าพื้นบ้านของพวกเขาย่อมสะอาดเอี่ยม
เธอนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ดีใจอะไรขนาดนั้น? งานแต่งงานใกล้เข้ามาแล้วเหรอ?”
คุณย่าฟางพูดอย่างอารมณ์ดี “แม่ของเขาสัญญาแล้วว่าจะให้แต่งงานกับจืออวิ๋นน่ะ”
หลินม่ายกล่าวแสดงความยินดีแล้วจึงถาม “ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานายบอกว่าจะบอกแม่ไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดว่านายบอกแม่ของนายนานแล้ว ไม่คิดว่าจะล่าช้าจนถึงตอนนี้”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มอย่างเขินอาย “ผมไม่ได้พูดเพราะกลัวว่าแม่ของผมจะสร้างปัญหา แต่ผมก็รอต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจึงตัดสินใจบอกแม่ แม่ไม่ได้คัดค้านอะไร และยังตอบตกลงอีกด้วย แม่ไม่ได้ขว้างสร้อยข้อมือทองคำที่จืออวิ๋นซื้อให้ใส่หน้าผม แต่รับไว้ ฮ่าๆ!
ฟางจั๋วเยวี่ยแทะแอปเปิ้ลลูกใหญ่อย่างมีความสุข เขากัดตาของหนอนและกัดครึ่งหนึ่งของหนอนเข้าไปในปาก
หลินม่ายรีบบอกเขา
ฟางจั๋วเยวี่ยมองไปยังหนอนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่บนแอปเปิ้ลซึ่งยังคงดิ้นอยู่และพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร หนอนก็เป็นโปรตีนเหมือนกัน”
เขาไม่ได้คายแอปเปิ้ลที่มีหนอนครึ่งลูกอยู่ในปาก
เขาหยิบหนอนอีกครึ่งตัวในแอปเปิ้ลแล้วโยนมันลงถังขยะ
หลินม่ายดูตกใจอย่างยิ่ง
โต้วโต้วหมดความอดทนและดึงหลินม่ายมาดูรถของเล่นของหล่อน
หล่อนเขย่าที่จับเครื่องยนต์ของรถแทรกเตอร์ของเล่นอย่างจริงจัง และรถนั้นดูเหมือนจะติดไฟพร้อมปล่อยควันดำออกมา
ภายในไม่กี่นาที ห้องนั่งเล่นก็เต็มไปด้วยควันที่ส่งกลิ่นเหม็น
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพากันสำลัก
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น หลอดลมจะตอบสนองต่อทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว และจะไอเมื่อได้กลิ่นแก๊สที่ระคายเคือง
คุณย่าฟางไอและตีฟางจั๋วเยวี่ยด้วยความโกรธหลายครั้ง
“จะทำของเล่นให้โต้วโต้วทั้งทีก็ทำแบบที่ใช้ถ่านหรือไฟฟ้าไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องทำแบบที่ใช้น้ำมันและพ่นควันแบบนี้ หากเอาไปเล่นที่ไหนก็คงมีควันคลุ้งทุกที่”
ฟางจั๋วเยวี่ยแย้ง “ผมต้องการทำให้รถแทรกเตอร์ของเล่นนี้สมจริงมากขึ้น ไม่ดีเหรอครับ?”
หลินม่ายตบมือพลางแกล้งชื่นชม โดยบอกว่าหากนำไปใช้ลากขยะก็คงสนุกดี
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับลูกสาว “ดูสิ โต้วโต้ว เมื่อลูกเล่นรถแทรกเตอร์ก็จะเกิดควันที่ไม่พึงประสงค์ทำให้คุณปู่และคุณย่าสำลัก ลูกไปเล่นในสนามดีไหมคะ?”
โต้วโต้วผู้ไร้เดียงสาตกลงทันทีและนำรถไถของเล่นของหล่อนไปยังสนามหน้าบ้าน
หลินม่ายดุฟางจั๋วเยวี่ย “น้ำมันดีเซลเป็นพิษ ดังนั้นอย่าทำของเล่นที่มีพิษแบบนี้ให้โต้วโต้วเล่นอีก”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มและพยักหน้า
หลินม่ายถาม “นายทำกล้องที่ฉันขอให้ทำเสร็จหรือยัง?”
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบ “แน่นอนว่าเสร็จแล้ว ผมเลยมาที่นี่เพื่อมอบกล้องให้พี่สะใภ้ โรงงานทีวีของผมเริ่มผลิตแล้ว ผมจึงยุ่งมากทุกวัน แต่ก็ยอมสละเวลามาเมืองหลวงเพื่อพี่สะใภ้ พี่สะใภ้จะขอบคุณผมยังไงเหรอ?”
“เอาเถอะ มาดูก่อนเถอะว่าผลงานของนายจะเป็นที่ยอมรับมากแค่ไหน หยิบกล้องออกมา”
ฟางจั๋วเยวี่ยกล่าว “เพียงมองด้วยตาก็รู้แล้วว่าใช้งานได้ ผมจะไปติดตั้งและดูผลลัพธ์ที่ร้านของพี่สะใภ้เลย”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น่าตีจริงๆ ทำไมไม่สร้างแบบใช้ไฟฟ้าล่ะจั๋วเยวี่ย น้ำมันเวลาเผาไหม้แล้วมันเหม็นมากนะ
ไหหม่า(海馬)