บทที่ 765 ระฆังสะท้านฟ้าอยู่ในมือเช่นนี้ ให้ข้าดูเสียว่าเจ้าจะสามารถหยุดยั้งได้อย่างไร!
“จุดประสงค์ของคนผู้นี้ไม่บริสุทธิ์!”
ศิษย์พี่หลวนที่กลับมาถึงภายในนิกายแล้วกัดฟันแน่น
เขาไม่ได้โง่ มาถึงตอนนี้แล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ไร้ความสามารถพึ่งพาเพียงพู่กันเท่านั้น
หากไม่มีความสามารถจริง ๆ แม้พู่กันในมือจะยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจสำแดงพลังเช่นนี้ออกมาได้!
อีกทั้งเขายังคิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นมุ่งเป้าไปที่หลีเยว่!
อย่างไรเสีย สิ่งเหล่านั้นก็เป็นหลีเยว่ที่ทิ้งเอาไว้ ย่อมมีลมหายใจของหลีเยว่หลงเหลืออยู่ หลักจากที่หลี่จิ่วเต้าสัมผัสสิ่งของแล้ว จึงสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของหลีเยว่
ดังนั้นมันจึงทำเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อดึงดูดความสนใจของลหลีเยว่!
หลีเยว่น่าตื่นตะลึงเกินไป มีคนจำนวนมากต้องการจะตามเกี้ยวพาหลีเยว่
และวิธีนี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่เขาจะจากไป สายตาของหลีเยว่ที่มองหลี่จิ่วเต้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อาจทนได้!
“ขัดขวาง จำเป็นต้องขัดขวาง!”
เขาเร่งร้อนกลับไปยังนิกาย เข้าพบกับเจ้านิกายเพื่อขอยืมสมบัติ
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
เจ้านิกายถาม “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกเราก็จะเป็นที่พึ่งพิงให้เจ้าอย่างถึงที่สุด ไม่มีผู้ใดสามารถรังแกเจ้าได้!”
“ใช่แล้ว!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะมีภูมิหลังเช่นไร! พวกเราจะสนับสนุนเจ้าจนถึงที่สุด!”
ที่แห่งนี้ยังมีผู้อาวุโสจำนวนมากอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลวนเหยามายืมสมบัติ ก็ต่างรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะมายืมสมบัติเพื่อสิ่งใด?
หลวนเหยานับเป็นศิษย์คนสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา เปี่ยมพรสวรรค์ชวนตื่นตะลึง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใด พวกเขาก็จะต้องสนับสนุนหลวนเหยาอย่างถึงที่สุดตามที่พูดอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใดก็ตาม!
หลวนเหยานั้นคือนามของศิษย์พี่หลวนนั่นเอง
กระทั่งเจ้านิกายเองก็ให้ความสำคัญกับหลวนเหยาเป็นอย่างมาก ตัวเขานั้นชื่นชอบหลวนเหยา ถึงขั้นถืออีกฝ่ายว่าเป็นลูกเขยแล้วเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นว่าที่ผู้นำนิกายคนต่อไป!
เขาจะไม่ปล่อยให้หลวนเหยาต้องทนโดนคนภายนอกดูถูกเหยียดหยาม
“เรื่องเป็นเช่นนี้…”
หลวนเหยารีบเล่าทุกอย่างออกมาโดยไม่มีปิดบัง
ขอบเขตของเหล่าผู้อาวุโสและเจ้านิกายนั้นล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง เขาไม่มีทางปิดซ่อนสิ่งใดจากตัวตนเหล่านี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดซ่อนเรื่องใด
อีกทั้งเขายังเป็นที่รักเอ็นดูของเจ้านิกายและเหล่าผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้ามาเอ่ยปากขอยืมสมบัติ
“เป็นเช่นนี้เอง”
ผู้อาวุโสแย้มยิ้ม เดิมทีคิดว่าหลวนเหยาถูกคนนอกรังแกเสียอีก
ที่แท้ก็เป็นการแข่งขันของชนรุ่นหลัง
พวกเขาต่างรู้ว่าหลวนเหยามีความรู้สึกเช่นใดต่อหลีเยว่ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หลวนเหยาต้องไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน
อีกทั้งพวกเขายังรู้สึกเห็นด้วยอยู่บ้างว่าจุดประสงค์ของหลี่จิ่วเต้านั้นมุ่งไปที่หลีเยว่
“วางใจได้ จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น มีข้าคอยหนุนหลังอยู่ เจ้ายังต้องกลัวสิ่งใดอีก?”
เจ้านิกายยิ้มพลางเดินไปทางหลวนเหยา ก่อนจะตบไหล่ของเขาพร้อมเอ่ยออกมา “ข้าชื่นชอบเจ้ามาก สิ่งนี้ผู้อื่นไม่สามารถเปรียบเทียบได้ หากคนอื่นต้องการจะเป็นลูกเขยของข้า ก็ไม่สามารถทำได้หากข้าไม่เห็นด้วย”
“ขอบคุณ ท่านอาจารย์!”
หลวนเหยาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คำพูดของเจ้านิกายทำให้เขามั่นใจขึ้นมา
“ในการต่อสู้ครั้งนี้เจ้าจะไม่มีทางพ่ายแพ้! อาศัยแค่สมบัติชิ้นนั้นจะล่อลวงบุตรีของข้าได้อย่างไร! ไม่มีทาง! นิกายของพวกเราไม่ขาดแคลนสมบัติ! ไปแสดงให้คนผู้นั้นเห็นเสีย ทำให้ตระหนักได้ว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ จำต้องล้มเลิกความคิดนั้นแต่โดยเร็ว!”
เจ้านิกายกล่าว
เขาเองก็คิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นมีเป้าหมายที่หลีเยว่
สมบัติชิ้นนั้น ไม่สามารถมาจากสถานที่แห่งอื่นได้ นอกจากสถานที่แห่งนี้เท่านั้นจึงจะสามารถให้กำเนิดมันขึ้นมาได้ หลี่จิ่วเต้าจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตจากสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของหลีเยว่บนพัดด้ามจิ๋วแล้ว จึงเกิดความคิดต่อหลีเยว่ขึ้นมา
หลี่จิ่วเต้าอาจมีภูมิหลังที่ดีหรือมาจากกองกำลังสูงสุดอื่น ๆ หากไม่เช่นนั้นแล้วคงจะไม่กล้าเล่นลูกไม้อันใดกับหลีเยว่
แต่คิดว่าจะสามารถมายุ่งกับนิกายของพวกเขาได้หรือ?
เขาอยากหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังของหลี่จิ่วเต้านั้นขาดการอบรมสั่งสอน ทำให้อีกฝ่ายเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของหลวนเหยาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงความภาคภูมิของนิกายพวกเขาอีกด้วย
หากหลี่จิ่วเต้าสามารถแตะนิกายของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแล้วนิกายของพวกเขาจะเอาความภาคภูมิไปไว้ที่ใด? มันจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของกองกำลังสูดสุดอื่น ๆ อย่างแน่นอน
“เปิดคลังสมบัติ เลือกออกมาหนึ่งชิ้นให้หลวนเหยานำไป”
เขาออกคำสั่ง ในไม่ช้าก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสมบัติที่หยิบออกมาจากคลัง
ธงผืนใหญ่แผ่อำนาจน่าหวาดหวั่นออกมา มันสามารถติดหนึ่งในร้อยอันดับของสมบัติระดับสูงได้!
“ไปเถิด คราวนี้เจ้าจะต้องสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย”
เขาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ในแง่ของความสามารถส่วนตัวแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหลี่จิ่วเต้าจะสามารถเอาชนะหลวนเหยาได้ ที่อีกฝ่ายสามารถเอาชนะได้ก็เพราะพู่กันด้ามนั้น ครั้งนี้หลวนเหยานำสมบัติไปด้วย ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณ ท่านอาจารย์!”
หลวนเหยากล่าวลาอาจารย์ ก่อนกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมธงผืนใหญ่
“หนุ่มสาวช่างดีเสียจริง…มีใจแข่งขันกันในเรื่องความรัก ต่างจากคนชราอย่างพวกเราที่ผ่านพ้นเรื่องเหล่านั้นมานานมากแล้ว!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งทอดถอนหายใจ
“ผู้อาวุโสไช่อย่าได้เอ่ยเช่นนี้เลย! เมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อให้ได้เต้นรำกับหญิงชราจากตระกูลชางแล้ว ถึงกับต่อสู้กับผู้อาวุโสเจ็ดตระกูลชุน นี่นับว่าคนชราอย่างพวกเราผ่านพ้นเรื่องเหล่านั้นมานานมากแล้วหรือ?”
มีผู้อาวุโสคนอื่นขัดขึ้นมา
ใบหน้าของผู้อาวุโสชางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ก่อนเอ่ยออกมาอย่างมีชนักติดหลัง “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
“ผู้ใดกันจะไม่รู้! ผู้อาวุโสเจ็ดตระกูลชุนถูกเจ้าทุบตีเสียจนหัวเหมือนหมู!”
“นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว!”
ผู้อาวุโสไช่กล่าวออกมาด้วยความชิงชัง “หญิงชราตระกูลชางเลือกให้ข้าเป็นคู่เต้นรำ เช่นนั้นแล้วแต่ผู้อาวุโสเจ็ดตระกูลชุนยังเสนอหน้า คิดยื่นขาเข้ามาเอาคู่เต้นรำของข้าไป หากข้าไม่ทุบตีเขาแล้วจะให้ทุบตีผู้ใด!”
เหล่าผู้อายุโสระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
ไม่ใช่เพียงแค่หนุ่มสาวเท่านั้นที่ต่อสู้เพื่อความรัก แต่คนชราเองก็เช่นเดียวกัน
…
ภายในตำหนักจักรพรรดิไป๋
ภาพวาดของหลี่จิ่วเต้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ดวงตาของหลีเยว่ที่มองชายหนุ่มพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ดังคำกล่าวว่าเมื่อผู้เชี่ยวชาญลงมือแล้ว ย่อมรู้ว่ามีความสามารถจริงหรือไม่ ทักษะการวาดภาพของหลี่จิ่วเต้าทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทุกเส้นพู่กันทุกการเคลื่อนไหวล้วนสมบูรณ์แบบ ทำให้นางรู้สึกละอายใจยิ่ง!
เดิมที นางหลงคิดว่าทักษะการวาดภาพของนางมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่มีผู้ใดเหนือกว่านาง ทว่าตอนนี้หลังจากได้เห็นอีกฝ่ายวาดภาพแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าจุดสูงสุดของนาง เป็นเพียงเนินเขาเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น…
ส่วนหลี่จิ่วเต้านะหรือ?
เขาอยู่บนยอดคีรีสูงตระหง่านเป็นที่เรียบร้อย แตกต่างกับนางโดยสิ้นเชิง ช่องว่างนั้นมากเกินไป ไม่รู้ว่าเหนือขึ้นไปกว่านางกี่ขั้น!
ใบหน้าขาวนวลงดงามของนางแดงระเรื่อ ภายในใจรู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นคนคุยโวโอ้อวด ผยองจนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทว่าตอนนี้นางรู้แล้วว่าเรื่องเล่านั้นไม่ใช่การคุยโวโอ้อวด อีกทั้งเขาก็ไม่ได้หยิ่งผยองแต่อย่างใด
สิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง!
เขาทรงพลังมากจริง ๆ!
เมื่อเทียบกับภาพที่เขาวาดแล้ว ภาพของนางไม่อาจนับว่าเป็นสิ่งใดได้เลยจริง ๆ เต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมาย แม้อีกฝ่ายจะยังวาดภาพไม่เสร็จก็ตาม…
“นี่คือผู้ใดกัน? เหตุใดจึงทรงพลังถึงเพียงนี้? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อนเลย”
นางอดกล่าวออกมาด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้
ตอนนั้นเองหลวนเหยาก็กลับมาพร้อมกับธงผืนใหญ่
“ศิษย์พี่หลวน อย่า!”
หลีเยว่ตะโกน ต้องการจะหยุดหลวนเหยาเอาไว้
ไม่ได้การ!
ศิษย์น้องหญิงถึงกับเอ่ยปากแทนคนผู้นี้แล้วหรือ!?
หลวนเหยาเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ราวกับมีมีดนับหมื่นทิ่มแทงหัวใจ รู้สึกอึดอัดคับข้องจนแทบจะหายใจไม่ออก!
“ศิษย์น้องหญิงอย่าได้แทรกแซงเรื่องนี้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ๆ อีกต่อไป! เจ้าเห็นธงหมื่นพินิตในมือข้าหรือไม่? อาจารย์เป็นคนให้ข้านำมันมาที่นี่ เพื่อจัดการเรื่องราวต่าง ๆ! รอหลังจากจบเรื่องนี้ข้าค่อยคุยทุกสิ่งกับศิษย์น้องหญิง!”
เขาเอ่ยกับหลีเยว่
จากนั้นเขาก็ไม่รอให้หลีเยว่ได้พูดสิ่งใดอีก โบกธงหมื่นพินิตในมือทันที ปลดปล่อยพลังของธงหมื่นพินิตออกมาอย่างเต็มที่ ส่งเข้าไปยังพัดด้ามจิ้ว!
เกิดอันใดขึ้น!?
พวกลั่วสุ่ยต่างเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ พวกนางราวกับได้ยินเสียงของอสูรร้ายอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนนับไม่ถ้วนกู่ร้อง สามารถรับรู้ได้ถึงพลังอันหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด!
ทว่าความรู้สึกเหล่านี้ก็สลายหายไปสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว
หลี่จิ่วเต้าวาดพู่กัน พลันปรากฏระลอกคลื่นแสงที่มองไม่เห็นปะทุออกมาพุ่งใส่หลวนเหยาทันที ธงหมื่นพินิตในมือของเขาพินาศย่อยยับทันที!
“เป็นไปไม่ได้!”
หลวนเหยาตกตะลึง ปากกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับบาดเจ็บหนัก
ทว่าเทียบกับเรื่องอาการบาดเจ็บแล้ว เขาสนใจเรื่องธงหมื่นพินิตที่พ่ายแพ้ย่อยยับมากกว่า!
นี่สามารถนับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายพวกเขา นับทั่วดินแดนแล้วถือได้ว่าติดหนึ่งในร้อย เช่นนั้นแล้วจะถูกทำลายลงไปเช่นนี้ได้อย่างไร?
“นี่…”
หลีเยว่อ้าปากค้าง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น
“รอข้าก่อนเถิด!”
หลวนเหยาเอ่ยอย่างคับแค้น วางเศษธงหมื่นพินิตในมือลงไปกับพื้น จากนั้นก็ทะยานออกไปจากที่นี่อีกครั้ง
…
ภายในนิกาย ผู้อาวุโสทุกคนยังคงหัวเราะไม่หยุด สนทนากันว่าครั้งนี้หลวนเหยาจะต้องสามารถจัดการหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นลงได้ จากนั้นก็ทำลายความภาคภูมิของอีกฝ่ายทิ้งเสีย
ทว่าเมื่อหลวนเหยากลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็พลันแข็งทื่อ
“แพ้แล้ว?”
สีหน้าของเจ้านิกายมืดครึ้มเมื่อเห็นหลวนเหยาได้รับบาดเจ็บหนัก อีกทั้งเมื่อรวมกันสีหน้าไม่น่าดูของหลวนเหยาแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าครั้งนี้ลงเอยด้วยการพ่ายแพ้
เหล่าผู้อาวุโสเองก็คาดไม่ถึง กระทั่งธงหมื่นพินิตก็ยังพ่ายแพ้?
“ให้ข้าลองดูหน่อยว่าสมบัติในมือของเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใดกัน”
ผู้อาวุโสไช่กล่าวขึ้นมา
“การต่อสู้ของอนุชน ผู้อาวุโสเช่นข้ากับเจ้ายื่นมือเข้าไปจะนับเป็นสิ่งใด?”
เจ้านิกายหยุดผู้อาวุโสไช่เอาไว้ หากทำเช่นนั้นนับว่าเป็นการลดค่าฝ่ายตนเองลง
“เปิดคลังสมบัติอีกครั้ง นำระฆังสะเทือนฟ้าออกมา!”
ครั้งนี้เขาออกคำสั่งด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“ระฆังสะเทือนฟ้า! นี่ไม่ใช่ว่าประเมินเขาสูงเกินไปหรือ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “นั่นมันศาสตราลำดับแปดเชียวนะ!”
ระฆังสะเทือนฟ้า เมื่อศาสตราชิ้นนี้ถูกนำออกมา ทั้งฟ้าดินล้วนถึงกับสะเทือน!
“สิ่งที่จำเป็นคือการกำราบอย่างราบคาบ!”
เจ้านิกายกล่าว “พวกเราไม่รู้ว่าบนตัวของเขายังมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องนำระฆังสะเทือนฟ้าออกมา แสดงให้เห็นถึงช่องว่าง!”
เขาสั่งให้ผู้อาวุโสคนหนึ่งไปนำระฆังสะท้านฟ้าออกมาจากคลังเก็บสมบัติ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ผู้อาวุโสคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับระฆังสะท้านฟ้า แล้วส่งให้กับหลวนเหยา
“เขากล้าทำลายธงหมื่นพินิตของพวกเรา เช่นนั้นเจ้าก็ทำลายพู่กัน หมึก และจานฝนหมึกของเขาเสีย รวมกระทั่งสมบัติชิ้นอื่น ๆ ที่เขานำออกมาด้วย!”
เจ้านิกายเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
ธงหมื่นพินิตถูกทำลายลง ภายในใจของเขามีความโกรธพลุ่งพล่าน
แม้จะเป็นเพียงการแข่งขันของคนรุ่นเยาว์ แต่กล้ามาทำลายสมบัติเช่นนี้ นับว่าสมควรได้รับบทเรียน!
“รับทราบ! ศิษย์จะไม่มีทางปล่อยให้บนร่างของเขาเหลือสมบัติใดในสภาพสมบูรณ์!”
หลวนเหยาตอบกลับด้วยความเคารพ ก่อนกล่าวลาเจ้านิกาย กลับไปพร้อมกับระฆังสะท้านฟ้า!
“มีระฆังสะท้านฟ้าอยู่ในมือเช่นนี้ ให้ข้าดูเสียว่าเจ้าจะสามารถหยุดยั้งได้อย่างไร! ข้าจะต้องทำให้เจ้าหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ! ศิษย์น้องหญิงไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะสามารถมีความคิดอันใดด้วยได้!”
หลวนเหยายิ้มเหยียดหยัน เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ!