บทที่ 766 ระฆังสะเทือนฟ้า จงแหลก!
หลีเยว่จ้องมองหลี่จิ่วเต้าซึ่งกำลังวาดภาพอยู่ด้วยความหลากหลายความรู้สึก
นางนับถือหลี่จิ่วเต้ามาก ภาพที่หลี่จิ่วเต้าวาดขึ้นภายหลัง ไม่เพียงแต่เหมือนกับภาพวาดฝีมือนาง ทว่ายังแก้ไขจุดด่างพร้อยในภาพวาดของนางก่อนหน้านี้ได้ด้วย เปลี่ยนภาพวาดของนางให้สมบูรณ์ไร้ที่ติ เขาทำได้อย่างไร!?
นางไม่อาจเข้าใจได้เลย!
‘ข้าพลาดขั้นตอนไหนไปหรือไม่!’
นางเอ่ยในใจอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทั้งที่ยามหลี่จิ่วเต้าวาดภาพดูง่ายดายปานนั้น กระนั้นนางก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาตรงจุดไหน หลังจากนั้น นางตามอะไรไม่ทันเลย จู่ ๆ ภาพวาดก็ยกระดับขึ้นไปจนเกินขอบเขตความเข้าใจของนาง!
และขณะที่นางกำลังใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่ ศิษย์พี่หลวนก็กลับมาถึง
“ระฆังสะเทือนฟ้า!”
นางตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่ายอดศาสตราอันดับแปดแห่งดินแดน สมบัติอันดับสองแห่งลัทธิของนาง จะถูกศิษย์พี่หลวนนำมาด้วยง่าย ๆ เช่นนี้
เรื่องนี้ทำให้นางตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริง มิน่า ก่อนนี้ศิษย์พี่หลวนถึงเอ่ยว่านี่มิใช่เรื่องส่วนตัว กระทั่งนำระฆังสะเทือนฟ้าออกมา ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน!
“ตกลงกันไม่ได้เลยหรือศิษย์พี่”
นางเอ่ยต่อศิษย์พี่หลวน “พวกเรากลับกันดีหรือไม่! จบเรื่องนี้ไว้เท่านี้เถิด!”
บัดนี้ ท่าทีที่นางมีต่อหลี่จิ่วเต้าเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดำเนินไปถึงจุดที่ยากจะแก้ไข นางอยากให้ศิษย์พี่หลวนกลับไป
อันที่จริง หากมิใช่ว่าศิษย์พี่หลวนมาในเวลานี้ นางคงอดมิได้ ออกไปพบหน้าหลี่จิ่วเต้าแล้ว นางปลาบปลื้มในตัวเขามากและอยากทำความรู้จักด้วย
หลังศิษย์พี่หลวนได้ยินคำกล่าวของหลีเยว่ก็หัวใจเย็นวาบ
ธงหมื่นพินิตถูกหลี่จิ่วเต้าทำลายไปแล้ว เหตุใดศิษย์น้องถึงยังเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้!
เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องเริ่มเกิดความรู้สึกใส่ใจต่อหลี่จิ่วเต้าแล้ว หากไม่ใส่ใจ ไยศิษย์น้องต้องห้ามเขาด้วย!
“เป็นเช่นนี้ต่อไปใช้ได้ที่ไหน!!!”
เขายอมรับมิได้ ศิษย์น้องเพิ่งเคยได้พบหลี่จิ่วเต้าก็มีความรู้สึกใส่ใจเขาแล้ว ขืนปล่อยให้ศิษย์น้องได้ข้องแวะกับหลี่จิ่วเต้าต่อไป ศิษย์น้องมิหนีตามอีกฝ่ายไปเลยหรือ
“ศิษย์น้อง! นั่นคือธงหมื่นพินิตเชียวนะ ถูกเขาทำลายไปง่าย ๆ เช่นนี้! เราไม่เอาชีวิตเขาก็ดีมากแล้ว!”
ศิษย์พี่หลวนกล่าว “จะยอมจบเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ออกคำสั่งมาแล้วว่าเขาต้องชดใช้ อย่างน้อย ๆ ชุดจานฝน หมึก พู่กันของเขาก็เก็บไว้ต่อไปมิได้ ต้องถูกทำลายทิ้งเท่านั้น!”
หลีเยว่ถอนหายใจ มิได้เอ่ยคำใดมากกว่านี้
นับแต่ศิษย์พี่หลวนนำระฆังสะเทือนฟ้ามา นางก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้คงไม่อาจจบลงด้วยดีแล้ว แม้ว่านางจะนับถือหลี่จิ่วเต้ามาก แต่ก็ไม่อยากให้เขาต้องบาดเจ็บ
กระนั้นนางรู้ดีว่า หากหนนี้หลี่จิ่วเต้าไม่ชดใช้เสียบ้าง เรื่องนี้ไม่มีทางจบ ท่านพ่อของนางออกคำสั่งมาแล้ว แทบไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อีก
‘ชุดจานฝน หมึก พู่กันหรือ…วางใจได้ วันหน้าข้าจะมอบชุดที่ดีกว่านี้ให้เจ้า!’
นางเอ่ยในใจ ตัดสินใจว่ากลับไปแล้วจะรวบรวมวัตถุดิบชั้นดี ตีเป็นชุดจานฝน หมึก พู่กันที่ดีที่สุดให้เขา
หลี่จิ่วเต้าคู่ควรกับชุดจานฝน หมึก พู่กันที่ดีที่สุด!
“มาเถิด! ข้าจะทำให้เจ้าร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา!”
ศิษย์พี่หลวนหัวเราะเย็น ๆ ในใจ ตีระฆังสะเทือนฟ้าเป็นเสียงดังกึกก้อง ถ่ายทอดพลังทั้งหมดเข้าไปในระฆังสะเทือนฟ้า หมายจะทำลายชุดจานฝน หมึก พู่กันของหลี่จิ่วเต้าในการโจมตีครั้งเดียว!
พลังโจมตีระดับนี้สยดสยองกว่าธงหมื่นพินิตตั้งไม่รู้กี่เท่า มิได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย หลี่จิ่วเต้านั้นไม่ได้ยินเสียงอันใด แต่พวกลั่วสุ่ยได้ยินเสียงทุ้มของระฆัง ราวกับก้าวข้ามกาลเวลาอันยาวนานมาอยู่ที่นี่ สะท้อนอยู่ในหัวใจของพวกเขา!
“เป็นเสียงระฆังที่น่ากลัวยิ่งนัก!”
“มาจากไหนกัน!?”
พวกลั่วสุ่ยต่างหนักอึ้งในใจ ฉงนสนเท่ห์ พวกเขาจับมิได้เลยว่าเสียงระฆังนี้มาจากที่ใด ราวกับเสียงระฆังนี้โผล่ออกมากลางอากาศฉับพลัน พริบตาที่มันส่งเสียงดังส่งผลให้พวกเขาหัวใจสั่นไหว รับรู้ถึงภัยคุกคามอย่างแรงกล้า!
ซ้ำพวกเขายังเหมือนได้เห็นภาพเหตุการณ์มากมาย ทั้งฟ้าถล่มดินทลาย ทั้งจักรวาลพินาศ ระฆังใหญ่ลูกหนึ่งถล่มใส่กาลเวลาอันยาวนาน ราวกับเป็นเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้!
“พุ่งเป้าไปที่คุณชาย!”
ไม่นานนัก ลั่วสุ่ย สุนัขดำ และผู้ที่ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลต่างรับรู้ได้ว่าเป้าหมายของระฆังใหญ่ลูกนี้คือคุณชาย มีพลังที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าบุกโจมตีใส่คุณชายอย่างรวดเร็ว!
‘มีสิ่งมีชีวิตมุ่งร้ายต่อคุณชายในที่ลับ!’
ลั่วสุ่ยยิ้มเย็นในใจ ไม่นานนักก็เข้าใจว่า มีสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาสัมผัสมิได้อยู่ในที่ลับ เสียงอสูรคำรามที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้มิใช่ว่าหูฝาด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในที่ลับเหล่านั้นที่โจมตีใส่คุณชาย!
‘อยากตายหรือ!’
นัยน์ตาของนางเย็นยะเยือก นึกเจ็บใจที่ขอบเขตพลังตัวเองไม่สูงพอ ไม่อาจกำจัดพวกตัวตลกในที่ลับแทนคุณชาย เป็นผลให้ตัวตลกเหล่านี้ไปรบกวนคุณชาย
‘ต้องเร่งฝึกฝนให้มากกว่านี้!’
นางเอ่ยบอกตัวเองในใจ ต้องก้าวหน้าให้ว่องไวกว่านี้ให้ได้ ไม่ปล่อยให้ตัวตลกเหล่านั้นมารบกวนคุณชายได้อีก!
“จงระเบิดออกให้หมด!”
ศิษย์พี่หลวนหัวเราะเสียงเย็น มั่นใจในระฆังสะเทือนฟ้ามาก นี่คือยอดศาสตราอันดับแปด มียอดศาสตราเพียงเจ็ดชิ้นเท่านั้นที่กำราบระฆังสะเทือนฟ้าได้ ลัทธิของเขายังมียอดศาสตราซึ่งติดสามอันดับแรกอยู่อีกชิ้นหนึ่ง นั่นหมายความว่า มียอดศาสตราเพียงหกชิ้นเท่านั้นที่กำราบระฆังสะเทือนฟ้าได้ และหลี่จิ่วเต้าไม่มีทางพกศาสตราทรงพลังปานนั้นติดตัว!
แต่ในลมหายใจต่อมา เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น!?
หลี่จิ่วเต้าจรดพู่กัน คล้ายว่ามีอสูรร้ายคำรามตัวหนึ่งพุ่งออกมา คลื่นระฆังที่แผ่ขยายออกจากระฆังสะเทือนฟ้าสลายไปในบัดดล!
จากนั้น เกิดเสียงดังกึก มีเสียงแตกร้าวดังออกจากระฆังสะเทือนฟ้า และระฆังใหญ่ลูกนั้นก็แหลกสลายไปในทันใด กลายเป็นผุยผงเกลื่อนกลาดบนพื้น!
“อะ…ไรกัน!”
ศิษย์พี่หลวนตกใจแทบแย่ ขาสั่นไปหมด หน้าตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา!
นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร!?
ยอดศาสตราอันดับแปดถูกทำลายง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?
สวรรค์! ต่อให้พู่กันในมือหลี่จิ่วเต้าคือยอดศาสตราอันดับหนึ่งก็ไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้!
กำราบนั้นได้ แต่ครั้นจะทำลายระฆังสะเทือนฟ้าลงย่อยยับนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!
อีกอย่าง ยอดศาสตราอันดับหนึ่งคือเคียวมรณะ มิใช่พู่กันนี่เสียหน่อย!
“หา!?”
หลีเยว่ตกตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง หัวใจของนางเต้น ‘ตึกตัก’ โครมคราม ให้ตายอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้!
หญิงสาวอึ้งงันจนคุมตัวเองไม่อยู่ สติเริ่มหลุดลอย หลี่จิ่วเต้าเป็นใครกัน จะดุดันเกินไปแล้ว!
เป็นผลจากพู่กันแท่งนั้นเพียงอย่างเดียวจริงหรือ!?
นางรู้สึกว่ามิใช่ บางทีพวกเขาอาจมองหลี่จิ่วเต้าผิดไป ชายผู้นี้อาจเป็นตัวตนสูงส่งอัศจรรย์ท่านหนึ่ง มิใช่สมาชิกวัยเยาว์จากตระกูลใด!
มิน่า ก่อนนี้ลั่วสุ่ยถึงเอ่ยว่าพัดพับเล่มนี้ได้คุณชายสานต่อศิลปะบนนั้นถือเป็นเกียรติสูงสุด ความจริงเป็นดังที่ว่า เป็นเกียรติสูงสุดอย่างแท้จริง
“ไปกันเถิดศิษย์พี่หลวน”
หลีเยว่กล่าวต่อศิษย์พี่หลวนผู้หมดอาลัยตายอยาก
“อ้อ จริงสิ!”
ศิษย์พี่หลวนได้สติ ไฉนเลยจะกล้าอยู่ที่นี่ต่อ หลี่จิ่วเต้าถึงกับทำลายระฆังสะเทือนฟ้าได้ง่าย ๆ นับประสาอะไรกับเขา หากคิดจะฆ่าเขาจริง น่ากลัวว่าคงทำได้ในการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว
ก่อนไป หลีเยว่หันมองร่างของหลี่จิ่วเต้า
นางถอนหายใจหนักหน่วง ท่านผู้นี้ทรงพลังถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ท่านผู้นี้กลับทำเหมือนพวกเขามิได้อยู่ที่นี่ มิเคยเรียกให้พวกเขาปรากฏกายออกไป
น่ากลัวว่าท่านผู้นี้ไม่ต้องการพบพวกเขา
หรือกล่าวให้ถูกคือ ก่อนนี้ท่านผู้นี้ยังมีความคิดอยากพบพวกเขาอยู่บ้าง ทว่าต่อมา ความคิดนั้นได้หายไป พวกเขาได้ทำการจาบจ้วงท่านผู้นั้น
‘น่าเสียดาย!’
ยิ่งคิดนางยิ่งเจ็บใจ นึกถึงเมื่อครั้งพวกเขาเพิ่งมาถึง หลี่จิ่วเต้าเคยเอ่ยวาจาคล้ายต้องการชี้แนะนาง เขาคงตั้งใจพูดให้นางฟัง
แต่นางกลับไม่ยี่หระ คิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นคุยโวเกินตัว จองหองผยอง…
บัดนี้มาคิดดูแล้ว นางพลาดวาสนายิ่งใหญ่ขนาดไหนไปกัน!
ทว่าบัดนี้ไม่ว่าจะเอ่ยคำใดก็สายไปแล้ว ศิษย์พี่หลวนโจมตีท่านผู้นี้หลายครั้งหลายครา ท่านผู้นี้ไม่ฆ่าพวกเขาก็นับว่าพวกเขาโชคดีมากแล้ว หากนางยังคิดอยากได้การชี้แนะจากท่านผู้นี้คงเป็นการไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง รนหายที่ตายเกินไป!
สุดท้าย พวกเขาไปจากที่นี่
หลีเยว่กลับไปด้วยการตั้งจิต ไปพบท่านพ่อของนางพร้อมกับศิษย์พี่หลวน
“กลับมาแล้วหรือ”
เจ้าลัทธิคลี่ยิ้ม อารมณ์เบิกบาน
หลีเยว่กลับมาพร้อมกับหลวนเหยา บ่งบอกว่าหลวนเหยาทำสำเร็จ
‘จะล้มเหลวได้อย่างไรเล่า! เจ้าพวกนั้นประคบประหงมยอดศาสตราหกอันดับแรกเป็นอย่างดี ไม่มีทางเผยให้ผู้อื่นเห็นกันง่าย ๆ แล้วจะมอบให้เด็กรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งได้อย่างไร!’
เขาคิดในใจ ‘แต่…เหตุใดหลวนเหยาถึงยังหม่นหมองเช่นนี้ ไม่มีท่าทียินดีปรีดาเลยเล่า!?’
เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้เขาอย่างมาก
‘หรือว่าเยว่เอ๋อร์จะชอบหมอนั่นขึ้นมาจริง ๆ หลวนเหยาถึงได้เศร้าสลดปานนี้!?’
เขาคิดในใจขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เชื่อว่าหลวนเหยานำระฆังสะเทือนฟ้าไปแล้วยังสามารถล้มเหลวได้อีก จึงมองว่าเยว่เอ๋อร์อาจชอบเจ้าหมอนั่นเข้าแล้ว ซ้ำยังออกหน้าแทนหมอนั่น จนหลวนเหยาต้องเจ็บปวด
‘เฮ้อ ถึงอย่างไรก็ยังอ่อนวัยกันนัก ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ มีข้าคอยสนับสนุนเจ้า ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจแย่งเยว่เอ๋อร์ไปจากเจ้าได้! ช้าเร็วเยว่เอ๋อร์ก็ต้องครองคู่กับเจ้า เหตุใดต้องโศกเศร้าด้วยเล่า…’
เขาเอ่ยในใจ
หลวนเหยานั้นดีทุกอย่าง เพียงแต่กังวลกับเยว่เอ๋อร์เกินไป อารมณ์เพียงเล็กน้อยของเยว่เอ๋อร์สามารถส่งกระทบอย่างร้ายแรงต่อหลวนเหยา เขาเห็นเรื่องเช่นนี้มาเยอะแล้ว
กระนั้นก็มิใช่เรื่องแย่อันใด
อย่างน้อยเยว์เอ๋อร์ครองรักกับหลวนเหยาไปก็มิใช่ฝ่ายเสียเปรียบ หลวนเหยาจักดีกับเยว่เอ๋อร์มาก ๆ
และเพราะหลวนเหยาดีกับเยว่เอ๋อร์มากเพียงนี้ เขาถึงยอมรับหลวนเหยาขนาดนี้ ปฏิบัติต่อหลวนเหยาเสมือนบุตรเขย
“ท่านพ่อ เรายุติเรื่องนี้เพียงเท่านี้เถิด…”
หลีเยว่กล่าว รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้านั้นลึกล้ำเกินหยั่ง หากลัทธิของพวกเขาดึงดันต่อกรกับอีกฝ่ายต่อ อาจต้องเสียหายไปมากกว่านี้!
นางต้องการให้ทุกอย่างยุติ ไม่อยากให้ท่านพ่อของนางเอาความต่อ เรื่องของธงหมื่นพิชิตกับระฆังสะเทือนฟ้าปล่อยให้ผ่านแล้วผ่านเลยเถิด…
ตามคาด!
เจ้าลัทธิขมวดคิ้ว เยว่เอ๋อร์ชอบเจ้าหมอนั่นเข้าแล้วจริง ๆ จนป่านนี้แล้วยังพูดจาเข้าข้างหมอนั่นอยู่อีก กลัวว่าพวกเขาจะตามจองล้างจองผลาญกับหมอนั่นต่อ ลงทัณฑ์เขาให้หนักกว่านี้
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าประเมินพ่อเจ้าต่ำเกินไป พ่อเจ้าเป็นคนใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ไหน เรื่องนี้ย่อมต้องจบลงเท่านี้แน่นอน” เขาเอ่ย
เด็กรุ่นหลังคนหนึ่งเท่านั้น พวกเขายังไม่ถึงขั้นต้องตามระรานไม่ปล่อย ทำเช่นนั้นรังแต่จะเป็นผลให้พวกเขาดูไร้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นอกจากนี้ หมอนั่นได้ชดใช้อย่างสาสมแล้ว ชุดจานฝน หมึก พู่กันถูกทำลายทิ้งทั้งหมด นับว่าหักล้างกับที่ธงหมื่นพิชิตถูกทำลายได้แน่นอน
“จริงหรือ”
หลีเยว่ถามเสียงคลางแคลง ท่านพ่อไม่ยี่หระเรื่องที่ระฆังสะเทือนฟ้าถูกทำลายได้จริงหรือ
“พ่อเคยหลอกเจ้าที่ไหน! วางใจเถิด พ่อจะไม่ถือสาหาความอีก หากพ่อหลอกเจ้า พ่อจะให้…พ่อจะให้เจ้าถอนผมของพ่อออกให้หมด!”
เจ้าลัทธิกล่าว “คราวนี้เจ้าสบายใจได้แล้วใช่หรือไม่ เจ้ารู้ว่าผมนั้นสำคัญกับพ่อที่สุด พ่อไม่มีทางยอมให้ผมของพ่อสึกหรอ!”
“สบายใจแล้ว!”
หลีเยว่ยิ้มสดใส วางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง ท่านพ่อเทิดทูนผมตัวเองมากจริง ๆ
“หลวนเหยา เรื่องราวจบลงแล้ว จากนี้ไป ทุกอย่างจักกลับมาเป็นปกติ เจ้าไม่ต้องมีท่าทีเช่นนี้” เจ้าลัทธิปลอบหลวนเหยา
“มาเถิด ส่งระฆังสะเทือนฟ้าให้ผู้อาวุโสไช่ ให้ผู้อาวุโสไช่ได้นำกลับไปเก็บในคลังสมบัติ” เขากล่าวต่อหลวนเหยา