พวกมนุษย์อยู่ในโลกนี้กันยังไงนะ?
ฉันเกิดสงสัยขึ้นมา ในคืนที่มีจันทร์เสี้ยวสวยงามบนท้องฟ้าไม่กี่วันหลังจากวันเกิดของฉัน
เท่าที่อ่านจากในหนังสือ มันก็แทบไม่ต่างจากการใช้ชีวิตในโลกเดิมเลย แค่มีพวกเหนือมนุษย์จากการได้รับการอวยพรจากเทพที่เรียกว่า {สเตตัส} เท่านั้นเอง
ในทางกลับกัน แวมไพร์กลับมีพลังที่แข็งแกร่งมาแต่กำเนิดที่สืบทอดกันมา อย่างการเพิ่มพลังขึ้นตามข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์, สายตาที่มองเห็นได้ในความมืดอย่างชัดเจน, อายุขัยที่ยืนยาว, อัตราการฟื้นฟูร่างกายสูง และความสามารถในการสร้างบริวารผ่านการดูดเลือด จุดที่ต่างจากความรู้จากโลกเดิมของฉันคือแวมไพร์สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลากลางวัน ถึงตามปกติพวกเราจะหลับอยู่ก็ตาม
กล่าวคือ แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่ามนุษย์นั่นเอง
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ในโลกนี้มนุษย์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาที่มีจำนวนมากที่สุด รวมกับเรื่องชาติก่อนของฉันแล้ว ถ้าจะบอกว่าฉันไม่สนใจเกี่ยวกับมนุษย์ก็คงจะโกหกล่ะนะ
ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจปรึกษากับพ่อของฉันว่า ‘หนูอยากเห็นพวกมนุษย์’
“ไม่ได้”
ทั้งน่าประหลาดใจ ทั้งคาดไม่ถึงเลยที่พ่อปฏิเสธคำขอของฉันทันที
เพราะเขาเป็นพ่อของฉัน เมื่ออยู่นอกเวลางาน พ่อจะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความเป็น [แวมไพร์ลอร์ด] เลยเวลาอยู่ที่บ้าน แต่ตอนนี้ พ่อกลับมองฉันด้วยใบหน้าที่เข้มงวดในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ลีน พ่อไม่รู้นะว่าทำไมจู่ๆ ลูกก็สนใจในตัวมนุษย์ขึ้นมา…แต่พวกมนุษย์ ไม่ได้เด็ดขาด”
“หมายความว่าไงเหรอคะ?”
“มันยากที่จะอธิบายให้ลูกเข้าใจนะ แต่…”
การมีร่างกายเป็นเด็ก 5 ขวบนี่ไม่สะดวกเอาซะเลยแฮะ ฉันเข้าใจทุกอย่างได้นั่นแหละ แต่อีกฝ่ายต้องเรียบเรียงคำพูดอย่างยุ่งยากเพื่อให้แม้แต่เด็กอย่างฉันก็เข้าใจได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ทำให้เข้าใจยากกว่าเดิมซะอีก
“อา… เอาล่ะ ลีน แวมไพร์อย่างพวกเราศรัทธาใน… พ่อหมายถึง ลูกรู้ใช่มั้ยว่าเทพที่พวกเราศรัทธากันคือใคร?”
“ค่ะ ท่านอิซึสึใช่มั้ยคะ?”
ไม่ใช่แค่รู้จักหรอกค่ะ ฉันนี่เคยไปเจอกับท่านมาแล้วด้วยแหละ
“ถูกต้อง ในขณะที่เราศรัทธาในท่านอิซึสึ พวกมนุษย์ก็ศรัทธาในเทพธิดาที่มีชื่อว่ามิซารี่… แต่เทพองค์นั้น มิซารี่น่ะ ชิงชังเผ่ามารอย่างแวมไพร์แบบพวกเรา”
…หืม เหมือนเคยฟังเรื่องนี้มาก่อนเลยแฮะ อ้อ นึกออกแล้ว เรื่องที่ท่านอิซึสึเคยสอนให้มานี่นา
“ยังตามทันมั้ยลูก?”
“ค่ะ ตามทันค่ะ”
พอฉันตอบไปแบบนั้น พ่อก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะลูบหัวฉันพลางพูดว่า “ลูกนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะ” นั่นทำให้ฉันมีความสุขมาก (และก็เขินๆ นิดหน่อย)
“เพราะแบบนั้น เมื่อเทพธิดามิซารี่ชิงชังพวกเรา ทำให้พวกมนุษย์ที่ศรัทธาในตัวนางเกลียดชังพวกเราด้วยเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงไม่สามารถไปปรากฏตัวต่อหน้าพวกมนุษย์ได้ พวกเขาจะโจมตีใส่เราทันทีที่พบ”
“แวมไพร์ทุกตนเกลียดการต่อสู้อย่างเปล่าประโยชน์ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่แล้ว เพราะแบบนั้นเราจึงไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างกองทัพจอมมารกับเผ่ามนุษย์…”
หืมมม จากที่ฉันฟังมานี่ก็เหมือนกับที่เคยฟังมาจากท่านอิซึสึเลย พวกมนุษย์บอกว่าเทพธิดามิซารี่นั้นเป็นเทพเพียงองค์เดียว และพวกเขาก็พยายามจะฆ่าล้างเผ่ามารเพราะพวกเราศรัทธาในท่านอิซึสึ เผ่ามารเลยต้องสู้กลับอย่างหนักเพื่อหยุดยั้งพวกมนุษย์ไว้
และจากการที่เผ่ามารมีศักยภาพที่สูงกว่าพวกมนุษย์ ทำให้พวกมนุษย์เสียเปรียบ และเพื่อพลิกกลับจากสถานการณ์ที่ตกเป็นรองนี้ พวกเขาจึงอัญเชิญผู้คนจากต่างโลกมาพร้อมกับพรสวรรค์ระดับสูงตั้งแต่เกิด… อย่างที่ต่างโลกนี่ ก็มีอดีตเพื่อนร่วมชั้นของฉันที่ถูกฆ่าจากการบิดเบือนโชคชะตาและได้มาเกิดใหม่ที่นี่
และฉันก็ดันติดร่างแหนั่นมาเกิดที่นี่ด้วย แต่ฉันก็มีความสุขที่เป็นแบบนี้นะ
“และถ้าพูดตรงๆ นะลูก ถึงพ่อจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน แต่… เมื่อเทียบกับระดับโลกได้แล้ว ความแข็งแกร่งของพ่อน่ะก็ไม่เท่าไหร่เลย”
“เอ๋? ขนาดมีสเตตัสสูงขนาดนั้นน่ะเหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ มีผู้คนในโลกอีกมากที่แข็งแกร่งกว่าพ่อ แวมไพร์น่ะไม่ชอบการกระทบกระทั่งที่ไร้ความหมาย เราจึงมักจะมีพลังไว้แค่ให้พอปกป้องหมู่บ้านของพวกเขาได้ก็พอ แต่ พ่อก็ยังมั่นใจนะว่าถ้าต้องสู้ในคืนวันเพ็ญล่ะก็ ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร พ่อก็คว่ำมันลงได้แน่นอน”
โห พลังในโลกนี้มันเฟ้อขนาดไหนกันนะ? เอ… ถ้างั้น สเตตัสของฉันอาจจะทะลุ 10,000 ไปเลยมั้ยเนี่ย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแข็งแกร่งมากกว่าที่จำเป็นในตอนนี้แล้ว แต่ไม่แน่ ฉันอาจจะต้องรับตำแน่งหัวหน้าเผ่าต่อจากพ่อก็ได้ ถ้าเป็นอย่างงั้น พลังก็เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผู้คน และก็… เดี๋ยวฉันคง… แต่งงาน ไหนจะเรื่องเด็กๆ หรืออะไรแบบนั้น… ถ้าฉันตัดสินใจจะมีลูก…ฉันคงต้องอยู่คอยดูแลพวกเขาและไม่สามารถไปเพิ่มเลเวลให้ตัวเองได้ กล่าวคือ ฉันจำเป็นต้องแข็งแกร่งไว้ในระดับหนึ่งสินะ
แต่ยังไงก็…ดูท่ามนุษย์ในโลกนี้จะอันตรายกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย มันคงค่อนข้างจะยุ่งยากใจอยู่ในฐานะอดีตมนุษย์อะนะ
เมื่อรู้แล้วว่าพลังเป็นสิ่งจำเป็น ฉันเลยเริ่มเข้าป่าไปล่าพวกสัตว์ป่า ผลที่ได้คือ เลเวลของฉันเพิ่มขึ้นมา 3 เลเวล และฉันก็สามารถขยับร่างกายได้คล่องขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว
เอาจริงๆ ฉันอยากเรียนเวทมนตร์นะ แต่ไม่อยากเป็นพวกสมองกล้ามใช้แต่หมัดเข้าสู้แบบพ่อ หรือพวกที่สู้ด้วยเวทมนตร์อย่างเดียว ฉันอยากเป็นแวมไพร์สุดอเนกประสงค์ที่สามารถสู้ได้ทั้งกายภาพและเวทมนตร์ ขนาดในโลกเดิม เวลาเล่นเกม RPGs ฉันก็ชอบสร้างตัวละครประเภท [นักรบเวทมนตร์] มาเล่นด้วย
เพราะงั้น เอาจริงๆ ฉันยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะเป็นอาชีพอะไรดี ฉันคิดว่าฉันควรจะเลือก [จอมยุทธ์] และ [นักเวท] และทำให้เชี่ยวชาญในทั้ง 2 อาชีพนี้ ฉันอาจจะปลดอาชีพในระดับที่สูงขึ้นได้ก็ได้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นได้จริงมั้ยนะ
ฉันรู้ว่าในหมู่บ้านที่สงบนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจก็ได้ แต่ถ้าจะทิ้งเอาไว้ ไม่ยอมเลือกอาชีพซะทีก็คงไม่ดีแน่
จากนั้นไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว หรือก็คือ การเสริมความสามารถของฉันไม่ทำงานแล้ว ฉันเลยแบกพวกสัตว์ป่าที่ฉันล่าได้เอากลับบ้านมาด้วย ที่เหลือก็แค่ให้แม่กับคนในหมู่บ้านช่วยกันชำแหละซะ… ก็คือ เราแบ่งพวกสัตว์ที่ฉันล่ามาได้ให้คนทั้งหมู่บ้านนั่นเอง
ยังไงก็ตาม มีคนไม่น้อยเลยที่ตกใจที่ฉันกลับมาพร้อมกับพวกสัตว์ป่าที่ฉันล่ามาได้ แต่ฉันก็เข้าใจนะ ลองนึกภาพเด็ก 5 ขวบแบกสัตว์ป่าตัวโตๆ มาดูสิ ถึงความสามารถของเธอจะเพิ่มขึ้นจากการอวยพรจากดวงจันทร์ก็เถอะนะ
จากนั้น ในตอนเช้า พวกเราก็จัดกินเลี้ยงเนื้อย่างกัน จริงๆ แล้วในชาติก่อนฉันก็ไม่เคยกินเลี้ยงเนื้อย่างเลย เพราะงั้นนี่ก็คือประสบการณ์ครั้งแรกของฉันเหมือนกัน พวกเราเชิญคานะจังกับเพื่อนๆ มาร่วมกินเลี้ยงด้วย พวกเราก็ได้สนุกกับปาร์ตี้เล็กๆ นี้กัน
หลังจากกินอิ่มและทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ฉันก็ง่วงมากและมุ่งหน้าตรงไปที่เตียง วันนี้ก็เป็นวันที่สนุกสนานอีกวันนึง ฉันดีใจจังเลยที่ได้มาเกิดที่โลกนี้ ฉันมีทั้งเพื่อนๆ ที่น่ารัก มีคุณพ่อคุณแม่ที่ฉันรัก และเพื่อนบ้านที่ใจดี ทุกสิ่งที่ฉันไม่เคยมีมาก่อนในชาติก่อน
หลังจากนั้นฉันก็หลับไป คิดถึงกลางคืนถัดมาที่จะมาถึง
หวังว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นอีกวันนึงที่สนุกสนานและสงบนะ
ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว หมู่บ้านแวมไพร์ถูกทำลายย่อยยับ
ตอนนั้นฉันเข้าใจผิดไป ฉันช่างอ่อนต่อโลก โลกนี้ไม่ได้สงบสุขอย่างที่ฉันคิด
พวกมันทั้งเย่อหยิ่ง ป่าเถื่อน คิดว่าตัวเองถูกต้องไปซะทุกอย่าง
ที่นี่มันนรกชัดๆ โลกที่มีพวก ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้กระจายไปทั่วแบบนั้น
ฉันไม่มีทางลืมวันนั้นได้เลยไปตลอดชีวิต
ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวด ความทรมาน ความโกรธ หมดสิ้นหนทาง ความอัปยศ ความเสียใจ ความเกลียดชัง ความปรารถนาที่ต้องการฆ่าเจ้าพวกนั้น
―――ในวันนั้น วันที่ฉันสาบานว่าจะล้างแค้นไอ้พวกชั่วนั่น ที่เรียกว่า [มนุษย์]
TN: ตัดฟีลกันแบบนี้เลย…