ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 567 ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 567 ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ

เหวยเสี่ยวเป่าได้ยินแล้วส่ายหน้าทันที “ในเมื่อมีของดีเช่นนี้ เหตุใดไม่เก็บไว้ใช้กับกระโจมใหญ่ตอนสุดท้าย นั่นจะไม่มีประโยชน์กว่าหรอกหรือ ตรงนั้นมีศัตรูมากกว่า อยู่กันหนาแน่นกว่า ใช้ตรงนั้นจะประสิทธิภาพดีขึ้นแน่นอนไม่ใช่หรือ”

หวังอวี่เยียนได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นอธิบายอย่างมีความอดทน “ท่านลองสังเกตแผนที่ดูสิ ข้างกระโจมใหญ่ของค่ายโรนินมีแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง หลังจากใช้ตรงนั้นแล้ว พวกโรนินที่ตัวติดไฟจะต้องกระโดดน้ำเพื่อดับไฟทันทีแน่นอน…

…แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หลังจากพวกเขาตกน้ำแล้ว พลังต่อสู้ก็จะได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ผู้เล่นฉวยโอกาสก่อนพวกเขาขึ้นฝั่ง ฆ่าให้ตายทีละคนได้สบายๆ…

…แต่นั่นคือการลดความยากตอนฝ่าด่านเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติเท่านั้น อย่าลืมเชียวนะว่าวันนี้สองทีมแข็งความเร็วในการฝ่าด่านกัน!…

…เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ายังต้องบีบศัตรูให้ลงแม่น้ำ แล้วเฝ้ารอบนฝั่งเหมือนเฝ้าตอรอกระต่าย แม้จะลดความยากในการฝ่าด่านได้เยอะมาก แต่กลับเป็นการสิ้นเปลืองเวลาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…

…วิธีการแบบนั้น จัดว่าไม่รู้จักลำดับความสำคัญ ข้าคิดว่าไม่ว่าจะเป็นทีมสำนักฉวนเจินหรือทีมเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานก็คงไม่มีใครทำอย่างนี้”

เหวยเสี่ยวเป่าฟังจบแล้วเบะปากนิดหน่อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก艾琳小說

แม้เขาจะอยากพูดอะไรแทนเยี่ยเว่ยหมิงสักหน่อย แต่เมื่อเจอคำพูดคำจาที่มีหลักการเหตุผลของหวังอวี่เยียน เขาก็ไม่รู้ว่าจะเถียงเพื่อเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไรจริงๆ

ตอนนี้กลับได้ยินหวังอวี่เยียนอธิบายต่อว่า “จูเก๋อหว่านจวินที่เพิ่งส่งข้อความมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ส่งข้อความมาอีกแล้ว ในนั้นกล่าวถึงรายละเอียดไว้มากมาย ตรงนี้ข้าจะไม่อธิบายทีละข้อแล้ว จะประกาศผลที่เขาคาดการณ์ไว้ให้ทุกคนรู้เสียเลย…

…ตามที่จูเก๋อหว่านจวินคาดการณ์ไว้ เคล็ดฝ่ามือจากบนฟ้าของสหายเยี่ยแสดงประสิทธิภาพที่คาดไม่ถึงออกมา ตอนที่แยกค่ายของศัตรูออกจากกัน ยังทำให้คะมิมุระ นิอิ BOSS ของด่านขนส่งบาดเจ็บด้วย จากทีแรกที่อาจจะผ่านด่านช้ากว่าฝ่ายตรงข้ามหนึ่งนาที ตอนนี้ย่นระยะเวลาเหลือครึ่งนาทีแล้ว…

…แต่ที่น่าเสียดายก็คือ กลยุทธ์แยกดันของพวกเขา กลับทำให้ถังดินปืนที่ป่วนค่ายของอีกฝ่ายให้วุ่นวายแสดงประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะมีไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้ฝ่ายเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานก็ยังมีอีกห้าคน จนป่านนี้แล้วยังจัดการฮิราคาวะ อิชชินไม่ได้เลย…

…ดังนั้น การทำแบบนี้นอกจากจะลดความแตกต่างไม่ได้แล้ว กลับถูกอีกฝ่ายนำหน้าไปไกลกว่าเดิม สุดท้ายถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ฝ่ายสำนักฉวนเจินก็จะผ่านดันเจี้ยนเร็วกว่าฝ่ายเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานประมาณสองนาที”

ต้องบอกเลยว่าผู้เล่นที่ชื่อจูเก๋อหว่านจวินคนนั้นคำนวณได้ดีมาก เรื่องราวที่ดำเนินต่อไปก็แตกต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่เท่าไร

ทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างบุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนที่ฝ่ายเยี่ยเว่ยหมิงใช้วิธีการแยกดันห้าสองต่อไป สุดท้ายก็รวมตัวกันอีกครั้งตอนทำศึกตัดสิน กำจัดศัตรูทุกคนในกระโจมใหญ่ของค่ายโรนินยกเว้นโฮโจที่เป็น BOSS คนสุดท้าย เหลือแค่รอพุ่งเข้ากระโจมไปฆ่า BOSS คนสุดท้ายตาย บนฟ้าก็มีเสียงประกาศระบบว่าทีมสำนักฉวนเจินผ่านดันเจี้ยนนำไปแล้ว พวกเขาเปิดดันเจี้ยนนี้สำเร็จแล้ว

เจ็ดคนที่ยืนอยู่นอกกระโจม BOSS คนสุดท้ายมองหน้ากันเลิกลั่ก ฉางซิงอวี่กล่าวอย่างจนใจนิดหน่อยว่า “ว่าแล้วเชียว อานุภาพของค่ายกลฟ้าดาวเหนือเหนือกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้ การประลองสนามนี้ พวกเราแพ้แล้ว…”

ระหว่างที่พูด เขาก็ส่ายหน้าเดินไปทางกระโจมของ BOSS คนสุดท้ายในดันเจี้ยน แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงดึงไว้

BOSS คนนี้ถูกตั้งค่าไว้ หากผู้เล่นไม่เข้าใกล้กระโจมของเขา เขาก็จะไม่เป็นฝ่ายออกมาเองเด็ดขาด

ฉางซิงอวี่งงทันที “สหายเยี่ย แล้วเจ้าจะดึงข้าไว้ทำไม”

“แน่นอนว่าข้านึกถึงเรื่องบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นได้” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างใจเย็นมาก

“น่าสนใจแล้วจะทำอย่างไรได้ พวกเราแพ้การประลองสนามแรกแล้ว รีบจบดันเจี้ยนนี้ดีกว่า” ฉางซิงอวี่ใกล้จะหมดความสนใจแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับเถียงเต็มปากอย่างมีเหตุผล “อย่างที่เจ้าบอก ถ้าเป็นเรื่องเวลา พวกเราแพ้แล้ว เช่นนั้นการจะผ่านดันเจี้ยนนี้ช้าหรือเร็วแล้วจะต่างกันอย่างไร ถ้าเทียบกับการเร่งรีบผ่านดันเจี้ยนอย่างก่อนหน้านี้ ข้าชอบไปขุดของที่ซ่อนไว้มากกว่า”

พอพูดจบ ก็หันไปยื่นมือให้เชิญร่ำสุราอีก “สหายเชิญร่ำสุรา นำถังดินปืนที่เจ้าดรอปจากตัวฮิราคาวะ อิชชินมาให้ข้า”

แม้จะสงสัยในจุดประสงค์ของเยี่ยเว่ยหมิง แต่เชิญร่ำสุราก็ยังส่งของให้เยี่ยเว่ยหมิงอย่างง่ายดาย

หลังจากรับถังดินปืนมาจากมือเชิญร่ำสุรา เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปทางที่พวกเขาจากมาท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน พร้อมบอกใบ้ให้ทุกคนตามมา แม้ทุกคนจะสงสัยแต่ก็ยังเดินตามไปเพราะเชื่อมั่นในตัวเยี่ยเว่ยหมิง

หลังจากนั้น บรรดาผู้ชมที่รับชมถ่ายทอดสดก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพาทีมย้อนกลับไปที่ด่านหน้าของค่ายโรนิน เสร็จแล้วถึงได้จุดไฟที่ถังดินปืนในมืออย่างไม่รีบร้อน แล้วชูขึ้นเหนือศีรษะพร้อมบอกว่า “โคจรพลังปกป้องหูสองข้างของตัวเองไว้”

ท่าทางที่เป็นปริศนาของเยี่ยเว่ยหมิง แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจแต่ก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมมาก ยังคงทำตามที่เขาบอก

จากนั้นพวกเขาก็เห็นเปลวเพลิงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ตอนที่ขึ้นสูงประมาณสิบจั้งก็พลันระเบิดออกมา ประกายไฟสีฟ้าระยิบระยับเบ่งบานออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

พรึ่บ!

ปั้ง!

เมื่อเห็นฉากนี้ เหวยเสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องถ่ายทอดสดก็หลุดขำ “ที่แท้ถังดินปืนนั่นก็มีดอกไม้ไฟงดงามเช่นนี้นี่เอง แม้พี่ใหญ่เยี่ยจะแพ้การประลอง แต่เขาก็เข้าใจสร้างบรรยากาศโรแมนติกนะ”

หวังอวี่เยียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ของสิ่งนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นดอกไม้ไฟ ทำไมข้ารู้สึกว่าเหมือนเครื่องมือส่งสัญญาณมากกว่าล่ะ อย่าบอกนะทุกคนเข้าใจจุดประสงค์การใช้งานที่แท้จริงของมันผิดตั้งแต่แรก?”

ในดันเจี้ยน เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ จากนั้นวิเคราะห์ว่า “ก่อนหน้านี้ตอนทุกคนพบของสิ่งนี้ สิ่งแรกที่คิดได้ล้วนเป็นวิธีการใช้ของสิ่งนี้โจมตีเพื่อสร้างความวุ่นวายในค่ายทหาร…

…แต่ที่จริงแล้ว ทุกคนกลับลืมไปว่านี่คือไอเทมดรอปของ BOSS ที่เฝ้าด่านหน้าของค่ายโรนิน…

…ด่านหน้ามีไว้ทำอะไร…

…ตามความเข้าใจที่มีต่อความหมายตามตัวหนังสือ สิ่งนี้น่าจะเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณ ไม่ใช่อาวุธสำหรับการโจมตีอะไรทั้งนั้น”

ตอนนี้เอง ซูไตจื่อถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “แต่ตอนที่พวกเราสู้กับอีกฝ่าย ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าเขาจะส่งสัญญาณเลยนะ”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ดังนั้นข้าถึงคาดเดาว่าบทบาทของอุปกรณ์ชิ้นนี้น่าจะเป็นความลับ”

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งพูดจบ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะประหลาดดังมาจากป่าทึบที่อยู่ฝั่งขวาของพวกเขา เสียงเหมือนมารปีศาจ!

ตอนที่ได้ยินเสียงประหลาดนี้ ผู้เล่นทุกคนที่กำลังดูความก้าวหน้าของดันเจี้ยนนี้ผ่านการถ่ายทอดสดก็คำนามคำหนึ่งลอยขึ้นมาในหัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย…BOSS ลับ!

ท่ามกลางเสียงหัวเราะประหลาด จู่ๆ ก็เงาดำแวบผ่าน

จากนั้นพวกเขาก็พบว่านินจาคนหนึ่งที่สวมชุดสีเทาและรองเท้าฟาง บนศีรษะสวมหมวกงอบปรากฏตัวอยู่ห่างจากพวกเขาสามจั้ง

เพราะอีกฝ่ายปรากฏตัว เหนือศีรษะก็มีข้อมูล BOSS ปรากฏขึ้นมาแล้ว

[ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ (คำอธิบายอยู่ในบทนี้)]

ในบรรดาโรนินแดนฝูซางที่พเนจรมาถึงภาคกลาง เขาเป็นหนึ่งในสองยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด

เลเวล: 100

พลังชีวิต: 1300000/1300000

กำลังภายใน: 360000/360000

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท