ตอนที่ 598 ความสามารถก้าวหน้า
เยี่ยเว่ยหมิงมองค่าสเตตัสโดยละเอียดของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ปราดหนึ่งแล้วเดาะลิ้นเด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
ค่าสเตตัสของวิชากำลังภายในนี้อ่อนแอขนาดนี้เชียวหรือ
แน่นอนว่าไม่อ่อนแออยู่แล้ว ในฐานะวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา หากเทียบกับวิชากำลังภายในทุกวิชาที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยฝึก ค่าสเตตัสของมันดีกว่ามากกว่าหนึ่งเท่าอยู่แล้ว!
แต่ในเมื่อเป็นสุดยอดวิชา เช่นนั้นก็ไม่ควรนำมันมาเทียบกับวิชากำลังภายในระดับสูงและระดับกลาง เพราะนั่นไม่ยุติธรรม
ถ้าเทียบกับวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาเหมือนกัน เทียบค่าสเตตัสของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ กับ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ ของน้องดาบ น่าจะถือว่า…ต่างคนต่างมีข้อดีเป็นของตัวเอง?
ดูจากค่าสเตตัสพื้นฐาน ทุกครั้งที่วิชากำลังภายในสองวิชานี้เพิ่มหนึ่งเลเวล ค่าสเตตัส ‘กำลังภายในสูงสุด’ ที่เพิ่มขึ้นก็เหมือนกัน แต่ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ มีค่าพลังชีวิตสูงสุดมากกว่าหนึ่งพันแต้ม แต่ค่าสเตตัสโดยรวมของ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ กลับเหนือกว่า ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ แค่ยี่สิบแต้มทุกรายการ
ซึ่งถ้าดูจากเอฟเฟ็กต์เสริมที่อยู่ข้างหลัง ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ เพิ่มการโจมตีและป้องกันพื้นฐานได้โดยตรง แต่ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ กลับเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตและกำลังภายใน
ดูจากข้อมูลเหล่านี้ ก็ถือว่ามีข้อดีแตกต่างกันไปจริงๆ
แต่ปัญหาก็คือ ในฐานะที่เยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้เล่นคนหนึ่ง มาตรฐานที่เขาใช้ตัดสินทักษะ นอกจากค่าสเตตัสและมูลค่าของมันแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทักษะนั้นเข้ากันได้ดีกับตนหรือไม่!
ซึ่งหากมองจากจุดนี้ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ แค่เพิ่มความสามารถในการมีชีวิตรอดให้เขาเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพของ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ กลับซ้อนทับกับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ได้
หนึ่งในสองวิชานี้ทำให้เขาอึดขึ้นเมื่อสู้กับศัตรูที่เคยเอาชนะได้ ทำให้เขาสู้ได้ต่อเนื่องโดยไม่เหนื่อยล้า
ส่วนอีกวิชาหนึ่งกลับทำให้เขามีศักยภาพที่จะท้าสู้ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าได้!
หากเปรียบเทียบกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็ต้องชอบ ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ มากกว่าอยู่แล้ว!
เพียงแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้เช่นกันว่ามัวครุ่นคิดถึง ‘วิชาอรหันต์สยบมาร’ ไปก็ไม่มีความหมาย ของคนอื่นต่อให้ดีอย่างไร แต่เวลาใช้งานของตัวเองก็ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากกว่า
เขาอ่านคำอธิบายประโยคสุดท้ายของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้เหมือนกันว่าคำว่า ‘เพิ่มขึ้นเยอะมาก’ นั้นเยอะขนาดไหนกันแน่
ในข้อมูลแนะนำวิทยายุทธ์และและข้อมูลที่เขาได้รับไม่ได้บอกตัวเลขชัดเจน ดูท่าแล้วคงทำได้เพียงพิสูจน์ด้วยตัวเองระหว่างต่อสู้
หลังจากเข้าใจประเด็นสำคัญต่างๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตำราลับวิชาตัวเบา ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ที่สุ่ยเซิงมอบให้ก่อนหน้านี้ออกมาอีก เขาดูคอลัมน์กระบวนท่าสามช่องที่ยังเหลือของตัวเอง รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ขาดแคลนวิธีการโจมตีที่ร้ายกาจ หากเทียบกันแล้ว วิชาตัวเบาที่เพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานได้มีค่าสำหรับเขามากกว่า
หลังจากเข้าใจประเด็นสำคัญต่างๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเปิดอ่านอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้นสิบห้านาที…
[ย่ำจอกข้ามน้ำ (ระดับสูง)]
หนึ่งในวิชาตัวเบาระดับสูงที่พบได้น้อยในยุทธภพ ถ่ายทอดมานานหลายยุค ตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้แล้ว
เลเวล: 1 (+2)
ค่าประสบการณ์: 2500/5000
ท่าร่าง +40 (+80)
ความว่องไว +40 (+80)
……
หากเปรียบเทียบ ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ กับ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ โบนัสค่าสเตตัสของ ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ค่อนข้างเฉลี่ยกันมากกว่า
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้หยุดมองบนวิชาตัวเบานานนัก เขานำ ‘ตำราลับวิชากำลังภายใน’ สี่เล่มที่ได้ตอนเก็บศพก่อนหน้านี้ออกมาแทน เตรียมจะเพิ่มเลเวล ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
คุณภาพที่ได้จากตำราลับสี่เล่มนี้แบ่งเป็น:
ปรมาจารย์ดาบโลหิต 450000 แต้ม
ลู่เทียนซู 520000 แต้ม
หลิวเฉิงเฟิง 520000 แต้ม
ตู๋กูเจี้ยน 1500000 แต้ม!
หากถามว่าทำไมในบรรดาสามคนที่โผล่มาใหม่ คุณภาพตำราลับของปรมาจารย์ดาบโลหิตแย่ที่สุด
สาเหตุย่อมไม่ใช่เพราะตัวปรมาจารย์ดาบโลหิตอยู่แล้ว ที่จริงในฐานะ BOSS โหมดปกติเลเวลร้อยสามสิบ ด้วยเลเวลและศักยภาพของปรมาจารย์ดาบโลหิต ระบบกำหนดให้เขาเก่งกว่าทุกคนในกลุ่ม ‘บุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ’
แต่เนื่องจากเยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจหลักการอย่างลึกซึ้ง นำไอเทมบรรจุศพที่ดีที่สุดไปใช้กับศพที่เลเวลต่ำและนิสัยดีอย่างลู่เทียนซู หลิวเฉิงเฟิงและสุ่ยไต้หมดแล้ว ถึงได้ทำให้ตำราลับตระหนักรู้ที่ได้ตอนสุดท้ายเกิดผลลัพธ์กลับกันแบบนี้
อย่างไรเสีย โลงไม้หวงฮว่าที่ใช้บรรจุศพลู่เทียนซูและหลิวเฉิงเฟิงก็มีโบนัสสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนเสื่อที่ใช้ม้วนศพปรมาจารย์ดาบโลหิตมีโบนัสเป็นศูนย์!
ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ถือโอกาสตอนที่กำลังเบื่อเซ็ง เยี่ยเว่ยหมิงอ่านตำราลับสี่เล่มนี้จนจบ ได้ค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในทั้งหมด 4485000 แต้ม หลังจากเพิ่มทั้งหมดไปบน ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ในรวดเดียว ก็ทำให้ค่าสเตตัสของวิชากำลังภายในวิชานี้กลายเป็น …
[คัมภีร์เทพสาดส่อง (สุดยอดวิชา)]
วิชากำลังภายที่ในยอดเยี่ยมล้ำลึกที่สุดในยุคนี้!
เลเวล: 7 (+1)
ค่าประสบการณ์ 660000/5000000
พลังชีวิตสูงสุด +14000 (+2000)
กำลังภายในสูงสุด +14000 (+2000)
ความแข็งแกร่ง +700 (+100)
พละกำลัง +700 (+100)
ท่าร่าง+700 (+100)
ความว่องไว +700 (+100)
ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตกับกำลังภายในเพิ่มขึ้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนต่อสู้ ตอนปกติ หรือตอนนั่งสมาธิ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกัน!!
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: เทพสาดส่องสุกสกาว
เทพสาดส่องสุกสกาว: ต้านทานการโจมตีติดธาตุและติดสถานะพิเศษทั้งหมดเพิ่ม 200 แต้ม!
……
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือค่าสเตตัสพิเศษของ ‘เทพสาดส่องสุกสกาว’ มันจะปรากฏขึ้นเมื่อเลเวลของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เพิ่มถึงเลเวลห้า
ค่าสเตตัสตอนแรกสุดคือ ‘ต้านทานการโจมตีติดธาตุและติดสถานะพิเศษทั้งหมดเพิ่ม 100 แต้ม’ หลังจากเพิ่มถึงเลเวลเจ็ดแล้วก็จะเพิ่มอีกหนึ่งร้อยแต้ม
สถานการณ์แบบนี้คล้ายกับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ มาก เพราะผล ‘โจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ’ ของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ปรากฏขึ้นตอนเลเวลห้าเช่นกัน แล้วเมื่อถึงเลเวลเจ็ด เก้าและสิบก็จะเพิ่มขึ้นอีก
พอมองแบบนี้ การที่สุดยอดวิชาจะมีเอฟเฟ็กต์พิเศษใหม่ ก็ใช่ว่าต้องรอให้เลเวลเต็มเสมอไป บางทีในระหว่างที่เลเวลเพิ่ม จู่ๆ ก็อาจจะมีค่าสเตตัสเสริมที่สุดยอดมากเพิ่มขึ้นมาก็ได้
และเมื่อถึงเลเวลสิบที่เป็นระดับสมบูรณ์ ก็น่าจะมีเอฟเฟ็กต์พิเศษสักอย่างที่เป็นหลักประกันพื้นฐาน
พอนับแบบนี้ เอฟเฟ็กต์พิเศษของสุดยอดวิชาก็น่าจะมีอย่างต่ำสองอย่าง!
สมกับเป็นสุดยอดวิชา ดีกว่าวิทยายุทธ์ระดับสูงจริงๆ ไม่ว่าด้านไหนก็ดีกว่า!
เยี่ยเว่ยหมิงปลุกใจตนเองให้ฮึกเหิม แล้วนำตำราลับเล่มอื่นออกมาอีก เตรียมจะพยายามอ่านต่อไป
‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ของสุ่ยไต้ เดิมทีมีค่าประสบการณ์เจ็ดแสนแต้ม หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นหนึ่งล้านห้าหมื่นแต้ม ซึ่งหลังจากเพิ่มไปบนทักษะ ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ กลับกลายเป็น 1,575,000 แต้ม ทำให้เลเวลวิชาตัวเบาเพิ่มถึงเลเวลแปดทันที ค่าสเตตัสจึงกลายเป็น…
[ย่ำจอกข้ามน้ำ (ระดับสูง)]
หนึ่งในวิชาตัวเบาที่หายากในยุทธภพ ถ่ายทอดมาหลายยุคสมัย ตรวจสอบแหล่งที่มาไม่ได้แล้ว
เลเวล: 8 (+2)
ค่าประสบการณ์: 902500/1000000
ท่าร่าง +320 (+130)
ความว่องไว +320 (+130)
……
ส่วน ‘ตระหนักรู้วิชาดาบ’ ที่ได้จากปรมาจารย์ดาบโลหิต อิงตามหลักการ ‘ทุกสรรพสิ่งล้วนเข้ากับฝีมือทำครัว’ หลังจากใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกับค่าประสบการณ์วิชาดาบแล้ว สุดท้ายก็เพิ่มไปบนทักษะ ‘พุทธธรรม’
ค่าประสบการณ์ ‘ตระหนักรู้วิชาดาบ’ ของลู่เทียนซูถูกเพิ่มไปบน ‘ทะยานบันไดเมฆา’
ค่าประสบการณ์ ‘ตระหนักรู้วิชาทวน’ ของฮวาเถี่ยกั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเพิ่มไปบนพุทธธรรมแล้วเหมือนกัน ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันค่อนข้างเป็นปริศนา ไม่ว่าจะเป็นฮวาเถี่ยกั้นหรือ ‘วิชาทวนจงผิง’ ของเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนจะไม่เกี่ยวกับพุทธธรรมเลยแม้แต่น้อย
เข้าใจยากมาก!
ค่าประสบการณ์ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ของหลิวเฉิงเฟิงถูกเพิ่มไปบน ‘กฎเต๋า’
ค่าประสบการณ์ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ของสุ่ยไต้ถูกเพิ่มไปบน ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’
ตอนนี้ตำราลับตระหนักรู้ถูกใช้หมดแล้ว ‘กฎเต๋า’ ของ เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มถึงเลเวลแปดแล้ว ‘พุทธธรรม’ เพิ่มถึงเลเวลเก้า ส่วนเลเวล ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ก็ถูกเพิ่มถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์!
[ทะยานบันไดเมฆา]
……
เลเวล: 10 (+2)
ค่าประสบการณ์: ……
ท่าร่าง +600 (+100)
ความว่องไว +350 (+50)
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ย่ำบันไดเมฆา
ย่ำบันไดเมฆา: เมื่อตัวอยู่กลางอากาศ สามารถอาศัยแรงค้ำได้หนึ่งครั้ง ได้ประสิทธิภาพ 60% ของการอาศัยแรงค้ำบนพื้นราบ
……
เดิมที ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ใช้การเหยียบเท้าซ้ายบนเท้าขวา ไม่อาจทะลวงขีดจำกัดการกระโดดสูงได้ แต่หลังจากมีค่าสเตตัส ‘ย่ำบันไดเมฆา’ แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็จะทะลวงขีดจำกัดเดิมได้ ไม่เพียงแค่กระโดดได้สูงขึ้น ถึงขั้นหมุนตัวเร็วๆ กลางอากาศได้หนึ่งครั้งอีกด้วย นับเป็นความสามารถที่ไม่เลวเลย
‘กฎเต๋า’ กับ ‘พุทธธรรม’ ยังไม่ถึงระดับสมบูรณ์ ยังไม่มีอะไรน่าเอ่ยถึง เยี่ยเว่ยหมิงย้ายสายตาไปบน ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ที่เพิ่งเรียนมา
ด้วยแต้มค่าตบะที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้ เหมือนจะดันให้เลเวลวิชาตัวเบาถึงระดับสมบูรณ์ได้ทันที หรือไม่ก็เพิ่มเลเวลวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาอย่าง ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ให้ถึงเลเวลแปด!
ตอนนี้บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีแต้มค่าตบะอยู่เกือบสี่ล้านสี่แสน เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จได้ไม่น่าจะมีปัญหา แต่กลับทำให้สำเร็จสองอย่างพร้อมกันไม่ได้
แล้วควรจะเลือกอย่างไรดี
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงหลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือก ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’
อย่างไรเสีย เมื่อเพิ่มเลเวล ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ จนถึงเลเวลแปด เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ ‘วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชา’ นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ แต่ ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ระดับสมบูรณ์กลับสร้างเอฟเฟ็กต์พิเศษแบบใหม่ออกมา
ทว่าหลังจากกดยืนยันเพิ่มเลเวลแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็งงเป็นไก่ตาแตกทันที
เพราะว่า…
[ย่ำจอกข้ามน้ำ (ระดับสูง)]
เลเวล: 9 (+2)
ค่าประสบการณ์: 0/5000000
ท่าร่าง +360 (+130)
ความว่องไว +360 (+130)
……
วิชาตัวเบาระดับสูง ถ้าอยากเพิ่มเลเวลให้ถึงระดับสมบูรณ์ ไม่น่าเชื่อว่าต้องใจค่าประสบการณ์ถึงห้าล้านแต้ม!
บัดซบ!
ตกลงว่าข้าบ้า หรือผู้อาวุโสบู๊ลิ้มที่สร้างวิชาตัวเบาคนนี้กันแน่ที่บ้า
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งรู้สึกเฝ้าคอยวิชาตัวเบานี้มากขึ้น
อย่างไรเสียก็มีของล้ำค่าอย่าง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อยู่ก่อนแล้ว เขาเชื่อว่ายิ่งเป็นวิชาที่ต้องใช้แต้มค่าประสบการณ์เยอะ หลังจากเลเวลถึงระดับสมบูรณ์แล้วก็จะยิ่งทำให้คนพึงพอใจ
ถึงอย่างไรธีมหลักของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็คือการลงทุนเท่ากับผลตอบแทน!
เมื่อเห็นว่าแต้มค่าตบะที่เหลือไม่เพียงพอให้เพิ่มเลเวลของทักษะยุทธ์ใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เก็บสายตากลับมาจากรายการทักษะ แล้วเริ่มมองไปรอบๆ เริ่มชื่นชมทิวทัศน์ที่อยู่รอบกาย
……
เวลาอาหารค่ำ เยี่ยเว่ยหมิงมาถึงภัตตาคารซู่เจินตรงตีนเขาชิงเฉิงตามนัด เพราะครั้งนี้คืองานเลี้ยงของสหายกลุ่มใหญ่ของทั้งสามคน ดังนั้นจำนวนคนที่มารวมตัวจึงค่อนข้างเยอะ
ทั้งสามเชิญสหายในเกมที่ค่อนข้างเป็นมิตรมาด้วยกัน ในจำนวนนั้นประกอบไปด้วยซานเย่ว์ โหยวโหยว สะพานสวรรค์น้อย เฟยอวี๋ ถังซานไฉ่ มั่วหร่าน หนิวจื้อชุน อินปู้คุย หลิวอวิ๋น เจ้าอ้วนชนะฟ้า คนธรรมดาเดินดิน เชิญร่ำสุรา อวิ๋นเหมี่ยน เป็นต้น…
น้องดาบที่คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกก็ยิ่งเหมาโถงใหญ่ไว้คนเดียวเพื่อใช้รับรองกลุ่มสหายของทั้งสามโดยเฉพาะ
เนื่องจากครั้งนี้มีคนมารวมตัวกันเยอะเกินไป กระทั่งงานเลี้ยงจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังจำคนได้ไม่หมด
เพราะหลังจากกลุ่มเพื่อนขยายวงกว้างขึ้นในระดับหนึ่ง ก็มักจะเกิดการจับกลุ่มเล็กๆ หลายกลุ่มแล้วพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
ไม่ใช่เพราะทุกคนเข้ากันไม่ได้ แต่มีเพียงตอนที่ควบคุมจำนวนคนให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดเท่านั้น การพูดคุยถึงจะสนุก การพูดคุยตอนที่มีจำนวนคนเยอะเกินไป นั่นไม่ใช่การพูดคุย นั่นคือการประชุม…
จุดประสงค์ที่ทุกคนมารวมตัวกันครั้งนี้ ก็เพื่อประมูลขายตำราลับและอุปกรณ์ที่ทั้งสามได้จากหุบเขาหิมะชายแดนทิเบตแต่ยังไม่ได้แบ่งกัน ทุกคนกระตือรือร้นกับเรื่องนี้มาก
หลังจากผ่านการแข่งขันอย่างดุเดือด ในบรรดาอาวุธล้ำค่าสี่ชิ้นที่เหลืออยู่ เฟยอวี๋ได้ดาบแห่งสัจจะ ส่วนทวนสองดอกตกเป็นของสหายของฉางซิงอวี่ที่ชื่อว่านอนชนะ
ส่วนกระบี่ล้ำค่าสองเล่มที่เหลือก็แข่งขันราคากันอย่างดุเดือดพอสมควร
ในจำนวนนั้น อินปู้คุยพ่ายแพ้การประมูลกระบี่เมฆาละมุน เพราะอวิ๋นเหมี่ยนศิษย์พี่ใหญ่แห่งอู่ตังประมูลไปในราคาที่สูงมาก ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็ได้ดาบพระจันทร์เย็นมาไว้ในมืออย่างชอบธรรมเพราะเยี่ยเว่ยหมิงให้ ‘เงินกู้ไร้ขีดจำกัดและไร้ดอกเบี้ย’
แม้ในขั้นตอนการประมูลนี้สะพานสวรรค์น้อยไม่ได้ขอยืมเงินจากเยี่ยเว่ยหมิงจริงๆ แต่คำสัญญาของเยี่ยเว่ยหมิงกลับทำให้นางดูมีมาดของคนรวย ความกดดันในการแข่งขันลดลง ประหยัดเงินได้แล้วจำนวนหนึ่ง
ส่วนสองทักษะยุทธ์ระดับกลาง ‘วิชากรงเล็บอินทรี’ และ ‘มวยซั่นโส่วตระกูลเย่ว์’ ที่ดรอปจากฮวาเถี่ยกั้น ก็ถูกประมูลขายออกไปโดยตั้งราคาสูงกว่าราคาตลาดเล็กน้อยและต่ำกว่าราคาประมูลเล็กน้อย
ตอนนี้การประมูลจบลงอย่างเป็นทางการ ทุกคนมีความสุขมาก
งานเลี้ยงเข้าสู่ช่วงถัดไป นั่นก็คือการกินดื่ม พูดคุยและเล่นไพ่กัน!
ระหว่างงานเลี้ยง เชิญร่ำสุราที่ชอบใส่ชุดสีแดงเหมือนกันก็เป็นฝ่ายไปหาน้องดาบก่อน แล้วถามคำถามที่เขาสนใจที่สุด “น้องดาบ ยินดีด้วยที่เจ้าได้กลายเป็นเจ้าสำนักรุ่นที่ห้าของสำนักดาบโลหิต เผยให้รู้สักหน่อยได้ไหม ความรู้สึกตอนเป็นเจ้าสำนักเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็รู้สึกดีมากน่ะสิ!” น้องดาบตอบอย่างสมเหตุสมผล “จะฝึกวิทยายุทธ์ของสำนักทั้งหมดได้เร็วขึ้นอีกสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลลัพธ์จากการใช้ค่าตบะเพิ่มเลเวลวิทยายุทธ์สำนักก็เพิ่มร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ้าว่าข้าชื่นใจไหมล่ะ”
ตอนที่น้องดาบพูดประโยคนี้ นางไม่ได้จงใจกดเสียงให้เบาลง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานได้ยินเสียงนางชัดเจน
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่นางพูด งานเลี้ยงที่เดิมทีเสียงดังคึกครื้นก็เงียบกริบทันที
ความเร็วในการฝึกวิทยายุทธ์สำนักเพิ่ม 200% ผลลัพธ์จากการใช้ค่าตบะเพิ่ม 100%!
มารดาเจ้าเถอะ คงดีใจจนพลิกฟ้าแล้วกระมัง
แม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าเหตุใดเยี่ยเว่ยหมิงจึงเก่งขนาดนี้ได้ แต่ความเร็วที่เหมือนขี่ลูกธนูแบบนี้ แค่คิดก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดแล้ว!
ท่ามกลางคนที่อยู่ในงานเลี้ยง มีเพียงอวิ๋นเหมี่ยน ศิษย์พี่ใหญ่แห่งอู่ตังที่สุขุมที่สุด ตอนที่ทุกคนกำลังประหลาดใจ เขาก็เริ่มเอ่ยแล้วว่า “ที่จริงทุกคนก็อย่าอิจฉาเกินไปนักเลย ถึงอย่างไรสำนักดาบโลหิตก็เป็นเพียงสำนักเล็กๆ ต่อให้เจ้าสำนักฝึกวิชาได้เร็วจนเหลือเชื่อกว่านี้แล้วอย่างไร สุดท้ายโบนัสที่ผู้เล่นได้รับก็มีขีดจำกัดอยู่ดี”
ทุกคนได้ยินแล้วใจเย็นลงทันที
ศิษย์พี่ใหญ่ก็พูดถูก!
โบนัสของเจ้าสำนักดูเหมือนวิเศษวิโส แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเป็นเจ้าสำนักของสำนักไหน!
ถ้าเป็นสำนักใหญ่โตที่มีวิทยายุทธ์มากมายอย่างเส้าหลินกับอู่ตัง นั่นก็ย่อมแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่สำนักเล็กๆ อย่างสำนักดาบโลหิต ทักษะยุทธ์ที่มีให้ผู้เล่นฝึกก็เหมือนจะมีเพียง ‘คัมภีร์ดาบโลหิต’
แม้ผู้เล่นจะใช้วิธีการอื่นเพื่อรับวิทยายุทธ์ระดับสูงของสำนักอื่นได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกนับเป็น ‘วิทยายุทธ์สำนัก’ อยู่ดี ย่อมไม่มีทางได้รับผลประโยชน์จากโบนัสของเจ้าสำนัก
พอคิดแบบนี้ ทุกคนก็ไม่อิจฉาน้องดาบขนาดนั้นแล้ว