ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 611 มี BOSS ทุกคนร่วมฆ่า!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 611 มี BOSS ทุกคนร่วมฆ่า!

“ท่านพ่อ! ท่านแม่!”

มีเสียงเด็กดังต่อเนื่องสองครั้ง เพียงแต่ครั้งที่สองเสียงค่อนข้างคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่ามีใครปิดปากไว้

เพียงแต่ฟังจากเสียงตื่นตกใจครั้งแรกอย่างเดียวก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้แล้ว

ตอนที่ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นชายที่สวมเครื่องแบบทหารมองโกลคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กชายอายุประมาณเก้าขวบ เด็กชายคนนั้นถูกอุดปาก แต่กลับไม่มีแรงขัดขืน

ทันใดนั้น จู่ๆ ทุกคนก็ตาลาย ตอนที่ทุกคนยังไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จางซานเฟิงที่เดิมทียืนอยู่ด้านหน้าสุดของฝั่งสำนักอู่ตังก็ปรากฏตัวอยู่หน้าคนผู้นั้นแล้ว อีกฝ่ายถอยหลังก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ แต่กลับรู้สึกว่าในมือว่างเปล่าฉับพลัน เด็กชายที่อยู่ในอ้อมอกถูกางซานเฟิงชิงตัวไปแล้ว

จากนั้นทุกคนก็เห็นจางซานเฟิงโบกแขนเสื้อข้างขวา โบกเบาๆ เหมือนไล่แมลงวัน แต่ชายที่สวมเครื่องแบบมองโกลคนนั้นกลับเหมือนถูกฟ้าผ่า กระอักเลือดคำใหญ่พร้อมกระเด็นถอยหลังไปกระแทกบนพื้นอย่างแรง กลิ้งสองสามตลบแล้วแน่นิ่งไป

เหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ทำให้ยอดฝีมือจากห้าสำนักใหญ่ที่มาก่อเรื่องสูดหายใจลึกด้วยความตระหนกทันที พวกเขาอดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้!

ช่างดีจริงๆ!

แม้ทุกคนจะรู้ว่าจางซานเฟิงเก่งกาจ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาจะเก่งกาจถึงขั้นนี้!

เมื่อครู่เขาเพิ่งมาโผล่ตรงหน้าชายคนนั้นแล้วจะชิงตัวเด็กออกมาจากมืออีกฝ่ายได้อย่างไร ตรงนั้นมียอดฝีมือมากมายที่คิดว่าตนเองไม่ธรรมดา แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ชัดเจนสักคน!

สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นชัดก็คือ ฝ่ามือที่จางซานเฟิงใช้ปลิดชีพชายที่ลักพาตัวเด็กคนนั้น

ทว่าพวกเขาเห็นฝ่ามือนั้นชัดเจน แต่พอลองเปลี่ยนความคิดใหม่ คิดว่าหากตนเองไปยืนแทนที่ชายคนนั้น จะต้านการโจมตีครั้งเดียวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจนั่นได้หรือ

คำตอบที่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่

เพราะพวกเขาต้านไม่ไหว!

หรือพูดอีกอย่างก็คือ วันนี้พวกเขาอาศัยว่าตัวเองพวกเยอะ จึงมาบุกประชิดเขาอู่ตัง

กระทั่งได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือดยกหนึ่ง ถึงได้พบว่าต่อให้จางซานเฟิงอาศัยกำลังของตนเพียงลำพัง การฆ่าพวกเขาทั้งหมดก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ชื่อจางซานเฟิงแปลว่าอะไร

จาง ที่มาจากคำว่ายโสโอหัง!

ซาน ที่มาจากคำว่าไร้เทียมทานสามสมัย!

เฟิง ก็คือเฟิงที่แปลว่าบ้าระห่ำ!

ตอนนี้คนพวกนี้ถึงขั้นเริ่มคิดว่าตนเองโชคดีที่วันนี้ไม่ก่อเรื่องอะไรจนกู้สถานการณ์กลับคืนมาไม่ได้

หากยั่วโมโหให้นักพรตจางเป็นบ้าขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะรอดชีวิตออกจากเขาอู่ตังได้หรือ

จางซานเฟิงอุ้มเด็กกลับเข้ามาในกลุ่มของเขาอู่ตังอีกครั้ง ชาวยุทธ์ที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งถอยหลังไปไกลโดยจิตใต้สำนึก กลัวว่าตัวเองจะเผลอไปทำตัวขัดลูกตานักพรตเฒ่าท่านนี้แล้วถูกฝ่ามือเดียวตบจนนอนนิ่งไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเหมือนชายคนนั้น

“อู๋จี้!” เมื่อเห็นจางซานเฟิงอุ้มเด็กกลับมา อินซู่ซู่ก็เข้ามารับพร้อมตะโกนเสียงดังทันที หลังจากรับเด็กมาจากจางซานเฟิงแล้วก็ถามทันทีว่า “ลูกแม่ เจ้าไม่ได้บอกที่อยู่ท่านพ่อบุญธรรมของเจ้าใช่ไหม”

เด็กคนนั้นได้ยินแล้วเงยหน้าตอบอย่างภาคภูมิใจ “ต่อให้เขาตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่บอกอยู่ดี”

“เด็กดี!” แม้ปากจะกล่าวชม แต่อินซู่ซู่กลับกอดจางอู๋จี้ไว้แน่นกว่าเดิม

ครั้นจางชุ่ยซานที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์ดังนั้น บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มปลาบปลื้มเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รบกวนแม่ลูกที่กำลังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

ตอนที่ถูกคนกำลังรู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่ครอบครัวของจางชุ่ยซานได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง อินปู้คุย ฉางซิงอวี่ อวิ๋นเหมี่ยน ผู้เล่นยอดฝีมือของสำนักอู่ตัง รวมทั้งผู้เล่นที่ตามห้าสำนักใหญ่มาก่อเรื่องวันนี้ นั่นก็คือเลี้ยงบาสลงห่วง เครื่องสังหารรุ่นสามพัน ปีศาจน้อยยุทธภพ สวีหลินยวน เซี่ยวเฉินที่เพิ่งกลับมาจากจุดคืนชีพก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบแทบพร้อมกัน

[ติ๊ง! ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงเชิญคุณเข้าทีม ยอมรับหรือไม่]

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบที่ดังขึ้นกะทันหัน ผู้เล่นทั้งแปดก็งงพร้อมกัน แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็ทยอยกันกดยอมรับ

พวกเขาก็อยากจะเห็นเช่นกันว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีแผนการอะไรกันแน่

เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ปล่อยให้ทุกคนรอด้วยความสงสัย หลังจากตั้งกลุ่มเสร็จแล้วก็ส่งข้อความในช่องแชททีมทันที

[ตามบันทึกในต้นฉบับเดิม เจ้าคนที่ปลอมตัวเป็นทหารมองโกลนั่นคือหนึ่งในสองภูตเร้นลับ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของจวนอ๋องหรู่หยาง ตอนนี้น่าจะยังไม่ตาย ข้าจับตาดูเขาอยู่ตลอด…

…แต่เจ้าหมอนั่นเหมือนจะมีพลังฝีมือแข็งแกร่งมาก ต่อให้ตอนนี้ถูกจางซานเฟิงโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ดูถูกฝีมือเขาไม่ได้เด็ดขาด ข้าคนเดียวเกรงว่าจะจัดการไม่ไหว] หลังจากบรรยายสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยื่นข้อเสนอที่ยั่วยวนใจทันที [ทุกคนสนใจจะทำงานใหญ่ด้วยกันสักครั้งไหม สังหารเขาให้ตาย!]

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ เลี้ยงบาสลงห่วงก็ตอบกลับข้อความทันที [แบ่งผลงานกันอย่างไร]

[แน่นอน] เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างสมเหตุสมผล [ในสถานการณ์ที่ทุกคนไม่ได้เชื่อใจกัน วิธีการแบ่งผลงานแบบนี้คือสิ่งที่ทุกคนยอมรับได้มากที่สุดไม่ใช่หรอกหรือ]

เมื่อเห็นทุกคนยังลังเล เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสริมทันที [ตอนนี้เวลากระชั้นชิด เจ้าหมอนั่นกำลังฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังสนใจจางอู๋จี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าหลังจากฟื้นตัวแล้วจะหนีไปทันที ตอนนี้ข้าให้เวลาพวกเจ้าไตร่ตรองห้าวินาที คนที่เห็นด้วยกับปฏิบัติการนี้พิมพ์หนึ่ง คนที่ไม่เห็นด้วยเชิญออกจากกลุ่ม หลังจากห้าวินาทีนี้ไม่แสดงท่าที จะถูกเตะออกจากกลุ่มทันที]

“ห้า!”

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงนับว่า “ห้า” อินปู้คุย ฉางซิงอวี่ อวิ๋นเหมี่ยนก็ทยอยกันพิมพ์เลขหนึ่งในช่องทีม

สามคนนี้ก็เหมือนกับเยี่ยเว่ยหมิง ในภารกิจเนื้อเรื่องนี้ล้วนยืนอยู่ฝั่งสำนักอู่ตัง เข้าข้างอู่ตังยิ่งกว่าเยี่ยเว่ยหมิงเสียอีก ดังนั้นจึงเชื่อใจเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไร้เงื่อนไข

“สี่!”

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงนับถอยหลังอีกครั้ง ปีศาจน้อยยุทธภพก็พิมพ์หนึ่งทันที

ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับเยี่ยเว่ยหมิง ทั้งยังถือเป็นการร่วมงานที่มีความสุขด้วย แม้วันนี้ทั้งคู่จะทำภารกิจชนกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว ไม่ส่งผลกระทบเวลาเยี่ยเว่ยหมิงตี BOSS แล้วขอให้เขาช่วยชกสักสองหมัด

“สาม!”

ครั้งนี้สวีหลินยวนกับเครื่องสังหารรุ่นสามพันที่ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับเขาแสดงท่าทีแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ แม้แต่เลี้ยงบาสลงห่วงที่เคยมีความแค้นต่อเขาก็แสดงท่าทีแล้วเช่นกัน

ตามที่เยี่ยเว่ยหมิงคิดไว้ อีกฝ่ายน่าจะรอให้เขานับถึงครั้งสุดท้ายก่อน แล้วค่อยแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายแสดงท่าทีก่อนแล้ว

ที่จริงแล้วการตี BOSS ครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดว่าจะพาเขาไปด้วย

แต่โบราณกล่าวไว้ดีมาก ‘ถูกลืมทั้งกลุ่ม ดีกว่าถูกลืมคนเดียว’ ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงชวนเพื่อนทุกคน แต่ก็ไม่ชวนเขาคนเดียว เช่นนั้นหลังจากตีบอสแล้ว เจ้าหมอนี่ก็จะเป็นก้างขวางคอเพราะรู้สึกเสียสมดุลในใจ

หากเทียบกับสถานการณ์นั้นแล้ว ไม่สู้เชิญทุกคนเข้ามาแล้วให้อาศัยความสามารถของแต่ละคนฆ่า BOSS ดีกว่า

เมื่อได้รับความเห็นที่เป็นเอกฉันท์จากทุกคน ก็ถึงขั้นพบว่ามีบางคนเริ่มย้ายที่ยืนอย่างเงียบๆ แล้ว เริ่มมาล้อมทหารมองโกลคนนั้น เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยทันทีว่า “ในเมื่อทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะตีมอนสเตอร์แล้วนะ”

พอพูดจบก็ไม่เห็นเขาทำอะไร กระบี่ยาวที่โปร่งแสงเหมือนแก้วหลิวหลีเล่มหนึ่งบินขนาบพื้นออกมาเงียบๆ ตอนที่ทหารมองโกลคนนั้นยังแกล้งตายและรอจังหวะหนี กระบี่ก็แทงเข้าไปที่หว่างขาของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบแล้ว

ฉึก!

-111207!

“อาอ่าอ๋า…!”

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท