บทที่ 906 เทพมารอนธการปะทะเทพมารฟ้าบุพกาล
“พี่ใหญ่ของข้าเคยติดตามท่านหรือ”
หานฮวงถามด้วยความอยากรู้ เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหานทั่วมานาน น่าเสียดายที่ไม่เคยได้พบหน้าเลย
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพยักหน้ายิ้มๆ
หานฮวงส่ายหน้ากล่าวไปว่า “แล้วไปเถอะ ถึงแม้ท่านจะดีต่อข้ามาก แต่ท่านแข็งแกร่งไม่พอ ข้าไม่อยากติดตามท่าน บนโลกนี้นอกจากท่านพ่อท่านแม่แล้ว ไม่มีผู้ใดคู่ควรพอให้ข้าติดตาม”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตะลึงงัน
แววตาจอมอริยะเสวียนตูพลันวูบไหว
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยว่า “ออกไปท่องโลกเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี ท่านพ่อของเจ้ายุ่งอยู่กับการปิดด่าน ไม่มีเวลามาดูแลเจ้าหรอก”
หานฮวงตอบว่า “ข้าก็ต้องปิดด่านเช่นกัน ตบะคือรากฐาน หากยังฝึกบำเพ็ญไม่ถึงระดับที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าไม่มีทางจากไปไหน”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นความคิดของเขาเอง ก่อนหน้านี้ข้าเคยพาเขามาแดนเซียน อยู่ได้ไม่กี่วัน เขาก็หมดความสนใจ ร้องจะกลับไปท่าเดียว”
หานฮวงพยักหน้าเอ่ยไปว่า “ข้าฝึกฝนใช้จิตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เคยสำรวจฟ้าบุพกาลดู ถึงแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้ยังดึงดูดความสนใจของข้าไม่ได้”
สองพ่อลูกนั่งอยู่ข้างกัน ดูราวกับคู่พี่น้อง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มอย่างจนปัญญาก่อนกล่าวไปว่า “ทุกคนมีความปรารถนาต่างกันไป เราก็ไม่อยากบังคับใจใคร หากครั้งหน้าได้พบหานทั่ว จะบอกให้เขากลับมาเยี่ยมเจ้าแน่นอน”
หานฮวงยิ้มออกมา เขาคาดหวังตั้งตารอพบหานทั่วจริงๆ
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยถาม “มรรคาสวรรค์มีตำแหน่งอริยะเพิ่มมาหนึ่งที่ ต้องการให้หานฮวง…”
หานเจวี๋ยส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ด้วยนิสัยของเขาไม่สามารถสั่งสอนดูแลมรรคาสวรรค์ได้ ให้เขารั้งอยู่ข้างกายข้าจะดีกว่า ส่วนตำแหน่งอริยะ พวกเจ้าจัดสรรเองได้เลย”
หานฮวงอดถามไม่ได้ “ตำแหน่งอริยะคืออะไร”
“ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า”
หานเจวี๋ยตอบส่งๆ ประโยคหนึ่ง
จากนั้นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจึงดึงตัวหานฮวงไปพูดคุยอยู่ด้านข้าง เสมือนผู้อาวุโสที่ห่วงใยใส่ใจชนรุ่นหลัง สอบถามสารทุกข์สุกดิบด้วยความเอ็นดู ส่วนหานเจวี๋ยและจอมอริยะเสวียนตูก็หารือเรื่องมรรคาสวรรค์
ยามนี้ฟ้าบุพกาลสงบสุข มรรคาสวรรค์พัฒนาได้เต็มที่ แดนเซียนกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น เรื่องที่อริยะต้องเข้าไปยุ่งมีน้อยยิ่ง ดังนั้นหลังจากอริยะใหม่เข้ารับตำแหน่งล้วนรับผิดชอบบุกเบิกเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลทั้งสิ้น
ตอนนี้มีเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลสิบห้าสายแล้ว เชื่อมต่อไปสู่ทิศทางต่างๆ ในฟ้าบุพกาล เนื่องจากเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลจะปกป้องสิ่งมีชีวิตที่ระดับต่ำกว่าอริยะลงไป ทำให้มีสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลเข้าร่วมกับมรรคาสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนนี้โลกอริยะไตรวิสุทธิ์เทียบไม่ติดเลย
โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ก็เคยบุกเบิกเส้นทางสวรรค์ไตรวิสุทธิ์เช่นกัน แต่น่าเสียดาย กฎเกณฑ์ไม่เสถียรพอ แข็งแกร่งเกินไปก็ถูกฟ้าบุพกาลต่อต้าน อ่อนแอเกินไปก็พังถล่มได้ง่ายๆ กลายเป็นเรื่องน่าขบขัน สถานการณ์ในปัจจุบันนี้เหลือเพียงสองฝ่ายยังไม่เปิดศึกกันเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วมรรคาสวรรค์จะทิ้งห่างโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ไปไกล นี่คือความเห็นโดยรวมของฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยฟังสรุปงานจากจอมอริยะเสวียนตู พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาเอ่ยชื่นชม “มรรคาสวรรค์มีจอมอริยะอยู่ นับเป็นโชคมหาศาลโดยแท้ วันหน้าหากเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาที่อาณาเขตเต๋าของข้าได้ ข้าจะเทศนาธรรมให้เจ้า ช่วยเจ้าก้าวสู่มหามรรคในเร็ววัน”
เมื่อจอมอริยะเสวียนตูได้ยินก็ตื่นเต้นปรีดา รีบเอ่ยขอบคุณ
นับตั้งแต่เลือกอยู่ฝั่งมรรคาสวรรค์ เขาก็ติดต่อกับเหล่าจื่อน้อยลงเรื่อยๆ เรื่องที่จะได้รับสืบทอดสมบัติต่อนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย เขาก็ไม่สะดวกจะกล่าวถึงเช่นกัน
หลายชั่วยามต่อมา หานเจวี๋ย หานฮวงและจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเดินออกมาจากตำหนักเอกภพ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองหานฮวง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเมตตา “อย่าลืมข้อตกลงของพวกเราเสียเล่า”
หานฮวงโบกมือกล่าวไปว่า “วางใจเถอะ หากข้าไปยังฟ้าบุพกาล จะไปหาท่านเป็นคนแรก”
เขามีสีหน้าหยิ่งยโส หานเจวี๋ยมองแล้วนึกขัน 艾琳小說
หลังจากร่ำลากันตามมารยาทแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็จากไป หานเจวี๋ยพาหานฮวงกลับไปยังเขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยคิดเล็กน้อย พาหานฮวงเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
ภายในอารามเต๋า ลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยนยังคงฝึกบำเพ็ญอยู่ เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหานฮวง พวกนางลืมตาขึ้นทันที
ดวงตาของพวกนางพลันเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกัน ลุกขึ้นมาทันที
“หวา นี่ก็คือบุตรชายคนรองของท่านหรือเจ้าคะ”
อู้เต้าเจี้ยนปราดเข้ามาหาหานฮวง หานฮวงตกใจถอยหลังไป
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ถูกต้อง เขาชื่อหานฮวง ฮวงเอ๋อร์ สองคนนี้คือแม่สี่และแม่ห้าของเจ้า”
แม่ห้าหรือ
ใบหน้างามของอู้เต้าเจี้ยนพลันแดงซ่านขึ้นมา
หานฮวงเริ่มคารวะ ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติต่อคนกันเอง ยังคงมีมารยาทยิ่ง
ลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยนทราบถึงคุณสมบัติของหานฮวงผ่านหมื่นโลกาฉายชัดแล้ว ไม่ใช่แค่พวกนาง เหล่าศิษย์สืบทอดต่างก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
พวกนางอยากพบหานฮวงมานานแล้ว วันนี้ได้พบหน้า ย่อมปรีดานัก
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานฮวงก็เริ่มเรียกพวกนางว่าแม่สี่และแม่ห้า
จากนั้น ทั้งสี่ก็เดินออกมาจากอารามเต๋า
หานเจวี๋ยเรียกเทพมารทั้งหมดมารวมตัวกัน
ตอนนี้อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองมีเทพมารทั้งหมดห้าสิบเอ็ดตนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งที่อยู่ระหว่างฟูกฟักในโลกอนธการ
หลังจากเหล่าเทพมารมารวมตัวกัน ยังคงเป็นฉากที่ตระการตานัก
หานฮวงหรี่ตาลง พิจารณาเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลเบื้องหน้า
“นี่คือคุณชายรองอย่างนั้นหรือ หน้าตาคล้ายนายท่านอยู่หลายส่วนจริงๆ”
ไก่คุกรัตติกาลฉีกยิ้มชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน แต่คนอื่นๆ กลับรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกนี้ช่างแปลกยิ่ง ราวกับเผชิญกับศัตรูตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาของหานฮวง
หานเจวี๋ยมองทะลุความรู้สึกของทุกคน ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “อืม เขาก็คือบุตรชายคนรองของข้า หานฮวง เสรีแต่กำเนิด มีสายเลือดพิเศษ สายเลือดของพวกเจ้าล้วนได้รับการยกระดับเป็นสายเลือดชั้นยอดของฟ้าบุพกาลแล้ว มีแนวโน้มจะเป็นอริกันได้ง่ายๆ แต่นี่เป็นเพียงความขัดแย้งทางสายเลือดเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้พวกเจ้าทำความรู้จักกันไว้แต่เนิ่นๆ วันหน้าต้องอยู่บนเส้นทางบำเพ็ญสายเดียวกัน พวกเจ้าต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”
เมื่อเหล่าเทพมารได้ฟังก็โล่งใจขึ้นมาทันที จากนั้นพยักหน้ารับ
ที่แท้เป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่หานฮวงเลย แต่ก่อนพวกเขาก็เขม่นกันเองเช่นกัน โชคดีที่พออยู่ร่วมกันไปนานเข้า ถึงได้ปรับตัวเข้าหากันอย่างสมบูรณ์
เรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ในอดีตสามพันเทพมารฟ้าบุพกาลเข่นฆ่ากันเอง
มู่หรงฉี่เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ปู่ ไม่สู้ให้เขาอยู่ที่นี่เถิดขอรับ ให้ใช้เวลาร่วมกับพวกเราสักระยะหนึ่ง”
เทพมารที่เหลือก็เห็นด้วย
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้าก็คิดเช่นนี้”
กล่าวจบ หานเจวี๋ยหันหลังกลับเข้าอารามเต๋าไป ทิ้งหานฮวงให้อยู่กลางวงเหล่าเทพมาร
กวนปู้ไป้จ้องมองหานฮวง เอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าแข็งแกร่งมาก มาประลองกันหน่อยดีหรือไม่”
หานฮวงมองเขาแวบหนึ่ง ส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นเดินเข้าไปหาเทพมารขุนพลสวรรค์ กล่าวว่า “เจ้าแข็งแกร่งที่สุด พวกเรามาประลองกันเถอะ!”
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงัน เทพมารขุนพลสวรรค์แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ ก่อนหน้านี้ถูกมู่หรงฉี่ข่มไว้ตลอด เพิ่งพลิกผงาดขึ้นมาได้ไม่นานนี้
กวนปู้ไป้เบะปาก สีหน้าไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง เขาถูกเทพมารขุนพลสวรรค์เคี่ยวกรำมาตลอด กลายเป็นน้องเล็กของเทพมารขุนพลสวรรค์แล้ว
ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง มีเพียงเขาที่หัวแข็งมากพอ คอยท้าทายเทพมารขุนพลสวรรค์ตลอด ท้าไปท้ามาก็เกิดเป็นความสัมพันธ์
“ตกลง!”
เทพมารขุนพลสวรรค์ตอบรับอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบและเริ่มประลองกัน
หานฮวงในปัจจุบันนี้มิใช่หนุ่มน้อยที่ถูกเจียงเจวี๋ยซื่อเล่นงานเช่นในอดีตแล้ว ในช่วงหลายพันปีมานี้นอกจากตบะแล้ว พรสวรรค์ในการต่อสู้ของเขาก็ตื่นรู้ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เพราะความช่วยเหลือของแบบจำลองการทดสอบ
ผ่านไปหลายสิบลมหายใจ
สิ้นสุดการใช้งานแบบจำลองการทดสอบ
ทั้งสองลืมตาขึ้น เทพมารขุนพลสวรรค์ขมวดคิ้วแน่น
กวนปู้ไป้เอ่ยยิ้มๆ “เป็นอย่างไรบ้าง ศิษย์น้องเล็ก อยากประลองกับข้าต่อหรือไม่”
หานฮวงเมินเขาไป จ้องมองเทพมารขุนพลสวรรค์ เอ่ยว่า “เจ้าแกร่งมาก แกร่งกว่าเจียงเจวี๋ยซื่อ”
เทพมารขุนพลสวรรค์สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย”
พอเขาเอ่ยเช่นนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง
เทพมารขุนพลสวรรค์พ่ายแพ้เช่นนั้นหรือ
“คุณชายน้อยของข้า นายท่านให้กำเนิดตัวประหลาดอันใดออกมากัน! เขายังอายุไม่ถึงหมื่นปีเลยกระมัง”
ไก่คุกรัตติกาลร้องอุทาน สิ่งที่พูดคือเสียงในใจของทุกคนเช่นกัน
………………………………………………………………