บทที่ 908 ปรมาจารย์ฟ้าทลาย ข้ามีโอกาสวาสนาประการหนึ่ง
‘หากหานฮวงเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล จะโดนผู้สร้างมรรคาเพ่งเล็งหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
เมื่อเห็นข้อความนี้ หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่ออย่างเงียบๆ
[ไม่โดน]
หานเจวี๋ยโล่งอก
จู่ๆ เขาก็นึกสนใจในมุมมองของผู้สร้างมรรคาขึ้นมา
สรุปแล้วว่าต้องเป็นอันตรายแบบไหนถึงจะทำให้พวกเขานั่งไม่ติดได้
ก่อนหน้านี้เขาทำลายล้างสองหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็ยังไม่ลงมือ
เรื่องนี้กล่าวได้ว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ความต่างชั้นระหว่างระดับยอดมหามรรคและผู้สร้างมรรคายากจะจินตนาการได้ เนื่องจากห่างชั้นกันมากเกินไป ผู้สร้างมรรคาถึงรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์
หานเจวี๋ยไม่ขบคิดถึงปัญหานี้อีกต่อไป รอจนเขาบรรลุระดับผู้สร้างมรรคาแล้ว จะรู้เองในไม่ช้าก็เร็ว
เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย ไม่ได้ตรวจดูจดหมายมานานมากแล้ว
[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับพลังอธิษฐานอันยิ่งใหญ่ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ผานซินสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผานกู่สหายของท่าน เรียนรู้พลังวิเศษมหามรรค]
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านเข้าสู่แดนบรรพกาล]
[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ มรรคจิตได้รับความเสียหาย]
[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านถูกช่วงชิงร่างต้นกำเนิดฟ้าประทาน สติปัญญาถูกผนึก]
[หานฮวงบุตรชายของท่านเข้าใจความหมายที่แท้จริงแห่งอนธการ สรรค์สร้างพลังวิเศษมหามรรคขึ้น พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จักรพรรดิเซียนกลับชาติมาเกิดสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเข้าสู่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล]
….
จดหมายในระยะนี้กลับสงบดี จำนวนแจ้งเตือนการถูกโจมตีไม่มากนัก
หานเจวี๋ยถูกแจ้งเตือนของจอมเทพข่งเซวี่ยดึงดูดความสนใจ
คนผู้นี้ถูกสะกดไว้ระยะหนึ่งแล้ว ยังหนีออกมาไม่ได้อีกหรือ
ดูเหมือนจะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
ไม่ว่าจะพูดกันอย่างไร คนผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในตัวหมากของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ไม่อาจปล่อยให้สิ้นท่าได้
หานเจวี๋ยคิดเล็กน้อย เลือกเข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ย ใช้รูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
สติปัญญาของจอมเทพข่งเซวี่ยถูกผนึกไว้ แต่นั่นเพียงเพราะไม่สามารถผสานรวมกับกายเนื้อได้ ไม่ได้ถูกลบเลือนปัญญาไป
ภายในแดนความฝัน เมื่อจอมเทพข่งเซวี่ยเห็นหายเจวี๋ย ก็รู้สึกโล่งใจทันที จากนั้นก็มีสีหน้าอับอาย
หลายปีมานี้ เขาคิดหาสารพัดวิถีทาง ใช้สารพัดวิธีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหนีออกไปได้ เขาคิดจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็กลัวจะเสียหน้า จึงได้แต่อดทนไว้
หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงไปแดนบรรพกาล ผู้ที่สะกดเจ้าไว้เป็นใคร”
จอมเทพข่งเซวี่ยไม่กล้าโอหังอีกต่อไป เล่าออกมาอย่างละเอียด
พอเล่าไปแล้วก็ยิ่งอับอาย เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “รอประเดี๋ยว”
จากนั้นเขาก็สลายแดนความฝัน
หานเจวี๋ยเริ่มใช้ความสามารถวิวัฒนาการ เหตุผลที่เขาเข้าฝันก่อน เพราะจะให้จอมเทพข่งเซวี่ยได้รู้ว่าเป็นเขาที่ออกโรงช่วย ซื้อใจอีกฝ่าย
[จำเป็นต้องหักอายุขันหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
อายุขัยหนึ่งแสนล้านปี…
เทียบเท่าเหล่าจื่อ!
ไม่คิดเลยว่าในแดนบรรพกาลจะมีตัวตนเช่นนี้หลบซ่อนอยู่!
ดำเนินการต่อ!
หานเจวี๋ยครุ่นคิดเงียบๆ หากอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงยอมสละจอมเทพข่งเซวี่ยแล้ว
ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัวเพื่อจอมเทพข่งเซวี่ย
เขาเคยช่วยเหลือจอมเทพข่งเซวี่ยแล้ว จนใจที่คนผู้นี้ทำตัวไม่ได้เรื่อง
หากมิใช่เพราะคำนึงถึงว่าในอดีตจอมเทพข่งเซวี่ยมีความดีความชอบจากการตามราวีเทพมารต้องสาป หานเจวี๋ยคงทอดทิ้งจอมเทพข่งเซวี่ยไปนานแล้ว
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า
[ปรมาจารย์ฟ้าทลาย: ระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น ผู้บุกเบิกฟ้าดิน สิ่งมีชีวิตแรกฟ้าบุพกาล เคยบุกเบิกฟ้าดินแห่งแรกในฟ้าบุพกาล ภายหลังถูกบรรพชนเต๋าสะกดจองจำ ไม่มีวันหลุดพ้นออกมาได้]
ใช่จริงๆ ตบะเทียบเท่าเหล่าจื่อ!
ตัวตนระดับนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกบรรพชนเต๋าสะกดไว้ได้ หรือว่าบรรพชนเต๋าจะเป็นผู้สร้างมรรคา
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา รูปประจำตัวของบรรพชนเต๋ายังคงมืดสนิท ข้อมูลยังคงระบุว่าไม่ทราบตบะ
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘บรรพชนเต๋าเป็นผู้สร้างมรรคาหรือไม่’
[ไม่สามารถสืบค้นบ่วงกรรมได้ อาจไม่มีตัวตนอยู่]
บรรพชนเต๋าตัวดี!
‘ในบรรดาผู้สร้างมรรคาปัจจุบันนี้มีบรรพชนเต๋าอยู่หรือไม่’
[ไม่สามารถสืบค้นบ่วงกรรมได้ อาจไม่มีตัวตนอยู่]
หานเจวี๋ยได้แต่ยอมแพ้ หันเหความสนใจไปที่ปรมาจารย์ฟ้าทลายแทน
‘ข้าสามารถสังหารปรมาจารย์ฟ้าทลายในเสี้ยววินาทีได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ได้]
เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว
หานเจวี๋ยเข้าฝันปรมาจารย์ฟ้าทลายทันที ใช้รูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ลองคุยดูก่อน หากเจรจาไม่ได้ ค่อยคิดเรื่องสังหารทำลาย
ทุกคนฝึกบำเพ็ญมายากลำบาก หากเป็นบ่วงกรรมที่สามารถแก้ไขได้ก็แก้ไขไปดีกว่า หานเจวี๋ยไม่อยากทำตัวเผด็จการชั่วร้าย
ในแดนความฝัน หานเจวี๋ยที่มืดดำไปทั้งตัวมองเห็นปรมาจารย์ฟ้าทลายแล้ว
ปรมาจารย์ฟ้าทลายเส้นผมขาวโพลน สวมชุดคลุมสีเทาเก่าซอมซ่อ แม้อาภรณ์จะเก่าคร่ำคร่า แต่บุคลิกยังคงเลิศล้ำเหนือสามัญ โดยเฉพาะดวงตา เปี่ยมด้วยความน่าเกรงขาม ราวกับมองทะลุทุกสิ่งบนโลกได้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ย ปรมาจารย์ฟ้าทลายขมวดคิ้ว นึกแปลกใจ
อีกฝ่ายบังคับดึงเขาเข้าสู่แดนความฝันได้ มีความสามารถไม่น้อยเลย!
แต่เขาไม่รู้จักเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เพียงทอดถอนใจกับความเก่งกาจของชนรุ่นหลังเท่านั้น
เขาถูกบรรพชนเต๋าสะกดจองจำไว้ในแดนบรรพกาลมายาวนานอย่างยิ่ง จะมีผู้ทรงพลังหน้าใหม่ปรากฏขึ้นในฟ้าบุพกาลก็ไม่น่าแปลกใจเลย
หานเจวี๋ยชิงเปิดปากพูดก่อน “สหายเต๋า คนของข้าพลัดหลงเข้าไปในแดนบรรพกาล ล่วงเกินเจ้าเข้า ถูกเจ้าสะกดไว้ยาวนานขนาดนี้ นับว่าได้รับโทษแล้ว ปล่อยเขาไปได้หรือไม่
“เขาเป็นเพียงอริยะมหามรรค เทียบกับผู้มีตบะระดับยอดมหามรรคอย่างเจ้าแล้ว ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงเลย อีกทั้งในตัวเขาก็ไม่มีสิ่งที่เจ้าต้องการด้วย”
ปรมาจารย์ฟ้าทลายได้ฟังก็หรี่ตาลง เอ่ยถาม “เจ้าเอ่ยถึงผู้ใดอยู่”
“จอมเทพข่งเซวี่ย”
“โอ้ ที่แท้ก็เขา นกยูงน้อยตัวนี้โวยวายอยู่ตลอดว่ามีผู้หนุนหลัง ทว่าไม่เคยปรากฏตัวเลย ข้านึกว่าเขาเพียงพูดข่มขู่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นความจริง”
“สหายเต๋าคิดเห็นเช่นไรเล่า”
ปรมาจารย์ฟ้าทลายไม่ได้ตอบในทันที แต่จ้องมองหานเจวี๋ย ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่
หานเจวี๋ยก็ไม่รีบร้อน
ผ่านไปนานพักใหญ่ ดฮณ๊ฯดฯฌซ
ปรมาจารย์ฟ้าทลายเอ่ยถาม “สหายเต๋ามีสมญาใด ข้าคือปรมาจารย์ฟ้าทลาย บางทีเจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “สรรพสิ่งเรียกขานข้าว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ส่วนสมญานามของสหายเต๋า ข้าย่อมทราบดี มิเช่นนั้นข้าจะเข้าฝันเจ้าได้หรือ ปรมาจารย์ฟ้าทลายผู้บุกเบิกฟ้าดิน ก่อตั้งโลกแห่งแรกในฟ้าบุพกาลขึ้น เพียงแต่ชะตากลับไม่เป็นใจ”
ปรมาจารย์ฟ้าทลายกล่าวด้วยความสะท้อนใจ “ไม่คิดเลยว่าจะยังมีผู้บำเพ็ญจดจำข้าได้ เห็นแก่ที่เจ้าจำข้าได้ ปล่อยจอมเทพข่งเซวี่ยไปก็ไม่เสียหายอะไร รอจนเขากลับออกไปแล้ว กำชับเขาด้วย แดนบรรพกาลแห่งนี้เป็นเพียงสถานที่หลอกลวง อย่าได้เข้ามาอีก”
หานเจวี๋ยถาม “หรือจะเกี่ยวข้องกับบรรพชนเต๋า”
สีหน้าปรมาจารย์ฟ้าทลายพลันแปรเปลี่ยน จากนั้นก็หรี่ตาลง
จู่ๆ เขาก็ตวาดกร้าวออกมาอย่างมีโทสะ “บรรพชนเต๋า! ฮ่าๆๆ! เขานับเป็นบรรพชนเต๋าอันใดกัน! อย่าได้เอ่ยถึงอีก! ตกลงกันตามนี้ ข้าจะส่งนกยูงน้อยตัวนั้นออกจากแดนบรรพกาล”
แดนความฝันสลายไป
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์ฟ้าทลายจะเจ้าอารมณ์มากขนาดนี้ เพียงแต่ในเมื่อปรมาจารย์ฟ้าทลายไม่ได้เกิดความเกลียดชังต่อเขา ก็น่าจะไม่ผิดคำพูด
อยู่ว่างพอดี หานเจวี๋ยจึงเข้าฝันต่อ เป้าหมายในครั้งนี้คือหวงจุนเทียน
เมื่อไปพบหวงจุนเทียน เขาใช้ร่างจริง
ในแดนความฝัน ไม่ได้พบกันเสียนาน หวงจุนเทียนดูมีมาดต่างไปจากเดิม บุคลิกดูไม่อ่อนด้อยไปกว่านักพรตเต๋าเสินเผาเลย
เมื่อหวงจุนเทียนเห็นเขา ก็ไม่ได้ตื่นเต้นเลย เอ่ยถามว่า “ข้ามีโอกาสวาสนาประการหนึ่ง เจ้าต้องการหรือไม่”
หานเจวี๋ยกลอกตาใส่ ตอบไปว่า “ไม่เอา”
หวงจุนเทียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที คุกเข่าคารวะ
หานเจวี๋ยเริ่มสอบถามสถานการณ์ในช่วงนี้ของเขา หวงจุนเทียนก็ไม่ปิดบัง บอกเล่าไปโดยละเอียด
หวงจุนเทียนเป็นผู้นำของผู้กำหนดชะตาเคราะห์จำนวนมาก แม้แต่พวกปรมาจารย์ลัญจกรสรวง หลี่เต้าคงและสือตู๋เต้าก็อยู่ใต้บัญชาเขา
………………………………………………………………