บทที่ 931 เผด็จการ! ไร้พ่าย!
“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ”
หานฮวงตะลึงงัน ทอดสายตามองไปด้านหน้า
ปลายทางของอุโมงค์ปฐมยุคปรากฏวงแสงแห่งหนึ่ง พอขยับเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ สองพ่อลูกก็ลอยออกมาจากแสงสีแดง ด้านนอกคือฟ้าบุพกาลอันเวิ้งว้าง
แดนบรรพกาลอยู่ด้านหน้าแล้ว!
แดนบรรพกาลที่ถูกผ่าแยกเป็นสองส่วนลอยอยู่ท่ามกลางหมอกหนาทึบ โดดเดี่ยววังเวง
ในเวลานี้ รอบแดนบรรพกาลยังมีสิ่งมีชีวิตบางส่วนซุ่มสังเกตการณ์อยู่ ในบรรดานั้นรวมถึงสายสืบของมรรคาสวรรค์ด้วย
ผานซินก็ดักซุ่มอยู่ที่นี่ด้วย
“นั่นคือแดนบรรพกาลหรือ”
หานฮวงพึมพำ สองมือที่อยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่นเป็นหมัด
หานเจวี๋ยเหยียบย่างผ่านความเวิ้งว้าง แสงเทพพร่างพราวส่องออกมาจากทั่วร่าง เจิดจ้าอยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศอันมืดมิด
“วันนี้ข้าอริยะสวรรค์เกรียงไกรแห่งมรรคาสวรรค์มาท้ารบดวงจิตบรรพกาลโดยเฉพาะ เพื่อสะสางความแค้น ตัดบ่วงกรรม!”
เสียงของหานเจวี๋ยดังก้องขึ้นในห้วงอวกาศ สะท้อนไปทั่วแดนบรรพกาล
วินาทีนั้น สิ่งมีชีวิตที่ดักซุ่มอยู่ในละแวกแดนบรรพกาลต่างตื่นตกใจ
ผานซินพาเหล่าครึ่งอริยะแห่งเผ่าผานกู่เหาะออกมาจากอุกกาบาตใหญ่มหึมาดวงหนึ่ง มองไปที่หานเจวี๋ย
“เป็นอริยะสวรรค์จริงๆ!”
ผานซินมีสีหน้าตื่นเต้น ทว่าไม่ได้เข้าไปรบกวนหานเจวี๋ย
ศึกใหญ่ระหว่างหานเจวี๋ยและดวงจิตบรรพกาล ไม่มีที่ให้เขาเข้าไปก้าวก่ายแน่นอน
สิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ห่างออกไปเริ่มส่งเสียงวิจารณ์
“เหตุใดถึงเป็นเขา”
“เขาคืออริยะสวรรค์เกรียงไกรหรือ รัศมีแกร่งกล้านัก!”
“ผู้ใดบอกว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรไม่กล้ามาเยือนแดนบรรพกาลกัน”
“ตัวจริงหรือตัวปลอม”
“มีละครสนุกๆ ให้ชมแล้ว!”
“คนผู้นั้นที่ติดตามอยู่ด้านหลังอริยะสวรรค์เกรียงไกรเป็นใครกัน จากกลิ่นอายแล้วอย่างน้อยๆ ก็คงเป็นอริยะมหามรรค!”
….
หานฮวงได้ยินวาจาของหานเจวี๋ยแล้วในใจพลันฮึกเหิมเร่าร้อน
นี่คือวิธีท้ารบในแบบที่เขาต้องการ!
เขารีบตามรอยเท้าหานเจวี๋ยไปทันที ติดตามบิดาเข้าสู่แดนบรรพกาล
หานเจวี๋ยเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าแดนบรรพกาลแล้ว ยังไม่ทันแตะโดนหมอกหนาทึบ ไอหมอกรอบแดนบรรพกาลก็สลายตัวไปในทันใด ฉากนี้ตระการตาอย่างยิ่ง
พื้นที่ทั้งหมดของแดนบรรพกาลปรากฏให้เห็นชัดเจน สายตาของหานเจวี๋ยทอดมองข้ามทิวเขาเก่าแก่กว้างไพศาลไป มองไปยังทะเลสาบผืนนั้นที่มีบุตรแห่งสวรรค์นับล้านล่องลอยอยู่
เขารับรู้ถึงพลังอันแกร่งกล้าอย่างยิ่งยวดประการหนึ่งที่ผสานตัวอยู่ใต้ทะเลสาบผืนนั้น แฝงความอัศจรรย์ของพลังแห่งการรังสรรค์ไว้ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
“ฮึ่ม!”
น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งแว่วขึ้น มองเห็นเพียงว่ามีไอดำกลุ่มหนึ่งลอยม้วนเข้ามาจากส่วนลึกของแดนบรรพกาล รังสีสังหารอันน่าหวาดหวั่นแช่แข็งห้วงอวกาศฟ้าบุพกาล
เป้าหมายของไอดำคือหานเจวี๋ย ทำให้หานฮวงตกใจตั้งท่าเตรียมป้องกันทันที
ม่านตาหานเจวี๋ยหดตัววูบ ไอดำสลายไป เผยให้เห็นร่างของปรมาจารย์ฟ้าทลายที่สวมชุดนักพรตเต๋าสีเทา รูปลักษณ์คล้ายวิญญาณร้าย
ปรมาจารย์ฟ้าทลายหน้าเปลี่ยนสี เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดหวั่นทำให้ใจสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นไปได้อย่างไร!
แสงสีแดงสายหนึ่งก่อตัวขึ้นด้านหลังหานเจวี๋ย ดูคล้ายตราลัญจกร ด้านในปรากฏอักขระมากมายนับไม่ถ้วน ลึกล้ำยากจะเข้าใจได้ น่าเกรงขามชวนพิศวง เจิดจ้าพร่าตา ทำให้คนตาลาย
ปฐมยุคประทับนภา!
หานฮวงมองปฐมยุคประทับนภาที่อยู่ด้านหน้าอย่างตื่นตะลึง เขารับรู้ถึงความหวาดกลัวได้เป็นครั้งแรก
ในอดีตตอนที่เผชิญหน้ากับกลับชาติกำเนิดมหาโชคของเจียงเจวี๋ยซื่อ เขาก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ความรู้สึกหวาดกลัวนี้ยากจะบรรยายได้ ราวกับพบพานศัตรูตามธรรมชาติ
ปรมาจารย์ฟ้าทลายชะงักไป จ้องมองหานเจวี๋ย ถามด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “อริยะสวรรค์เกรียงไกรคิดจะบุกรุกแดนบรรพกาลของพวกเราหรือ”
หานเจวี๋ยยิ้มน้อยๆ ปฐมยุคประทับนภาที่อยู่ด้านหลังพลันส่องแสงกะพริบเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ปรมาจารย์ฟ้าทลายหน้าเปลี่ยนสี เลือนหายไปในทันใด
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาไปโผล่ด้านในของปฐมยุคประทับนภาแล้ว ร่างกายท่อนล่างของเขาจมอยู่ในอักขระสีแดงแปลกประหลาด ส่วนร่างกายท่อนบนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับวิญญาณร้ายที่ติดอยู่ท่ามกลางเพลิงนรกโลกันต์ คิดจะทุ่มกำลังปีนป่ายขึ้นมา
“อริยะสวรรค์เกรียงไกร! เจ้าคิดจะทำอะไร!”
ปรมาจารย์ฟ้าทลายตะคอกถามด้วยความโกรธ ไม่เคยเผชิญกับพลังวิเศษเช่นนี้มาก่อน เขายังไม่ทันได้ใช้พลังก็ถูกพันธนาการไว้แล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดคือพลังเวทของเขากำลังสลายไป มรรคผลของเขากำลังพังทลาย
“หนวกหู!”
หานเจวี๋ยไม่หันไปมองเลย พอสิ้นเสียงเขา กายเนื้อของปรมาจารย์ฟ้าทลายสลายมอดไหม้ เหลืออยู่เพียงเสี้ยววิญญาณของเขาที่หายใจรวยรินใกล้สิ้นชีพ
เผด็จการ!
ไร้พ่าย!
หานฮวงมองแล้วเลือดลมเร่าร้อนฮึกเหิมอยู่ในทรวง
เหล่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ไกลออกไปก็ตกตะลึงเช่นกัน
ปรมาจารย์ฟ้าทลายผู้ยิ่งใหญ่พออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยแล้ว ไร้หนทางสู้ขนาดนี้เชียวหรือ
ผานซินหน้าแดงซ่านด้วยความตื่นเต้น เขาเคยเห็นความร้ายกาจของปรมาจารย์ฟ้าทลายมาแล้ว ผู้ทรงพลังทั้งหมดที่เข้าโจมตีแดนบรรพกาลต่างถูกปรมาจารย์ฟ้าทลายทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส!
ไกลออกไปนับร้อยล้านลี้ ห้วงอวกาศปริร้าวแตกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง พระราชวังใหญ่มหึมาหลังหนึ่งลอยออกมา เงาร่างมากมายยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของพระราชวัง
ผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุดคือจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจ้องมองแผ่นหลังของหานเจวี๋ย สีหน้าแปลกใจ
วังสวรรค์ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยจากไปเลย แต่ซ่อนตัวอยู่ในห้วงมิติที่อยู่ลึกลงไปอีก หากมิใช่เพราะได้ยินเสียงของหานเจวี๋ย จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่มีทางโผล่ออกมา
เพิ่งออกมาก็ได้เห็นฉากที่ปรมาจารย์ฟ้าทลายถูกปราบแล้ว
จ้านฝัวจ้องหานเจวี๋ยเขม็ง
เขาคุ้นเคยกับชื่อของอริยะสวรรค์เกรียงไกรยิ่งนัก นามที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยถึงบ่อยที่สุดก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกร
หานเจวี๋ยก็รับรู้ได้ถึงการปรากฎตัวของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ เดินมุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของแดนบรรพกาล
วิญญาณของปรมาจารย์ฟ้าทลายยังคงดิ้นด้วยความทรมาน แต่ไม่ว่าเขาจะร้องโหยหวนเพียงใด ก็ไม่มีเสียงลอดออกมาเลยสักนิด
นี่คือปฐมยุคประทับนภา!
ปฐมยุคประทับนภาที่ลอยอยู่ด้านหลังหานเจวี๋ยดูคล้ายขุนเขาสีแดงลูกหนึ่ง ราวกับเป็นตัวแทนอำนาจศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งเลิศล้ำนั้น!
“แข็งแกร่งนัก!”
หานฮวงอยู่ด้านหลังปฐมยุคประทับนภา มองปฐมยุคประทับนภาที่ล่องลอยอยู่ ตื่นเต้นสุดขีด
เขาอยากเรียนรู้!
เขาต้องเรียนรู้พลังวิเศษนี้ให้ได้!
หานเจวี๋ยเหยียบย่างเข้าสู่แดนบรรพกาล ขุนเขาธาราใต้เท้าพลันสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที ทุกย่างก้าวทำให้แผ่นดินของแดนบรรพกาลไหวสะเทือน มอดไหม้สลายเป็นธุลี
ฉากนี้ปรากฏต่อสายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ทำให้แตกตื่นตกตะลึงอย่างยิ่ง
“ดวงจิตบรรพกาล ยังไม่ออกมาอีกหรือ”
หานเจวี๋ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงเยียบเย็น ดังก้องกังวาน นิจนิรันดร
เขาเดินต่อไปไม่หยุด แดนบรรพกาลพังถล่มอย่างต่อเนื่อง เสียงถล่มดังกึกก้อง
ในส่วนลึกของแดนบรรพกาล ทะเลสาบกว้างไกลไร้ขอบเขตพลันระเบิดกระจาย บุตรแห่งสวรรค์นับล้านดังห่าธนูที่พุ่งสู่ฟ้า
พวกเขาลอยสูงขึ้นไปนับหมื่นจั้ง หยดน้ำบนร่างระเหยเป็นไอ บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดพลันลืมตาขึ้น ดวงตาดำมืด รัศมีองอาจเลิศล้ำ
บุตรแห่งสวรรค์ระดับที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงครึ่งอริยะ มีอริยะเสรีเกินหมื่น กลิ่นอายทั้งหมดรวมอยู่ด้วยกัน สั่นสะเทือนห้วงมิติฟ้าบุพกาล
ครืน! ครืน! ครืน!
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาจากทั่วสารทิศของแดนบรรพกาลทั้งสองฝั่ง ฝุ่นธุลีมหาศาลพวยพุ่งฟุ้งกระจาย เงาดำร่างหนึ่งพุ่งขึ้นสู่นภาสูง เมื่อทอดสายตามองออกไป มีจำนวนมากกว่าเหล่าบุตรแห่งสวรรค์มากนัก เงาดำเหล่านี้ดูเหมือนเงามืด สองเนตรแผ่แสงแดงฉาน สยดสยองน่ากลัว
มารมรรคา!
มารมรรคานับไม่ถ้วนเหาะออกมา เข้าปิดล้อมพวกหานเจวี๋ยสองพ่อลูกอย่างรวดเร็ว ผู้สังเกตการณ์เหล่านั้นตกใจกลัวพากันถอยกรูดไป
สิบล้าน!
ร้อยล้าน!
หมื่นล้าน!
แสนล้าน!
มารมรรคาเหาะออกมาอย่างต่อเนื่อง ตบะระดับใดล้วนมีทั้งสิ้น ถึงขั้นที่มีอริยะมหามรรคอยู่ด้วย
แรงกดดันจากทั่วสารทิศหลั่งไหลกดทับจนหานฮวงหายใจไม่สะดวก
“เหตุใดถึงมีมากมายปานนี้…”
หานฮวงพึมพำ ตัวสั่นนิดๆ
แต่เขาไม่ได้หวาดกลัว!
ในใจเขากลับปรากฏจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแรงกล้า!
นี่ก็คือฉากที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันหาเป็นที่สุด!
และในเวลานี้เอง!
รัศมีแกร่งกล้าน่าตะลึงอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในส่วนลึกของแดนบรรพกาล กลิ่นอายนี้เหนือล้ำกว่ามารมรรคาและปรมาจารย์ฟ้าทลาย แข็งแกร่งจนหานฮวงรู้สึกว่าวิญญาณอาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
กลิ่นอายเช่นนี้เพียงพอจะต่อกรกับท่านพ่อของเขาได้!
หานฮวงหันไปมองทันที สองตาหรี่ลง ในใจปรากฏความกังวลเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุมได้
ท่านพ่อจะสามารถต่อกรกับผู้ทรงพลังระดับนี้ได้จริงๆ น่ะหรือ
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดก็มองไปในทิศทางนั้นเช่นกัน
ดวงจิตบรรพกาลออกโรงแล้ว!
………………………………………………………………