บทที่ 969 สวรรค์ประทานโชคครั้งที่หนึ่ง
เทวีตราวินัยเอ่ยไปมากมายยิ่ง ไม่พ้นไปจากการวิเคราะห์ถึงผลได้ผลเสียของรูปการณ์
หานเจวี๋ยรอนางพูดจบถึงได้เอ่ยเนิบๆ ว่า “ในเมื่อเทวีอยากสะสางบ่วงกรรมนี้ เช่นนั้นก็มาที่อาณาเขตเต๋าของข้าเถิด แห่งที่ไม่ได้อยู่ในมรรคาสวรรค์ เจ้าน่าจะรู้ดีว่าอยู่ที่ไหน พวกเรามาสนทนาธรรมกัน นับว่าเป็นการแสดงท่าทีของเจ้าให้เหล่าผู้ทรงพลังได้ประจักษ์”
เทวีตราวินัยเงียบไป
หานเจวี๋ยก็ไม่รีบร้อน ยกโอกาสมาวางไว้ตรงหน้านาง
หากว่านางปฏิเสธ หานเจวี๋ยก็จะบังคับเชิญนางเป็นแขกอยู่ดี
ผ่านไปนานพักใหญ่
เทวีตราวินัยเอ่ยตอบ “ตกลง!”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็สลายแดนความฝัน
เขาลืมตาขึ้น คิดไปคิดมา ตัดสินใจย้ายทุกคนที่อยู่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สามเข้าไปอยู่โลกอนธการ รอให้สยบเทวีตราวินัยได้แล้วค่อยปล่อยออกมา ถึงอย่างไรเทวีตราวินัยก็เป็นมหามรรค สามารถทำอันตรายคนอื่นๆ ในอาณาเขตเต๋าได้ง่ายๆ
เทวีตราวินัยมาถึงเร็วยิ่ง
นางไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของตนเลย เมื่ออยู่ท่ามกลางฟ้าบุพกาลแล้วดูราวกับโคมไฟเจิดจ้าที่สาดส่องอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
เมื่อนางมาถึงหน้าอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามก็ค้อมคำนับเล็กน้อย
หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการตรวจสอบดู หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตรายถึงได้เคลื่อนย้ายเทวีตราวินัยเข้ามา จากนั้นก็ซัดฝ่ามือผนึกสุญญตาเข้าใส่ บังคับผนึกนางไว้ จากนั้นก็ปล่อยหลิวเป้ย สิงหงเสวียน ชิงหลวนเอ๋อร์และเหล่าศิษย์ในโลกอนธการออกมา ต่อมาตัวเขาก็เคลื่อนย้ายไปที่อาณาเขตเต๋าหลัก โยนเทวีตราวินัยเข้าไปในคุกสวรรค์อนธการ
เทวีตราวินัยนั่งสมาธิอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย จ้องมองเขาอย่างสงบ ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด
หานเจวี๋ยเองก็คร้านจะพูดมาก
เขาเริ่มฝึกบำเพ็ญ
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
หนึ่งแสนปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังสยบทาสเทวีตราวินัยไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้นางสูญเสียสติรับรู้ไปแล้ว ตัวนั่งอยู่ในท่าสมาธิแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ราวกับรูปปั้น
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น รู้สึกอารมณ์ดี
การฝึกบำเพ็ญในช่วงที่ผ่านมา ตบะเขาก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง ถึงแม้จะยังห่างไกลจากระดับผู้สร้างมรรคา แต่ขอเพียงแข็งแกร่งขึ้นก็พอ
หลังจากจัดการดวงจิตนพชาติไป ฟ้าบุพกาลน่าจะไม่เกิดปัญหาวุ่นวายไปอีกนาน
ตอนนี้หานเจวี๋ยนับว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาลแล้ว พลังอำนาจครอบงำนภา ไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องเขา เว้นก็แต่ตัวตนโบราณที่ถูกสะกดไว้มาเนิ่นนานเหล่านั้น ถูกตัดขาดจากกาลเวลาจนไม่เข้าใจรูปการณ์ของยุคสมัย
แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ชะล่าใจเลย
ดูจากที่เจ้านวฟ้าบุพกาลลงโทษดวงจิตนพชาติได้ตรงๆ เพียงโบกมือก็คืนชีพให้สรรพสิ่งได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนนี้หานเจวี๋ยเปรียบเสมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น
ต้องทราบด้วยว่าผู้สร้างมรรคามีถึงห้าราย!
เมื่อหานเจวี๋ยได้ผสานตัวเข้ากับฟ้าบุพกาลที่เก้า ก็ยิ่งสงสัยอย่างจริงจังว่าผู้สร้างมรรคาอีกสี่รายที่เหลืออาจจะมีโลกของตัวเองอยู่เช่นกัน โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นเดียวกับฟ้าบุพกาล ถูกสร้างขึ้นอย่างมีหลักการ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาข้องแวะกับเรื่องของฟ้าบุพกาลน้อยยิ่ง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของหานเจวี๋ย
ถึงอย่างไรฟ้าบุพกาลก็ต้องเป็นโลกที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน ผู้ใดจะบอกได้เล่าว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลแข็งแกร่งเพียงใด
ค่าตัวของเจ้านวฟ้าบุพกาลคือหนึ่งแสนล้านล้านล้านปี ผู้สร้างมรรคามีค่าตัวหนึ่งแสนล้านล้านปี เพียงพอจะเห็นถึงความห่างชั้นแล้ว
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x60982321
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x73110720
….
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากตัวตนเหนือชั้น พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเข้าสู่ขอบเขตอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[ชิงเทียนเสวียนจีสหายของท่านเข้าสู่รอยแยกฟ้าบุพกาล]
[หานอวี้เชื้อสายของท่านตระหนักรู้ในความจริงแห่งมรรคาสวรรค์ เรียนรู้พลังวิเศษอันยิ่งใหญ่]
[หานทั่วบุตรชายของท่านได้รับการชี้แนะจากเทพมหาทัณฑ์สหายของท่าน พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
….
สงบสุขดีจริงๆ
หานเจวี๋ยอ่านพบจากจดหมายว่าเหล่าสหายได้รับโชควาสนาแตกต่างกันไป ในใจก็รู้สึกปลอดโปร่งยิ่ง
ต่อสู้ฆ่าฟันจะมีอะไรดีกัน
หานเจวี๋ยเริ่มตั้งตารองานชุมนุมฟ้าบุพกาลแล้ว งานชุมนุมเผชิญอุปสรรคมากมายนัก จะต้องจัดขึ้นให้ได้!
หลังจากตรวจดูจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป
หลายหมื่นปีต่อมา เทวีตราวินัยถูกสยบทาสสำเร็จ เกิดความประทับใจในตัวหานเจวี๋ยเต็มขั้นดาว
หลังจากเอ่ยกำชับเทวีตราวินัยไปสองสามประโยค เขาก็ปล่อยนางออกไป แล้วหานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
ไม่ว่าอย่างไรกำหนดการณ์ปิดด่านหนึ่งแสนปีก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ พอครบกำหนดเวลาหนึ่งแสนปีอีกครั้ง หานเจวี๋ยถึงได้สิ้นสุดการฝึกบำเพ็ญ
หานเจวี๋ยเข้าฝันจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
ในแดนความฝัน หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท ฮวงเอ๋อร์เติบใหญ่แล้ว พระองค์ช่วยจัดการเรื่องวิวาห์ให้เขาได้หรือไม่ หากพวกเรากลายเป็นญาติเกี่ยวดองกันได้ก็ยิ่งดี”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเจ้าสำราญ มีโอรสสวรรค์นับไม่ถ้วน คงจะมีธิดาด้วยเช่นกัน
พอจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายได้ฟังก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เราเองก็คิดเช่นนี้ เช่นนั้นเราจะคัดเลือกบุตรีที่มีรูปโฉมคุณสมบัติเลิศล้ำที่สุดให้ออกเรือนกับฮวงเอ๋อร์ เพียงแต่ฮวงเอ๋อร์ไม่ชอบใกล้ชิดสตรี คนเดียวที่เขายอมใกล้ชิดด้วยก็คือชิงเอ๋อร์”
“บอกไปว่าเป็นคำสั่งจากข้า ต้องการให้เขาขยายวงศ์ตระกูล”
“ได้ ฮ่าๆๆ!”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหัวเราะเสียงดัง เขาปรารถนาในสายเลือดของหานฮวงยิ่ง หากว่าสามารถสืบทอดส่งต่อมาสู่วังสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องดี
หลังแดนความฝันสิ้นสุดลง หานเจวี๋ยก็เคลื่อนย้ายเซวียนฉิงจวินมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
ทั้งสองคนเคล้าคลอกันอยู่ระยะหนึ่ง ในที่สุดเซวียนฉิงจวินก็ตั้งครรภ์
หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าเป็นเพราะการสะกดข่มจากกฎเกณฑ์บางอย่าง ทำให้สายเลือดของเขาไม่สามารถถ่ายทอดไปสู่ร่างของเซวียนฉิงจวินอย่างสมบูรณ์ได้ อีกทั้งเซวียนฉิงจวินก็รับไม่ไหวเช่นกัน
คุณสมบัติของครรภ์นี้มากสุดก็เท่าๆ กับหานทั่ว
หานเจวี๋ยสร้างอารามเต๋าหลังใหม่ขึ้นข้างๆ อารามเต๋าของตนแล้วยกให้เซวียนฉิงจวิน หลังจัดการเรื่องเซวียนฉิงจวินเสร็จ เขาก็ไปเข้าฝันหานอวี้ต่อ
เขาต้องการให้หานอวี้วิวาห์กับสตรีที่ติดตามอยู่ข้างกายมานานคนนั้น คำพูดนี้ทำให้หานอวี้เขินอายอย่างยิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยแล้วเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ
พอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
สวรรค์ประทานโชคจะได้ออกโรงแล้ว
อันที่จริงหานเจวี๋ยจะใช้เลยก็ได้ เช่นนี้บุตรธิดาในปัจจุบันของเขาก็จะได้รับสวรรค์ประทานโชคไป แต่การทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย
หากว่าหานทั่วและหานชิงเอ๋อร์ได้รับ แล้วหานฮวงจะคิดอย่างไรเล่า
หากว่าเป็นหานฮวงที่ได้รับไป เด็กคนนี้เลิศล้ำอยู่แล้ว อนาคตถูกลิขิตให้เกรียงไกรสะท้านฟ้าดิน อนาคตของหานฮวงที่เคยวิวัฒนาการดูเมื่อครั้งอดีตหานเจวี๋ยยังคงจดจำได้ดี
เด็กคนนี้อาจกลายเป็นเภทภัยได้ ต้องดูแลควบคุมให้ดี
อีกอย่าง หานเจวี๋ยก็ต้องการให้สายเลือดส่งผ่านเชื้อสายของเขาไปรุ่นต่อรุ่นด้วย ไม่ใช่ประเภทที่บรรพบุรุษมีคุณสมบัติแข็งแกร่งเท่าไร เชื้อสายทายาทก็ยิ่งอ่อนแอลง
อีกอย่างสวรรค์ประทานโชคก็ใช้ได้เรื่อยๆ หากว่าทายาทในปัจจุบันนี้วาสนาดี ได้รับการสุ่มเลือกเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นโชคชะตา
หนึ่งปีต่อมา
เซวียนฉิงจวินให้กำเนิดบุตรแล้ว มิใช่เด็กชาย แต่เป็นเด็กหญิง หานเจวี๋ยตั้งชื่อให้ว่าหานหลิง
หานเจวี๋ยทำเช่นเดียวกับคราวของหานชิงเอ๋อร์ สละเวลาส่วนหนึ่งมาอยู่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่
นิสัยของหานหลิงมิได้ซุกซนสดใสเช่นหานชิงเอ๋อร์ แต่ค่อนข้างเก็บตัว ตามปกติจะพูดน้อยยิ่ง
หลังจากหานหลิงเติบใหญ่ เซวียนฉิงจวินก็เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ ไม่ได้ดูแลนางอีก หานเจวี๋ยจึงให้นางมาอยู่ในอารามเต๋าของตน ฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายตน
หานเจวี๋ยรับรู้ได้เซวียนฉิงจวินไม่ได้รักหานหลิงมากขนาดนั้น ดูเหมือนนางจะอยากได้บุตรชายมากกว่า
พอเห็นว่าบุตรสาวคนที่สองเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญแล้ว หานเจวี๋ยก็เริ่มใช้ความสามารถสวรรค์ประทานโชค
[เปิดใช้ความสามารถสวรรค์ประทานโชค ผู้มีชะตามหาโชคแต่กำเนิดจะปรากฏขึ้นในหมู่เชื้อสายของท่านแบบสุ่มเลือก]
[หานหลิงบุตรสาวของท่านตื่นรู้เป็นผู้มีชะตามหาโชคแต่กำเนิด…ดาวจักรพรรดิอนธการ]
[ดาวจักรพรรดิอนธการ: จักรพรรดิแต่กำเนิด หลุดพ้นจากอิทธิพลแห่งกฎเกณฑ์ มีปราณจักรพรรดิหลอมวิญญาณ ความสามารถในการทำความเข้าใจเลิศล้ำ สามารถก่อตั้งฝึกฝนกองทัพจักรพรรดิขึ้นมาได้]
ทันทีที่ข้อความสามแถวนี้ปรากฏขึ้นมา หานหลิงที่อยู่ข้างกายหานเจวี๋นพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ปราณสีม่วงแปลกประหลาดปรากฏรายล้อมรอบกายสายแล้วสายเล่า
ในเวลาเดียวกันนี้ เหนือฟ้าบุพกาลขึ้นไป มหามรรคสามพันวิถีสั่นไหว ราวกับกำลังต้อนรับการมาเยือนของตัวตนสูงส่งเลิศล้ำ
………………………………………………………………