บทที่ 982 โลกอริยะย่อยยับ บรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด
“หากไม่มีเหล่าจื่อ โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ก็ไม่นับว่าเป็นอันใดเลย!”
ผู้กำหนดชะตาเคราะห์รายหนึ่งเอ่ยเสียงดัง ไม่เห็นโลกอริยะไตรวิสุทธิ์อยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง
หลี่เต้าคงเอ่ยต่อว่า “ข้าสามารถจัดการเจ้านิกายทงเทียนได้!”
ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ในกลุ่มมิ่งพากันส่งเสียงขึ้นมา แต่ละคนต่างระบุถึงคู่ต่อสู้ พอเทียบดูเช่นนี้แล้วหากว่ากันในแง่ของกำลังรบ โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ยังคงสู้กลุ่มมิ่งไม่ได้
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงลูบเครามองไปที่หวงจุนเทียน ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงไว้วางใจในตัวหวงจุนเทียนยิ่ง นับตั้งแต่หวงจุนเทียนรวมกลุ่มมิ่งให้เป็นหนึ่งเดียวก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่กลุ่มชั่วร้ายที่ถูกผู้อื่นมุ่งโจมตีหรือทำได้เพียงหลบซ่อนอีกต่อไปแต่กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ความสามารถนี้ทำให้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงละอายใจนัก
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่มีประสบการณ์และความสามารถในด้านการพัฒนายกระดับสักเท่าไร ก่อนหน้านี้เขาแค่เฝ้าดูแลมรรคาสวรรค์เท่านั้น ไม่เคยสอดมือเข้ายุ่งเรื่องจัดการดูแลมรรคาสวรรค์เลย
หวงจุนเทียนลุกขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิ่งเก็บตัวมานานแล้ว สมควรจะประกาศศักดาของพวกเราเสียที หากทำลายล้างโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ มรรคาสวรรค์ไม่มีทางคัดค้านแน่ พวกเราจะถล่มโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ ยึดมรรควิถีแล้วจากไปทันที จะไม่รั้งอยู่ที่โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ในระยะยาว”
“พวกเราน้อมรับบัญชาแห่งเจ้าชะตา!”
สมาชิกกลุ่มมิ่งทั้งหมดรับคำสั่งทันที รัศมีโชติช่วงดั่งสายรุ้ง
….
วันเดือนเคลื่อนคล้อย กาลเวลาไหลผ่านดุจสายน้ำ ผู้ที่นั่งมองอยู่ริมแม่น้ำอาจรู้สึกว่าสายน้ำไหลเชื่องช้า แต่มัจฉาในวารีกลับรู้สึกว่าเร็วยิ่ง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ผ่านไปอีกห้าแสนปีแล้ว
เขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบเป็นอันดับแรก ท้าสู้กับดวงจิตนพชาติ
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป เขาก็เอาชนะดวงจิตนพชาติได้สบายๆ
เขาท้าสู้ต่อไป
ผ่านไปหลายสิบครั้ง ระยะเวลาที่เขาใช้สังหารดวงจิตนพชาติลดเหลือยี่สิบลมหายใจแล้ว
ยังไม่พอ ยังต้องใช้เวลาจนกว่าจะสามารถสังหารดวงจิตนพชาติในเสี้ยววินาทีได้
ส่วนผู้สร้างมรรคา หานเจวี๋ยยังไม่นึกถึงชั่วคราว คาดว่าคงต้องรอให้โลกปฐมยุคสำเร็จอย่างสมบูรณ์
หานเจวี๋ยมองไปที่หานหลิง บุตรสาวคนนี้ยังคงตั้งใจฝึกบำเพ็ญอยู่ ตบะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่าความเร็วในการบำเพ็ญของนางเร็วกว่าหานฮวงด้วยซ้ำ
หรือจะได้รับอิทธิพลมาจากตน
ถึงอย่างไรหานฮวงก็ไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายเขาทุกวัน หลังออกจากอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามไป หานฮวงติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายออกรบ ในระหว่างนี้จึงทำให้ถ่วงรั้งเวลาบำเพ็ญ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่หานหลิงฝึกบำเพ็ญได้เร็วก็เป็นเรื่องดี
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
ไม่อ่านก็ยังเฉยๆ แต่พออ่านก็ต้องสะดุ้งโหยง
เกิดการต่อสู้แล้ว!
[เทพสูงสุดหยวนสื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสือตู๋เต้าสหายของท่าน]
[เทพสูงสุดหยวนสื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมิ่ง] x49
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[เหล่าจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหวงจุนเทียนสหายของท่าน]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเหล่าจื่อสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[เหล่าจื่อสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ พลังเวทปะทุปั่นป่วน]
[จิ่งเทียนกงสหายของท่านได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณ เนื่องจากแบกรับบ่วงกรรมจากการสาปแช่งมากเกินไป]
….
กลุ่มอิทธิพลมิ่งปะทะกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์แล้ว!
ด้านล่างยังมีจดหมายอีกมากมาย เห็นได้ชัดว่าศึกนี้ผ่านไปนานหลายปีแล้ว
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก จากนั้นมองไปยังโลกอริยะไตรวิสุทธิ์
มรรคาสวรรค์อยู่ใกล้กับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ยิ่ง หานเจวี๋ยมองปราดเดียวก็เห็นแล้ว
โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ที่โอ่อ่างดงามในวันวานไม่คงอยู่อีกต่อไป ห้วงอวกาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ซากศพและเศษเกาะแตกแยก ปราศจากความมีชีวิตชีวา
มีรอยแยกมิติสายหนึ่งที่กว้างอย่างยิ่งพาดอยู่เหนือโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ คล้ายจะถูกกระบี่กรีดเปิด
หานเจวี๋ยทำนายอยู่ในใจ พบว่าในศึกใหญ่ครั้งนั้นหลี่เต้าคงได้ฟันผ่าห้วงมิติจนเกิดรอยแยกนั้นขึ้น
ปัจจุบันนี้หลี่เต้าคงเป็นอริยะมหามรรคแล้ว พลังแกร่งกล้ายิ่ง
ส่วนศึกระหว่างหวงจุนเทียนและเหล่าจื่อ เขาทำนายถึงไม่ได้ คาดว่าสองคนนี้คงไปสู้กันในอาณาเขตพิเศษ
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา รู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง
ไม่คิดเลยว่าหวงจุนเทียนจะก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้แล้ว
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมาก็มายังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เข้าสู่ตำหนักเอกภพ
จอมอริยะเสวียนตูกำลังศึกษาจานเข็มทิศแผ่นหนึ่งอยู่ พอเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที
หานเจวี๋ยไม่สนใจจานเข็มทิศในมือเขาเลย หลังจากนั่งลงก็เอ่ยถาม “สถานการณ์ของโลกอริยะไตรวิสุทธิ์เป็นมาอย่างไร”
จอมอริยะเสวียนตูตอบว่า “ไม่เหลือซากแล้ว ไตรวิสุทธิ์โยกย้ายออกจากอาณาเขตนี้แล้ว หลังจากกลุ่มมิ่งชิงทรัพยากรของมรรควิถีพวกเขาไปก็จากจากไปเช่นกัน สรุปแล้วนับว่ามรรคาสวรรค์ได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงปะทะกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ คิดว่าเจ้าชะตาก็คงเล็งเห็นถึงจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นถึงได้กล้าลงมือกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์”
ปัจจุบันนี้ไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดในฟ้าบุพกาลกล้าเข้ามาโจมตีมรรคาสวรรค์!
กลุ่มมิ่งเองก็เช่นกัน!
ดังนั้นจอมอริยะเสวียนตูจึงไม่ได้เชื่อมโยงหวงจุนเทียนและหานเจวี๋ยเข้าด้วยกันเลย
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เหล่าจื่อไม่ได้มาหาเจ้าหรือ”
จอมอริยะเสวียนตูส่ายหน้ากล่าวไปว่า “ข้าไม่ได้ติดต่อกับท่านอาจารย์มานานมากแล้ว”
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘วาจาของจอมอริยะเสวียนตูเป็นความจริงหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เป็นความจริง]
หานเจวี๋ยถึงได้พอใจ จำเป็นต้องระแวดระวังคนอื่นไว้ด้วย ถึงแม้ค่าความประทับใจที่จอมอริยะเสวียนตูมีต่อเขาใกล้จะถึงขั้นสูงสุดแล้วก็ตาม
จากนั้นจอมอริยะเสวียนตูเริ่มเล่าถึงแผนการพัฒนามรรคาสวรรค์ต่อจากนี้ โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ย่อยยับแล้ว มรรคาสวรรค์จำเป็นต้องลงมือขยายตัวยึดครองอาณาเขตนี้ไว้
หลังจากนั้นมรรคาสวรรค์จะขยายกำลังอย่างเร่งด่วน โลกอื่นๆ ที่อยู่ในอาณาเขตการปกครองของนักพรตเต๋าเสินเผาล้วนต้องเจรจาตกลงกับมรรคาสวรรค์
แต่หากมรรคาสวรรค์คิดจะตั้งตัวเป็นเอกเทศอย่างแท้จริงก็ยังต้องใช้เวลา ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง มรรคาสวรรค์เปรียบเสมือนน้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทรกว้าง ตอนนี้อย่างมากก็แค่ไร้ศัตรูในเขตนี้เท่านั้น
หลายชั่วยามต่อมา หานเจวี๋ยจากไป
เมื่อกลับถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยเริ่มใคร่ครวญดู
นี่มิใช่เรื่องดีเลย
หากว่ามรรคาสวรรค์ขยายตัวเร็วเกินไปจนเป็นเหตุให้เจ้านวฟ้าบุพกาลงมือเข้า จะได้ไม่คุ้มเสีย
รอจนมรรคาสวรรค์พัฒนาตัวไปถึงระดับหนึ่งแล้ว หานเจวี๋ยจะต้องหาทางควบคุมไว้
แน่นอน หากว่าเวลานั้นเขาสามารถบดขยี้เจ้านวฟ้าบุพกาลได้สบายๆ แล้วก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากว่ายังไม่ได้ก็ทำได้เพียงควบคุมมรรคาสวรรค์ไว้
หานเจวี๋ยไม่ได้กลัวเลย หากสู้เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่ได้ก็ซ่อนตัวในอาณาเขตเต๋าเสีย แต่มรรคาสวรรค์ทำไม่ได้
ในขณะที่หานเจวี๋ยกำลังเตรียมตัวจะฝึกบำเพ็ญ
[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
ไม่ได้รับแจ้งเตือนนี้มานานเหลือเกิน
เขาเลือกตรวจสอบทันที
[หงจวิน: ปฐมเทพขั้นหนึ่ง บรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด มหาโชคแต่กำเนิด ดวงจิตโลกมรรคา มรรคผลไร้เทียมทาน ดวงชะตาแห่งการสรรค์สร้าง]
บรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด!
หานเจวี๋ยเพ่งมองออกไป ที่ชายขอบของจักรวาลโลกดารานักพรตเต๋าหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเหาะมุ่งหน้ามา
มองเผินๆ แล้วนักพรตเต๋าคนนี้ธรรมดายิ่ง พลังเวทธรรมดา ตบะก็สามัญ ยากจะทำให้คนคาดคิดว่าเขาคือบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด
เหตุใดคนผู้นี้ถึงมาที่นี่
หานเจวี๋ยนึกถึงแผนร้ายก่อนเป็นอันดับแรก
อริยะมหามรรคธรรมดาอาจจะทำนายไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างหานเจวี๋ยและจักรวาลโลกดารา แต่ยอดมหามรรคทำนายได้ ถึงอย่างไรเดิมทีจักรวาลนี้ก็ไม่มีตัวตนอยู่ แต่ถูกหานเจวี๋ยสร้างขึ้นจากมายาแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นจริง
หานเจวี๋ยเริ่มสังเกตการณ์หงจวิน
หงจวินเหาะอยู่หลายวันแล้วเลือกปักหลักที่ดาวดวงหนึ่ง เขาดึงดูดความสนใจของหลิวเป้ยเข้าแล้ว
หลิวเป้ยไปหาหงจวิน หลังจากสนทนากันไปมา หงจวินก็กราบเข้าสู่สังกัดหลิวเป้ย กลายเป็นศิษย์ของหลิวเป้ย
หรือว่านี่จะเป็นแผนการของบรรพชนเต๋า
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เอ่ยเตือนหลิวเป้ยเช่นกัน เขาก็อยากเห็นว่าหงจวินคิดจะเล่นลูกไม้อันใด
………………………………………………………………