บทที่ 1038 ซูเหล่าต้าโมโหมาก
บทที่ 1038 ซูเหล่าต้าโมโหมาก
หวังเซียงฮวาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นท่าทางจริงจังของหลานพลันรู้สึกว่าคงมีเรื่องสำคัญที่ตนไม่รู้จริง ๆ
โชคดีที่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ความคิดที่มีต่อหญิงสาวเลือนหายไป
แค่เห็นว่าอีกฝ่ายดูใช้ได้ อ่อนโยน มีความสามารถ
ใครที่ไหนจะไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ล่ะ?
เข้ากับลูกชายโง่ ๆ ได้ดีเลย
แม้ตระกูลเราจะมาจากชนบทแต่ตอนนี้เราอยู่ในเมืองแล้วไม่ใช่หรือ?
หรือไม่ถือว่าคู่ควรอยู่ดีล่ะ?
ลูกชายในใจเธอยังสร้างความสำเร็จและภาคภูมิใจให้พ่อแม่เสมอ
ต่งเยี่ยนอันไม่ได้รับรู้ เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังมีความสุขอยู่ในโลกของตัวเอง
นอกจากรสเผ็ดแล้ว เราก็ทำรสเผ็ดชาให้แสบทรวงถึงใจด้วยแล้วกัน
ถ้าเป็นที่ยอมรับในตลาด อาจจะทำเปรี้ยวเผ็ด แล้วก็อีกหลาย ๆ รสเลย
เธอเชื่อว่าทุกคนมีรสนิยมต่างกัน ไม่ว่าจะรสไหนขอแค่ส่วนผสมเข้ากันใครก็ชอบทั้งนั้น
ตกเย็นหลังจากเพื่อนกลับไป เสี่ยวเถียนอยู่ที่ฟาร์มต่อ
“เสี่ยวเถียน แม่ยังคิดว่าเพื่อนหนูเข้ากับพี่สามเขานะ หนูว่าไง?”
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งชอบต่งเยี่ยนอันเท่านั้น
“ให้พี่สามเขาคิดเองเถอะค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ยัยเด็กคนนี้ พี่สามหนูโง่ขนาดนั้นนอกจากต้นกล้ากับรวงข้าวแล้วยังมีเรื่องอื่นในใจด้วยหรือ? แม่รอมันหาคู่มาเป็นชาติไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหนด้วยซ้ำ”
เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก
นอกจากต้นกล้ากับรวงข้าวแล้ว ก็มีเสี่ยวเฉ่า*[1] นี่แหละที่สนใจด้วย!
“แม่เคยคิดไหมคะว่าพี่สามมีคนที่ชอบในใจแล้วแต่แม่แค่ไม่รู้?”
“จริงเรอะ? ไอ้เด็กนั่นมันมีคนที่ชอบแล้วหรือ อย่าหลอกกันนะ เป็นคนแบบไหนล่ะ?”
หวังเซียงฮวาใคร่สนใจ แต่ก็รู้สึกเศร้าที่ลูกชายมีคนที่ชอบแต่ไม่บอกกล่าวกัน
เฮ้อ พอลูกโตก็ไม่พึ่งพาแม่อีกต่อไป ประโยคนี้ท่าจะจริง
ซูเหล่าต้าได้ยินเรื่องราวยังนึกแปลกใจ
แต่เขาไม่พูดอะไร
จากนั้นเสี่ยวเถียนก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง
ตอนทั้งสองได้ยินหลานพูดถึงชื่อซูเสี่ยวเฉ่าได้ถึงกับตกใจ
เป็นไปได้ยังไง?
เด็กสองคนนี้…
“ไอ้สารเลวนั่นเอาใครไม่เอามาเอาเสี่ยวเฉ่า เป็นพี่น้องกันนะ”
จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงโกรธจัดของซูเหล่าต้า
ว่ากันตรง ๆ ลูกชายทั้งสามของตระกูลซูส่วนใหญ่อารมณ์ดีมาก ยกเว้นตอนพวกพี่ ๆ ซนแล้วพวกเขาเอาไม้ไล่ตีตอนเด็ก ก็มีครั้งนี้แหละที่เสี่ยวเถียนได้เห็นเขาโกรธจริง ๆ
ถ้าซูซานกางอยู่ตรงนี้ต้องโดนตบแน่นอน
หวังเซียงฮวาเห็นหลานสาวสะดุ้งเพราะเสียงสามี
“เสี่ยวเถียน พ่อใหญ่ไม่ได้ตั้งใจ เขาโมโหน่ะ เจ้าสารเลวนั่นในมันทำเรื่องอุบาทว์แบบนี้ได้ยังไง?”
หวังเซียงฮวาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมลูกชายที่แสนฉลาดถึงทำตัวเป็นกระต่ายกินหญ้าข้างรัง*[2]
“แม่ใหญ่ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ ถึงเราจะแซ่เดียวกันกับบ้านลุงฉางจิ่ว แต่มันห่างกันห้าชั่วโคตรแล้วนะ!”
เวลาพ่อใหญ่โมโหน่ากลัวจริง ๆ
แต่เธอต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน
“เหอะ ห่างมาห้าชั่วโคตรหรือ ยังไงก็อยู่ในตระกูลเดียวกันอยู่ดีไหม หรือรอให้คนมาด่าเราอยู่หรือเปล่า?”
ซูเสี่ยวเถียน “…”
“แต่ปู่กับย่าก็เห็นด้วยนะคะ!”
อะไรนะ? พ่อแม่เห็นด้วยหรือ?
ทั้งสองมองหน้ากัน
พวกท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือเปล่า?
เห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
ถ้าคนนอกรู้จะคิดอย่างไงกับบ้านเราล่ะ?
ไม่ด่าว่าเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก*[3]หรอกเรอะ?
“ลุงฉางจิ่วก็เห็นด้วยนะคะ”
อะไรเนี่ย?
ซูเหล่าต้ากับภรรยาตกใจหนักกว่าเก่า ดวงตาเบิกกว้างแทบไม่อยากเชื่อ
เพราะไม่คิดว่านอกจากพ่อแม่จะเห็นด้วยแล้ว ซูฉางจิ่วยังเห็นด้วยอีก
อาจด้วยความที่พ่อแม่รักหลานอาจจะเห็นด้วย
แต่ซูฉางจิ่วล่ะ?
เขาเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน เป็นบุคคลสำคัญเชียวนะ ไม่กลัวชาวบ้านนินทาว่าร้ายบ้างหรือ?
แถมต้องอยู่ที่นั่นอีกนาน ไม่เหมือนกับบ้านเรา
แล้วเขาก็เป็นที่รู้จักในเรื่องเห็นครอบครัวสำคัญด้วย
ในฐานะที่โตมาด้วยกัน เขาจึงรู้จักซูฉางจิ่วระดับหนึ่ง และอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตระกูลแน่นอน
แต่ถ้าเจ้าตัวเห็นด้วย แสดงว่ามีเรื่องราวมากกว่านั้น
จู่ ๆ ซูเหล่าต้าก็คิดถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
เช่น พวกเขาทำในสิ่งที่พ่อแม่จำต้องยินยอมหรือเปล่า?
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าพ่อใหญ่คิดไปถึงไหนแล้ว
แต่ตัวคนพ่อไม่มีทางบอกแน่นอน
“เสี่ยวเถียนมีอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า?”
เด็กสาวตกใจ พ่อใหญ่เป็นคนคิดเยอะมาก
หากเป็นพ่อรองหรือพ่อของเธอคงไม่มีทางเดาออกหรอก
แต่พ่อใหญ่กลับหัวไว
เสี่ยวเถียนพูดตรง ๆ ไม่ได้
ถ้าลุงฉางจิ่วไม่ยอม เธอก็ไม่สามารถพูดตามอำเภอใจได้หรอก
จึงไม่รู้จะตอบยังไงดี
ซูเหล่าต้าเห็นความลำบากใจจึงหยุดถาม
อย่าทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กเลย
พรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปถามไอ้ซานกงดู ถามมันเสียว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หวังว่าจะไม่ทำเรื่องอุบาทว์ชั่วช้านะ ถ้าเป็นแบบนั้นอย่าหาว่าเราหักขามันแล้วกัน
ฝั่งซูซานกางจามติดต่อกันสามครั้งรวดจนเสิ่นจื่อเจินต้องถาม “อากาศก็ไม่ได้หนาวนะ ทำไมถึงเป็นหวัดล่ะ?”
ชายหนุ่มส่ายหัวด้วยความว่างเปล่า
ถามไปก็ทำอะไรไม่ได้ ซูเหล่าต้ามองหลานแล้วเอ่ยอีกครั้ง
[1] เฉ่า (草) ในชื่อเสี่ยวเฉ่าแปลว่าต้นหญ้า
[2] กระต่ายกินหญ้าข้างรัง หมายถึง การทำเรื่องเลวร้ายหรือทำให้เกิดผลเสียต่อคนรอบข้าง เพราะสุดท้ายแล้วจะวกกลับมาหาตัวเอง
[3] เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก หมายถึง ผู้ใหญ่ระดับบนประพฤติมิชอบ ผู้น้อยระดับล่างก็จะเลียนแบบในทางเสีย ตรงกับสำนวนคานบนเอียง คานล่างย่อมไม่ตรง ของไทย