บทที่ 1053 หนูเป็นเจ้าของสูตรอาหารนะ
บทที่ 1053 หนูเป็นเจ้าของสูตรอาหารนะ
สองหนุ่มสาวประทับใจในคำพูดเสี่ยวเถียนมาก
แต่ยังมีความกังวลใจอยู่ว่า หากทุกคนทำธุรกิจร่วมกันจะเป็นการรบกวนกันไหม
แล้วถ้าไปแย่งลูกค้ามาคงไม่ดีเท่าไรนะ
ด้วยความซื่อสัตย์จึงถามออกไปตรง ๆ
เสี่ยวเถียนยกยิ้ม “ฉันเข้าใจที่คุณกังวลค่ะเลยคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ฉันตั้งใจว่าจะเลือกอาหารหลากหลายประเภทมา และถ้าพวกคุณทำบะหมี่ตุ๋นเนื้อแกะ ฉันจะไม่เอาคนขายบะหมี่ตุ๋นเนื้อแกะอีกเจ้ามาเช่า”
ถ้าขายต่างกันจะไม่เกิดความขัดแย้งขึ้น
อันที่จริงเรื่องนี้มีความเป็นไปได้นั่นแหละ แค่หลีกเลี่ยงให้มากที่สุดก็พอ
“แล้วถ้ามีคนตั้งใจมากินบะหมี่ของเรา แต่พอเข้าร้านมาเห็นอย่างอื่นน่ากินกว่าล่ะ”
หญิงสาวยังคงกังวล
“กลับกันถ้ามีคนไม่ได้อยากกินบะหมี่แต่แรก พอเข้าร้านมาเห็นของคุณน่ากินก็อาจจะมาซื้อแทนก็ได้นะคะ”
เสี่ยวเถียนตอบคำถาม
หญิงสาวได้ฟังก็คิดได้
ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะมาแย่งลูกค้าไปนะ ทั้ง ๆ ที่เราก็แย่งลูกค้าเขาเหมือนกัน
ที่กล้าทำธุรกิจเพราะมั่นใจในฝีมือตัวเองไม่ใช่หรือ
ในที่สุดทั้งสองคนก็เช่าแผงขายของ
เสี่ยวเถียนให้พวกเขาเลือก
เป็นตำแหน่งใกล้ทางเข้า
ทำเลดีอย่างไม่ต้องสงสัย
พอคนเข้าร้านมาจะต้องผ่านร้านแรกอยู่แล้ว ถือว่าได้เปรียบ
เสี่ยวเถียนเขียนสัญญา ระบุไว้ว่าเริ่มจ่ายค่าเช่าเดือนเก้า สำหรับเดือนแรกลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จ่ายสามสิบหยวน
หากต้องการต่อสัญญาเดือนที่สองต้องจ่ายค่าเช่ารวมสามเดือนและค่าประกันหนึ่งเดือน
เมื่อเห็นว่าสัญญาไม่มีปัญหาตรงไหนจึงลงมือเซ็นทันที
สิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจคือหม้อและกระทะ
ต่อให้อนาคตไม่ได้ขายที่นี่ แต่เราสามารถเอาอุปกรณ์ไปใช้ได้ ไม่ลำบากด้วย
หลังจากจ่ายค่าเช่าเสร็จ สองชายหญิงก็เก็บใบสัญญาไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
ส่วนค่าทำความสะอาด เสี่ยวเถียนเรียกเก็บวันที่ยี่สิบของทุกเดือน
เรื่องนี้พวกเขายอมรับเช่นกัน
ก่อนจะจากไปอย่างมีความสุข เตรียมหาที่พักราคาถูก ๆ ไม่ไกลจากร้าน
คล้อยหลัง จูหลานฮวาจึงเอ่ยอย่างกังวล
“เสี่ยวเถียน เราไม่เลือกร้านแรกกับเขาด้วยหรือ?”
เด็กสาวคิดอยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าไม่จำเป็น
“ธุรกิจแถวมหาวิทยาลัยจะขึ้นอยู่กับลูกค้าประจำค่ะ ถ้าอาหารอร่อยลูกค้าเยอะอยู่แล้ว”
อีกอย่างมันไม่ใช่สถานีรอรถที่มีแขกไปใครมาเยอะ ๆ
ต่อให้ตั้งร้านหัวมุมถนนก็ไม่ได้สำคัญเท่าไร
“แล้วเราควรเลือกอันไหนล่ะ?”
“หนูเลือกร้านลึกสุดค่ะ!”
ถึงจะเสียเปรียบ แต่มันเป็นธุรกิจของใครของมัน เสี่ยวเถียนเชื่อว่าผลกระทบไม่ได้ใหญ่มากนัก
ส่วนตำแหน่งที่จูหลานฮวาเลือกจะดูหลานสาวเป็นหลักก่อน
ที่จริงเธออยากเลือกจุดใกล้ประตู แต่เสี่ยวเถียนเลือกพื้นที่ในสุดจึงจะเลือกพื้นที่ใกล้เคียงกันด้วย ชั่วขณะหนึ่งที่ความคิดในใจตบตีกัน
“ตอนนี้ยังมีตัวเลือกอีกเยอะค่ะ ป้าค่อย ๆ คิดนะ ไม่ต้องรีบ”
เด็กสาวเข้าใจความคิดดี ใครจะไม่อยากได้ทำเลทองล่ะ?
“ป้าอยากตั้งร้านข้าง ๆ น่ะ มีหนูอยู่ด้วยแล้วรู้สึกวางใจ”
เสี่ยวเถียนระเบิดหัวเราะ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เหมือนที่เขาพูดกันว่า ‘สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก’*[1] หมาล่าทั่งอร่อยจะตายถ้าพ่อใหญ่พูดก็คงบอก ‘สามไกลถึงสามลี้ยังกลัวคนไม่รู้อีกหรือ?’ ”
อันที่จริง ตำแหน่งที่จูหลานฮวาเลือกไม่ถือว่าเสียเปรียบหรอก แต่เสี่ยวเถียนทำได้แค่ปลอบประโลมเท่านั้น
“ก็จริงนะ ป้าจะตั้งใจทำให้อร่อยสุด ๆ ไปเลย เอาให้คนกินครั้งเดียวถึงกับลืมไม่ลง!”
จูหลานฮวาจริงจัง
คนที่ใช้สูตรอาหารของเสี่ยวเถียนอย่างฉีเหลียงอิงและครอบครัวหลี่จู้จื่อธุรกิจไปได้สวยมาก แล้วเธอจะไม่ขายดีได้ยังไงกันล่ะ?
ตอนนั้นเองที่นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“เสี่ยวเถียน แต่สูตรนั้นเป็นของเธอนะ”
เด็กสาวสับสน ก่อนนึกขึ้นได้ว่าป้าแกหมายถึงสูตรอาหาร
“ถือเสียว่าเป็นของหมั้นพี่สามแล้วกันค่ะ ป้าคิดว่ายังไงคะ?”
เพราะเคยคิดแบบนั้นเอาไว้จึงเอ่ยตรง ๆ
“ไม่ได้หรอก ๆ” จูหลานฮวารีบปฏิเสธ
“ป้าได้ยินว่าแม่รองกับอาสะใภ้สี่ให้กำไรหนูตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่หรือ ป้าเลยอยากถามให้เหมือนกันนะ หนูคิดว่าไง?”
ผู้เป็นป้ากังวลเล็กน้อย
ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราจะดี แต่ไม่ได้เป็นญาติแท้ ๆ นี่
ถึงจะให้กำไรหลานยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่เราก็ยังได้ผลประโยชน์อยู่นะ
เสี่ยวเถียนไม่นึกว่าป้าจะคิดเช่นนี้
จากคำพูดของท่านไม่น่าเพิ่งจะคิดแน่ ๆ
ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทำไมมีแต่คนอยากให้เงินเธอเนี่ย?
สูตรอาหารพวกนี้เธอไม่สนใจด้วยซ้ำ
“แต่หนูอยากใช้สูตรอาหารนี้เป็นของหมั้นสำหรับพี่สามกับพี่เสี่ยวเฉ่าจริง ๆ นะคะ”
“ไอ้เรื่องสินสอดทองหมั้นอะไรเนี่ยผู้ใหญ่เขาตกลงกันไว้แล้ว เจ้าเด็กน้อยแบบหนูไม่ต้องมาห่วงหรอก!” จูหลานฮวาเอ่ยเคือง ๆ “อีกอย่างเสี่ยวเฉ่าก็มีแม่แท้ ๆ ของเขาอยู่ด้วย ไม่ต้องเอามาให้ป้าหรอกไปให้อาจารย์เซี่ยหนานนู่น”
เสี่ยวเถียนยิ้มสดใส ถ้าเอาสูตรอาหารให้อาจารย์จะมอบเป็นของขวัญล้ำค่าหรือบอกให้ท่านลาออกจากงานมาเปิดร้านดีล่ะ?
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม หลังจากนี้เราจะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เหมือนป้าฉวยโอกาสจากหนูเลย ควรทำให้เหมือนแม่รองดีกว่า”
จูหลานฮวาภาคภูมิใจมาก!
เหมือนว่าจะคิดดีแล้วสินะ
“ก็ได้ค่ะ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ” การเจรจาถือเป็นอันยุติ
[1] สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก หมายถึง อะไรที่เป็นของดี ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดย่อมมีคนเสาะแสวงหาจนพบในที่สุด เปรียบเสมือนร้านสุราที่แม้จะอยู่ลึกเข้าไปในตรอก แต่ถ้าเป็นสุราดีจริงยังไงลูกค้าก็ตามเข้าไปดื่มอยู่ดี